เมื่อพูดถึงความสำเร็จในชีวิตของใครหลายๆคน มั่นใจได้เลยว่าในยุคปัจจุบันนี้ คนจำนวนไม่น้อยที่จะนึกถึงการทำธุรกิจที่เปิดกิจการและการประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ เพราะในปัจจุบันนี้ ธุรกิจเป็นความสำเร็จที่สามารถสร้างเงินได้อย่างมากและไม่ต้องทำงานโดยที่มีเจ้านายคอยคุม แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการที่จะสร้างธุรกิจหรือการสร้างกิจการและประสบความสำเร็จในธุรกิจที่ตัวเองทำอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆสักเท่าไหร่เลยล่ะ และถึงแม้ว่าจะมีหนังสือที่จะให้การทำธุรกิจนั้นเป็นเรื่องง่ายอยู่ตามท้องตลาดอย่างมากมายก็จริง แต่ในบางครั้งหนังสือเหล่านั้นก็อาจจะช่วยเราได้ไม่ดีเท่าที่ควรนะ
แต่ถ้าหากว่าเราสร้างธุรกิจจากแนวคิดของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ พ่อมดแห่งตลาดหุ้นล่ะ แน่นอนว่าหุ้นทุกตัวที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เล่นหรือได้ลงทุนลงไปนั้น หุ้นทุกตัวล้วนไม่ธรรมดาและในหลายๆครั้งที่เพื่อนนักลงทุนเหมือนกันได้มองว่ากิจการหรือธุรกิจนั้นเป็นสิ่งที่ไร้สาระไม่น่าลงทุน แต่ทำ วอร์เรน บัฟเฟตต์ กลับเลือกที่จะลงทุนในหุ้นตัวนั้น อย่างเช่นหุ้นของบริษัทหมากฝรั่งบริษัทหนึ่ง และพอผลสุดท้ายเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น หุ้นที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ลงทุนเอาไว้กลับไม่รู้สึกอะไรและไม่เดือดร้อนสักเท่าไหร่ จะดีหรือเปล่าล่ะถ้าเราสร้างกิจการหรือสร้างธุรกิจให้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มองเห็นว่าน่าลงทุน และเรามีเคล็ดลับในการสร้างกิจการให้ประสบความสำเร็จตามแนวคิดของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เพื่อให้ใครหลายๆคนได้ประยุกต์ใช้กับกิจการของตัวเองอย่างง่ายๆ ดังนี้
อ่านเพิ่มเติม :10ข้อ เล่นหุ้นให้รวย แบบพ่อมดนักลงทุนวอร์เรน บัฟเฟตต์
-
สร้างกิจการที่เป็นผู้นำในตลาด
กิจการที่มีลักษณะเป็นผู้นำในตลาด แน่นอนว่าจะเป็นกิจการที่คนจะนึกถึงเป็นอย่างแรกเมื่อพูดถึงคำใดคำหนึ่งขึ้นมา อย่างเช่นถ้าเราพูดคำว่า ร้านสะดวกซื้อ คนส่วนใหญ่จะนึกถึง 7-11 โดยถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้จะมีร้านค้าอย่างเช่น Top mart หรือร้านสะดวกซื้อชื่ออื่นๆเกิดขึ้นมาอย่างมากมายก็ตาม และเมื่อเราพูดถึงนำอัดลม มั่นใจได้เลยว่าคนส่วนใหญ่จะนึกถึง Pepsi หรือไม่ก็ Coke ขึ้นมาเป็นอันดับแรก โดยที่น้อยคนนักจะนึกถึง Est เป็นอันดับแรก ซึ่งการเป็นกิจการหรือธุรกิจอะไรก็ตามที่คนนึกถึงเป็นอับดับแรก น้อยกิจการนักที่จะล้มละลายหายไปจากตลาดนอกเสียจากว่าจะมีกิจการใหม่ที่ดีกว่าขึ้นมาแทนที่อย่างเช่นตัวอย่างธุรกิจฟิล์ม Kodak ที่ครั้งหนึ่งดูเหมือนจะเป็นกิจการที่ไม่มีวันล้มละลาย แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ทำให้คนทุกคนได้มองข้าม กล้องถ่ายแบบฟิล์มและมองข้าม ฟิล์ม Kodak
ซึ่ง วอร์เรน บัฟเฟตต์ มักจะเลือกลงทุนกับกิจการที่เป็นผู้นำตลาดอยู่เสมอๆ เพราะตัวเขาเองรู้ดีว่าธุรกิจในลักษณะนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยล่ะที่จะล้มละลาย อีกทั้งยังสามารถทำผลกำไรได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
2 สร้างกิจการที่มีผลกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ผลกำไรที่เกิดขึ้นกับบริษัท เป็นตัวชี้วัดได้อย่างดีในความสามารถของผู้บริหารว่ามีความสามารถมากน้อยแค่ไหน ยิ่งกิจการไหนที่มีผลกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง นั่นก็ยิ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าผู้บริหารนั้นมีความสามารถอย่างมากเลยล่ะ และต่อให้กิจการบางกิจการสามารถทำกำไรในปีนั้นเป็นเม็ดเงินต่อปีได้ไม่เยอะก็จริง แต่ถ้ากำไรในปีนั้นกลับมากกว่าปีที่แล้ว ก็นับได้ว่าเป็นอีกกิจการหนึ่งที่น่าสนใจนะ แต่ในทางกลับกันหากบริษัทบางบริษัท สามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลเป็นหลักสิบล้าน แต่เมื่อเทียบกับปีที่แล้วกลับพบว่าได้กำไรน้อยกว่าเดิม ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกิจการที่ไม่ค่อยน่าลงทุนนะ
การที่กิจการมีกำไรที่สูงขึ้นเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว แสดงให้เห็นถึงความเติบโตของบริษัท ซึ่งถึงแม้ว่ากำไรที่กิจการนั้นสามารถทำได้เป็นตัวเลขที่ไม่เยอะก็จริง แต่ก็แสดงให้เห็นความสามารถของผู้บริหาร และกิจการลักษณะนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ จะให้ความสนใจเป็นอันดับแรกๆ
-
สร้างกิจการที่นโยบายการเงินไม่เสี่ยง
ถ้าหากว่ากิจการของเรา เป็นอีกหนึ่งกิจการที่สามารถอยู่ได้ด้วยเงินของผู้บริโภคและสามารถเติบโตได้จากเงินเหล่านั้น การกู้เงินเพื่อนำมาลงทุนหรือเลือกที่จะยืมเงินจากธนาคารเพื่อที่จะมาลงทุน เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำสักเท่าไหร่ เพราะเราไม่รู้ว่าเมื่อเราใช้เงินตรงนั้นลงทุนแล้ว จะเกิดความคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน จะสามารถสร้างกำไรได้อย่างคุ้มค่าหรือเปล่า และตลอดระยะเวลาที่เราต้องใช้เงินคืนจากแหล่งที่ยืมมา จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจมากน้อยขนาดไหน ซึ่งถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดวิกฤตของตัวกิจการเองหรือเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ กิจการที่ไม่มีหนี้จะสามารถรอดพ้นได้อย่างสบายโดยที่ไม่จำเป็นต้องลดพนักงานลง แต่ในทางกลับกัน กิจการที่มีหนี้สินส่วนใหญ่มักจะจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลง ปิดงานบางสาขา เพื่อความอยู่รอดของบริษัท