ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มนุษย์เราทุกวันนี้ จำเป็นต้องมีเงินไว้สำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่การที่จะใช้เงินให้มีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่าและเหลือเก็บในแต่ละเดือน ดูจะเป็นเรื่องที่ยากเหลือเกินสำหรับคนแต่ละคน โดยเฉพาะเหล่ามนุษย์เงินเดือนหรือกลุ่มชนชั้นกลางในสังคม ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่มาก เมื่อเทียบกับรายจ่ายที่กองพะเนินเป็นภูเขาเลากา ไหนจะแผนการใช้เงินในอนาคต ที่ต้องกันเงินไว้ในส่วนนั้นอีก
ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มีผู้ใช้หลายคนที่ตั้งกระทู้สอบถามเกี่ยวกับการวางแผนใช้เงินในอนาคตให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งส่วนมากผู้ตั้งกระทู้จะเป็นที่อายุยังน้อย และเพิ่มเริ่มต้นชีวิตการทำงาน หรือไม่ก็เป็นกลุ่มคนที่มีเงินเดือนน้อย และมีปัญหาเกี่ยวกับการบริหารเงินในแต่ละเดือน ในขณะที่แผนการใหญ่ในอนาคตก็ต้องทำด้วย
จากข้อมูลในหลาย ๆ กระทู้ เช่น http://pantip.com/topic/31350209 และ http://pantip.com/topic/31102747 ทำให้เราได้ข้อสรุปว่า คนส่วนมากที่มีแผนการใช้เงินครั้งใหญ่ในชีวิต เกือบทั้งหมดจะเป็นของ บ้าน คอนโด รถยนต์ ส่วนเรื่องอื่น ๆ อย่างเช่น โทรศัพท์มือถือ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มักจะเป็นแผนการที่ไม่ได้คาดคิดไว้ล่วงหน้า เหมือนกับอยากซื้อก็ซื้อ ในส่วนนี้นี่เองที่กลายเป็นตัวดูดเงินออกไปจากกระเป๋า ทำให้การเก็บเงินเพื่อแผนการใหญ่ในอนาคตไม่สำเร็จสักที
ก่อนอื่นเลย เราจะมาพูดถึงเรื่องของบ้าน คอนโด รถยนต์ กันก่อน
ในข้อนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนทำงาน ที่มีเงินเดือนมากหรือน้อยก็ตาม คิดไว้เป็นอย่างแรก ๆ ว่าจะต้องซื้อให้ได้สักครั้งในชีวิต เริ่มจากบ้านและคอนโด แน่นอนว่าทรัพย์สินส่วนนี้ มีมูลค่าที่มากถึงหลักแสน จนถึงหลักล้าน บางทีหลักสิบล้านก็มี แล้วแต่ว่าเป็นบ้าน หรือคอนโดภายใต้โครงการอะไร มีความกว้างในการอยู่อาศัยเท่าไร แต่ถ้าเป็นบ้านที่ปลูกเอง อันนี้ก็จะขึ้นอยู่กับแบบแปลน และวัสดุที่ใช้สร้างบ้าน หากปลูกเป็นสไตล์บ้านหรู ใช้วัสดุชั้นเยี่ยม ราคาอาจจะพุ่งไปถึงหลักสิบล้าน แต่ถ้าปลูกแบบธรรมดาสามัญ ใช้วัสดุที่หาได้ทั่วไปในราคาถูก ราคาก็อาจจะอยู่ที่หลักแสน ยิ่งถ้าซื้อในรูปแบบของบ้านมือสองจากเจ้าของเก่า ราคาอาจจะตกวูบมาอยู่ที่หลักหมื่น แต่บ้านมือสองก็มีความเสี่ยงสูงในเรื่องของการชำรุด ผุพัง ที่ถูกหมกเม็ดไว้ และต้องซ่อมแซมในภายหลัง หรือไม่ก็เสี่ยงกับเรื่องผี ๆ สาง ๆ โดยเฉพาะบ้านที่มีประวัติว่าเคยมีคนตาย วันดีคืนดี อาจจะเจอกับพลังงานบางอย่าง ก็…เป็น…ได้ (ทำเสียงแบบเสียงพากย์รายการคนอวดผี) คอนโดเองก็เช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้น การวางแผนที่จะซื้อบ้านหรือคอนโดสมัยนี้ ต้องมีการกันเงินไว้อย่างน้อย 2,000,000 บาท สำหรับใช้จ่ายในเรื่องดังกล่าว แล้วค่อยเช็คราคา สอบถามรายละเอียดของบ้านแต่ละหลังที่สนใจอีกที แต่ถ้าหลาย ๆ คน มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างตัวทันที การซื้อบ้านหรือคอนโด อาจต้องใช้วิธีซื้อเงินผ่อน อันนี้ก็ต้องไปดูรายละเอียดอีกที ว่าเงินผ่อนที่กำหนดให้จ่ายแต่ละเดือนนั้นเท่าไร โดยทั่วไปแล้ว พยายามเลือกบ้านหรือคอนโดที่มีราคาสูงกว่าเงินเดือนเฉลี่ยในแต่ละเดือนไม่เกิน 30 เท่า คือ ให้ค่าผ่อนอยู่ที่หลัก 10,000 – 20,000 ต่อเดือน เพื่อที่จะได้ผ่อนได้อย่างสบาย ๆ ไม่ต้องขวนขวายมากจนเกินไปนัก
ลำดับต่อมา คือ รถยนต์
รถยนต์ในปัจจุบันนี้มีราคาที่ลดหลั่นกันไป ตามแต่ว่าจะเป็นรถยี่ห้ออะไร คลาสไหน เช่น ถ้าเป็นรถญี่ปุ่น ราคาก็จะไม่แพงมาก รุ่นต่ำสุดจะเริ่มต้นที่ประมาณ 400,000 ขึ้นไป และจะขยับขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งรุ่นสูงสุดที่เป็นรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่หลักล้าน แต่ถ้าเป็นรถยุโรป ในรุ่นต่ำสุด อาจมีราคาเริ่มต้นที่เกือบล้าน และรุ่นสูงสุดอาจอยู่ที่หลักสิบล้านเลยทีเดียว
การซื้อรถ สามารถซื้อได้ 2 วิธี คือเงินสด กับเงินผ่อน
- ปกติการซื้อเงินสด จะมีปัญหาจุกจิกระหว่างการซื้อขายที่น้อยกว่าเงินผ่อน แต่ผู้ซื้อ ก็ต้องเตรียมเงินไว้มากพอสมควร และต้องมากกว่าราคารถด้วย เพื่อเอาไว้สำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เป็นออพชั่นเสริมสำหรับการซื้อรถ เช่น ประกันภัย ค่าภาษี ค่าจดทะเบียนเป็นต้น บางทีถ้าเกิดจะซื้อรถที่มีราคาอยู่ที่ 400,000 บาท อาจต้องเตรียมเงินไว้ที่ 550,000 หรือ 600,000 เลยทีเดียว
- ส่วนถ้าซื้อเงินผ่อน อันนี้ก็คงต้องไปคุยกับไฟแนนซ์ว่า จะต้องจ่ายเงินเดือนละเท่าไร จากนั้นก็ต้องเตรียมเงินสำหรับผ่อนจ่ายในแต่ละเดือนที่มากกว่าที่ไฟแนนซ์กำหนดมาเล็กน้อย เช่น ถ้าไฟแนนซ์ให้ผ่อนเดือนละ 50,000 ก็ต้องเตรียมเงินไว้สัก 75,000 สำหรับค่าดอกเบี้ย ค่าภาษีประจำปี และค่าประกันรถยนต์ เพราะฉะนั้น เหล่ามนุษญ์เงินเดือนที่ไม่มีเงินเดือนมาก จงคิดไว้เสมอว่า รถมีไว้ขับ ไม่ได้มีไว้อวด ไม่ต้องซื้อรถรุ่นที่วิจิตรพิสดารมากนักก็ได้ เอารุ่นที่คิดว่า ราคานี้แหละ ฉันผ่อนได้
จบเรื่องบ้าน และรถยนต์ไปแล้ว ต่อไป จะพูดถึงเรื่องของออพชั่นเสริมในการใช้ชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ แก็ดเจ็ท กล้องถ่ายรูปกันบ้าง สิ่งของพวกนี้อาจถือได้ว่า เป็นของฟุ่มเฟือย แต่มันก็สำคัญ เพราะทำให้การใช้ชีวิตของเรา มีความสะดวก และง่ายขึ้น ซึ่งอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ มีราคาที่แตกต่าง และลดหลั่นกันไป ยิ่งถ้าเป็นของที่มีออพชั่นเสริมเจ๋ง ราคาก็จะยิ่งแพงมาก รวม ๆ แล้ว การซื้ออุปกรณ์เสริมเหล่านี้บ่อย จะทำให้เงินหมดไปโดยเฉลี่ยถึง 300,000 บาท ต่อปีเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น การซื้อออฟชั่นเสริมเหล่านี้เข้าบ้าน เหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ควรจะมีการวางแผนให้ดีว่าจะซื้ออะไรบ้าง และต้องทำตามแผนอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มีเงินเก็บเหลือบ้าง
กล่าวโดยสรุป ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงินซื้อ บ้าน รถยนต์ แก็ดเจ็ท โทรศัพท์ เพื่อให้ตนเองมีออพชั่นเสริมในการใช้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีเงินเดือนละเท่าไรจึงจะซื้อได้ สำคัญอยู่ที่ ผู้ใช้เงินต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ และหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่จะซื้อให้ดี ก่อนจะตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้สินค้าที่ตอบสนองความต้องการมากที่สุด โดยที่ยังมีเงินเหลือเก็บสำหรับอนาคตได้