การพูดคุยกับคนในครอบครัวถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ควรทำความเข้าใจในทุก ๆ เรื่อง เชื่อใจกัน จะส่งผลให้ครอบครัวพบแต่ความสงบ และมีความสุขเพิ่มมากขึ้น เรื่องการเงินภายในครอบครัวนั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ถึงแม้เป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่หากไม่เข้าใจกันแล้วล่ะก็ ครอบครัวของคุณอาจจะพบความทุกข์ และพบเจอกับปัญหาไม่มีวันจบสิ้นอย่างแน่นอน
ปัญหาที่พบบ่อย
- ความเครียด ความขัดแย้ง
ในเรื่องการเงินเป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกครอบครัวต้องเจออย่างแน่นอน แต่หากครอบครัวใครจะพบเจอปัญหามาก หรือพบเจอปัญหาน้อย ก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนการเงินภายในครอบครัวของแต่ละคน ซึ่งตามหลักแล้ว คนในครอบครัวจะไม่มีความเครียด และความขัดแย้งได้นั้น ควรมีการวางแผนเรื่องการเงินให้ดี แล้วปัญหาที่พบอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนในครอบครัวเลยก็ได้
- ไม่เข้าใจกัน
ในเรื่องค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวในแต่ละเดือน ซึ่งอาจมีบางเดือนที่พบเจอกับค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอาจมาจากสิ่งแวดล้อมภายนอก อย่างเช่น ราคาอาหารแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการเงินมีมูลค่าแพงขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายภายในเดือนดังกล่าวมีอัตราที่สูงกว่าปกติ ทำให้ผู้ที่ต้องจ่ายเงินไม่เข้าใจคนในครอบครัว ว่าทำไมถึงได้ใช้เงินมากกว่าปกติอย่างนี้นั่นเอง
- ขาดสภาพคล่องทางการเงิน
เกิดจากเงินที่ได้รับมามีน้อยกว่าเงินที่ต้องจ่ายไป ทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่สามารถเก็บออมเงินได้ และสิ่งสำคัญ รายได้ที่เข้ามาไม่พอต่อการใช้จ่ายในแต่ละเดือน จนต้องกู้เงินทำให้เป็นหนี้และเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
เคล็ดลับการจัดการเรื่องการเงิน
- พูดเรื่องเงินอย่างใจเย็น ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็แล้วแต่ที่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้องด้วย คุณควรขอคำปรึกษาจากคนในครอบครัวเสียก่อน เพื่อเป็นการป้องกันความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นภายหลังได้ วิธีการก็คือ กำหนดเวลาไว้เพื่อพูดคุยกันในเรื่องการเงินของครอบครัวเป็นประจำ คุณอาจจะพูดคุยในวันแรกของเดือน หรือวันใดวันหนึ่งของสัปดาห์ก็ได้ ใช้เวลาเพียง 15 นาทีหรือน้อยกว่านั้น เลือกเวลาที่คุณทั้งคู่รู้สึกผ่อนคลาย และไม่พูดคุยในบางเวลา อย่างเช่น เวลารับประทานอาหาร หรือเวลาที่อยู่กับลูก
- ตกลงกันเรื่องรายได้ที่เข้ามา สำหรับผู้มีรายได้เข้ามาเพียงคนเดียว คุณควรมองว่าเงินที่ได้มา นั่นไม่ให้ของคุณเพียงคนเดียว แต่เป็นเงินของครอบครัว แต่หากคนในครอบครัวมีรายได้เข้ามาเช่นกัน คุณควรให้ทุกคนในครอบครัวรับรู้เรื่องรายได้ที่เข้ามาและรายจ่ายที่จำเป็น ว่ามีอะไรบ้าง ไม่ควรปิดบังเกี่ยวกับรายรับรายจ่าย เพราะนั่นจะเป็นการสร้างปัญหาครอบครัวทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น ตกลงกันเรื่องจำนวนเงินที่แต่ละคนจ่ายได้ โดยไม่ต้องปรึกษากันก่อน อาจจะเป็นไม่เกิน 500 บาท หรือไม่เกิน 1,000 บาท หรืออาจเป็นจำนวนเงินอื่นก็ได้แล้วแต่จะมีการตกลงกัน ควรปรึกษาคนในครอบครัวก่อนเสมอ ถ้าคุณต้องการใช้จ่ายเกินจำนวนที่ได้ตกลงกันไว้
- เขียนแผนการเรื่องเงินให้ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องทำงบประมาณให้มันซับซ้อนมากนัก เพียงแค่มีการจดบันทึกเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เอาไว้ให้ชัดเจน รวมถึงควรมีการแยกจำนวนเงินออกเป็นส่วน ๆ อย่างเช่น เงินที่ต้องเก็บออม เงินที่จำเป็นต้องจ่าย และเงินฉุกเฉิน การแยกเป็นส่วน ๆ จะทำให้คุณสามารถควบคุมการใช้จ่ายเงินภายในบ้านได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญทำให้คุณได้เห็นถึงความเป็นจริงในการใช้จ่ายเงินในแต่ละวันของคุณอีกด้วย คุณอาจจะทำรายการค่าใช้จ่ายประจำทั้งหมดที่คุณรู้ตัวเลขที่แน่นอน ตกลงกันว่าจะแบ่งรายได้ไว้เป็นเงินออมมากน้อยเท่าไร จากนั้นทำรายการค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ไม่ตายตัว อย่างเช่น ค่าอาหาร, ค่าน้ำ, ค่าไฟ และค่าโทรศัพท์ เก็บบันทึกค่าใช้จ่ายทั้งหมดไว้หลาย ๆ เดือน หากจำเป็นคุณอาจต้องปรับรูปแบบชีวิตใหม่ เพื่อให้ครอบครัวไม่มีหนี้เพิ่มขึ้นอีก
- ตกลงเรื่องค่าใช้จ่าย ในกรณีที่คนในครอบครัวมีรายได้เช่นกัน ควรมีการตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้านว่าใครจะเป็นคนจ่ายส่วนใด ผู้ที่มีรายได้เข้ามามากควรเป็นผู้ที่ต้องจ่ายเงินมาก ทั้งนี้คุณควรมีการปรับเปลี่ยนการจ่ายเงินของคนในครอบครับทุก ๆ 3 เดือน หรืออาจจะมีการสลับหน้าที่กันเป็นครั้งคราวก็สามารถทำได้เช่นกัน
การพูดคุยเรื่องการเงินอย่างเข้าใจและเชื่อใจ จะส่งผลให้คุณและคนในครอบครัวรักกันมากขึ้น เนื่องจากไม่มีความขัดแย้งกันในครอบครัว การบริหารจัดการเงินก็เป็นได้ด้วยดี และมีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น ทำให้ชีวิตดีขึ้น วิธีจัดการเรื่องเงินของเรานั้น คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ในทันทีเพื่อชีวิตครอบครัวที่ดีขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ เรื่องสำคัญไม่ว่าจะเป็นการอยู่ร่วมกัน หรือการขอคำปรึกษากันควรทำอย่างใจเย็นและเห็นใจซึ่งกันและกัน ไม่ว่าปัญหาอะไรก็ตามคุณจะสามารถผ่านมันไปได้ โดยไม่เกิดความเสียหายใด ๆ เลย คุณควรเคารพการตัดสินใจของคนในครอบครัว ไม่ควรให้ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ เพราะนั่นเท่ากับว่าคุณได้นำพาเอาความขัดแย้งเข้ามาภายในครอบครัวด้วยตัวของคุณเอง