ความต้องการของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดมาเติมเต็มให้กับชีวิต ทำให้มนุษย์จึงมีการดิ้นรนหาหนทางเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาด ทั้งที่มีอยู่แต่กลับไม่พอใจ ต้องการอีกเป็นเหตุที่ทำให้คุณเป็นหนี้ และอาจเป็นแบบนี้ไปเรื่อยไม่จบไม่สิ้น ทำให้คุณไม่สามารถหลุดพ้นจากความจนได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ชีวิตของคุณดีขึ้น ไม่อยากจน “คุณจงมีความพอดีกับตัวเอง พยายามยับยั้งชั่งใจ” เพื่อไม่ให้ก่อหนี้สินเพิ่มเติมอีก
ทั้งนี้ คนจนเกิดจากการที่สร้างหนี้สร้างสินให้กับตัวเองจนมากเกินความสามารถในการใช้คืนได้ เป็นสิ่งกระตุ้นให้คุณทำการกู้เงินนอกระบบเพิ่ม เพื่อนำมาชำระหนี้ตัวเก่า ทำให้คุณมีหนี้สินที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว และทีนี้คุณจะทำอย่างไร ไม่ให้หนี้สินมากขึ้น เรามีทางออกให้คุณ เพียงคุณมีวินัยในการใช้จ่ายเงิน โดยการบริหารเงินที่ได้มาให้พอแก่การชำระหนี้ พอแก่การใช้จ่ายประจำวัน และพอแก่การเก็บออมไว้ใช้ในยามฉุกเฉินในอนาคต เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถใช้หนี้และเพิ่มความสุขให้กับชีวิตแล้ว ที่สำคัญหากคุณหาเงินได้มาเท่าไหร่ ไม่ควรนำมาใช้จ่ายจนหมด ควรมีการเก็บออมไว้ด้วย เป็นการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตในอนาคต และหลุดพ้นจากวงจรหนี้สินด้วย
วงจรหนี้สินคืออะไร
ความหมายที่แท้จริงของ “วงจรหนี้สิน” คือ การที่คุณกู้เงินมาซื้อสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการ แล้วผ่อนชำระไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งที่คุณไม่สามารถชำระหนี้ได้อีกต่อไป คุณก็เลือกที่จะไปกู้นอกระบบเพื่อนำมาชำระหนี้ที่ค้างอันเก่า ทำให้คุณก่อหนี้ขึ้นมาใหม่โดยไม่รู้ตัว จนในที่สุดคุณไม่สามารถหลุดพ้นจากการเป็นหนี้ได้ คุณยังต้องจ่ายหนี้ให้กับเจ้าหนี้ที่คุณไปกู้มาเพิ่มอีก ทั้งหนี้ วงจรหนี้สินเราสามารถแบ่งออกได้ 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ วงจรหนี้ลงทุน, วงจรหนี้จำเป็น และวงจรหนี้ฟุ่มเฟือย ความแตกต่างของวงจรหนี้สินทั้ง 3 แบบมีดังนี้
- วงจรหนี้ลงทุน
เป็นการก่อนหนี้เพื่อนำเงินมาลงทุน ให้ได้ผลกำไรตอบแทนที่ดี อย่างเช่น การกู้เพื่อลงทุนในกิจการ, การกู้เพื่อลงทุนสร้างคอนโดแล้วปล่อยให้เช่า, การกู้เพื่อลงทุนในหุ้นต่าง ๆ และการกู้เพื่อลงทุนในแบบอื่น ๆ การกู้แบบหนี้จะทำให้คุณสามารถนำเงินที่กู้ไปมาใช้หนี้ได้ และคุณยังสามารถสร้างผลกำไรให้กับตัวคุณเองอีกด้วย ดังนั้นการวงจรหนี้ลงทุนนี้ จะสามารถทำให้คุณรวยและหลุดพ้นจากความจนได้อย่างแน่นอน
- วงจนหนี้จำเป็น
เป็นการกู้เงินมาเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว อย่างเช่น การกู้เงินเพื่อผ่อนบ้าน, การกู้เงินเพื่อการศึกษาบุตร และการกู้เงินเพื่อใช้ในการรักษาพยาบาล วงจรหนี้แบบนี้จะเป็นหนี้ก้อนใหญ่แต่คุณอาจจะต้องใช้เวลาในการชำระหนี้ การสร้างหนี้แบบนี้ถือเป็นสิ่งที่คุณควรทำ เพื่อสร้างครอบครัวให้มีความมั่นคงในอนาคต และถือว่าเป็นการลงทุนที่ดีอย่างหนึ่งสำหรับครอบครัวของคุณ
- วงจรหนี้ฟุ่มเฟือย
เป็นการก่อหนี้เพื่อนำไปใช้จ่าย สิ่งที่ไม่จำเป็น ทำเพื่อตอบสนองความต้องการส่วนตัวของคุณเท่านั้น ทั้งนี้ วงจรการกู้เงินแบบนี้จะทำให้ชีวิตของคุณไม่สามารถหลุดพ้นความจนได้ เพราะว่าคุณเป็นหนี้โดยไม่ได้อะไรตอบแทนกับมาในอนาคตเลย ดังนั้นวงจรหนี้ฟุ่มเฟือยจนไม่สมควรทำอย่างยิ่ง หากคุณต้องการหลุดพ้นจริง ๆ ควรหยุดการใช้จ่ายที่ไม่มีประโยชน์ทั้งหลาย สิ่งที่ไม่จำเป็นต้องมีก็สามารถใช้ชีวิตได้ อย่างเช่น การซื้อโทรศัพท์ที่มีราคาแพง ที่จริงคุณซื้อเท่าที่คุณสามารถหามาได้จะดีกว่า เพื่อไม่ให้ชีวิตต้องเป็นหนี้เยอะเกินตัว และที่สุดคุณก็อาจจะไม่สามารถชำระหนี้ที่เป็นอยู่ได้หมดตามเวลาที่คุณกำหนดก็เป็นได้
วิธีการหลีกเลี่ยงวงจรหนี้ฟุ่มเฟือย
- จงหาเงินแบบคนรวย ใช้เงินแบบพอเพียง
เป็นการฝึกนิสัยให้คุณเป็นคนหาเงินเก่ง มีรายได้หลายทาง โดยการศึกษาวิธีการเงินจากคนรวย และฝึกวินัยการใช้เงินอย่างประหยัด ควรรู้คุณค่าของเงินที่หามาได้ทุกบาททุกสตางค์ และจงใช้เงินที่หามาได้อย่างประหยัดที่สุด ไม่ควรใช้เงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น เริ่มมีการบริหารเงิน เก็บออมเงิน ใช้จ่ายอย่างพอเพียงไม่ควรใช้เงินจนหมด ควรมีการเก็บเพื่อไว้ยามฉุกเฉินด้วย อย่างไรก็ดี การเก็บออมควรทำให้เป็นอัตโนมัติ อย่างเช่น คุณมีรายได้เข้ามา 100 บาท คุณความเก็บไว้เลย 10 บาท โดยไม่ต้องใช้จำนวนส่วนนี้ และทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ที่สำคัญคุณไม่ควรให้ความสนใจกับเงินจำนวนนี้เลยจะเป็นการดีที่สุด
- จงเก็บเงินก่อนใช้
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีนิสัยในการเก็บเงินไม่อยู่ คุณเห็น หรือมีความต้องการอย่างไรสิ่งใดก็ซื้อเลย ไม่มีการคิดก่อนตัดสินใจ ทำให้เงินที่คุณมีอยู่ไม่พอใช้ไปจนถึงสินเดือน ทำให้คุณต้องไปขอกู้เงินมาเพื่อใช้อีกที ทำให้คุณกลายเป็นคนที่ติดอยู่ในวงจรหนี้สินไปแบบสิ้นเชิง การบริหารเงินที่ดี คุณควรจัดแยกบัญชีเพื่อให้คุณสามารถกำหนดค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและไม่จำเป็นออกจากกันได้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้มีเงินเหลือใช้ทุกสินเดือน และไม่ต้องไปกู้เงินเพิ่มเพื่อมาใช้จ่ายอีกด้วย หรือหากคุณเห็นว่าจำนวนเงินที่ออมมีเยอะแล้ว คุณอาจจะห้ามใจไม่ให้ใช้ไม่ได้ คุณก็ควรมองหาหนทางอื่น อย่างเช่น การลงทุนในกองทุนรวม หรือไม่ก็นำไปฝากประจำให้ทางธนาคารเป็นผู้ดูแลทั้งหมด เท่านี้คุณก็จะมีเงินสำรองไว้ใช้ในอนาคตได้อย่างสบายใจแล้ว
- จงคิดมาตราการรัดเข็มขัด
เป็นการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และปรับการใช้เงินของคุณใหม่ เพื่อไม่ให้คุณสร้างหนี้ขึ้นมาใหม่ได้อีก สิ่งที่ไม่จำเป็นต้องซื้อ อย่างเช่น โทรศัพท์มือถือ ที่คุณมีอยู่แล้ว แต่พอเห็นรุ่นใหม่มาก็ต้องการมีความอยากได้ นี่แหละคือค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และอีกอย่างเช่น เสื้อผ้า รองเท้า สำหรับผู้หญิงแล้ว เชื่อได้เลยว่าไปซื้อของมาแต่ละทีต้องซื้อมาหลายชุดอย่างแน่นอน และที่สำคัญเสื้อที่ซื้อมาบ้างทียังใส่ไม่ครบทุกชุดเลยก็มี ดังนั้นคุณควรลดและเลิกที่จะนำเงินไปใช้จ่ายโดยไม่คิดอีก เพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น จนเชื่อมั่นตัวเองว่าคุณสามารถลดความต้องการเหล่านี้ลงได้
- จงเว้นวรรคความต้องการ
คุณควรรู้จักควบคุมความต้องการ โดยเฉพาะของที่มีราคาแพง อย่างเช่น รถยนต์ เที่ยวต่างประเทศ คุณไม่ควรซื้อสิ่งเหล่านี้ พร้อม ๆ กัน เพราะนั้นจะทำให้คุณมีค่าใช้จ่ายที่มาเกินไปในแต่ละเดือน และเมื่อคุณมีเงินไม่พอใช้ คุณก็ต้องกลับไปสู่วงจรหนี้สินอีกอย่างแน่นอน คุณก็ไม่สามารถหลุดพ้นความว่า “หนี้สิน” ไปได้ตลอดชีวิตของคุณ แต่หากคุณมีความจำเป็นจริง ๆ อย่างเช่น ต้องการผ่อนบ้าน และรถ คุณควรที่จะผ่อนอย่างใดอย่างหนึ่งให้หมดเสียก่อนที่จะเริ่มเป็นหนี้อันใหม่ คุณจะได้มีเวลาในการหาเงินเพื่อมาชำระหนี้ให้ได้ตามกำหนด เป็นการป้องกันอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะสูงขึ้นเมื่อคุณผิดนัด
- จงมีเงินสดในกระเป๋าสตางค์ให้น้อย
เทคนิคนี้ จะสามารถช่วยให้คุณรู้สึกว่า ไม่ค่อยมีเงินและไม่ค่อยอยากออกเงินเลี้ยงคนอื่น ทำให้การซื้อของในแต่ละวันของคุณน้อยลงตามไปด้วย เทคนิคนี้ สามารถให้คุณประหยัดได้เองโดยอัตโนมัติ เพราะว่าเป็นความรู้สึกของการใช้เงินที่น้อยลง เมื่อคุณทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เชื่อได้แล้วว่าคุณจะมีเงินเก็บมากมาย ได้อย่างแน่นอน
- จงควบคุมการใช้เงินในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นบัตรกดเงินสด บัตรผ่อนสินค้า บัตรเครดิต และการกู้ยืมเงินในรูปแบบต่าง ๆ ต้องใช้อย่างมีเหตุมีผล และมั่นใจว่าคุณสามารถหาเงินมาชำระคืนได้ทันตามกำหนด
- จงพิชิตเป้าหมายทางการเงิน
ก็คือการศึกษาหาความรู้ด้านการเงิน ส่วนบุคคลจากคนที่ประสบความสำเร็จ และตั้งเป้าหมายทางการเงินของเราให้มีความชัดเจนทุกปี โดยจะมีตัววัดสำคัญ อย่างเช่น มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ อัตราเพิ่มขึ้นของรายได้ อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน อัตราการออม อัตราส่วนสภาพคล่องทางการเงิน และคุณก็ควรตั้งใจเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้