การจัดไฟแนนซ์ รถยนต์ เปรียบเสมือนกับการกู้เงินผ่านทางธนาคารมาซื้อรถคันที่ตัวเองต้องการ แต่มีหลักการแตกต่างกันออกไป ซึ่งการขอไฟแนนซ์ นั้นจะผ่านหรือไม่ผ่านก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของทางบริษัทที่ได้จัดตั้งขึ้น หรือตามนโยบายของทางผู้บริหาร ส่วนมากการจัดไฟแนนซ์ จะมีลักษณะของการเช่าซื้อ นั่นก็คือ ถึงแม้ว่าคุณจะมีรถขับแต่หากตัวผู้ขับเองไม่ใช่เจ้าของรถ หรือที่พูดง่าย ๆ ก็คือผู้เช่า ซึ่งทางเจ้าของรถจำเป็นที่ต้องจ่ายค่างวดให้ครบตามสัญญา พร้อมกับดอกเบี้น ให้ครบตามกำหนด รถจึงจะเป็นของคุณในทันที
การจัดไฟแนนซ์มี 2 ประเภทด้วยกัน คือ การจัดไฟแนนซ์จากบริษัทขายรถต์โดยตรง และการจัดไฟแนนซ์จากบริษัทขายเพื่อซื้อรถยนต์มือสอง
การจัดไฟแนนซ์จากบริษัทขายรถโดยตรง
วิธีนี้เปรียบเสมือนกับการเช่าซื้อรถจากผู้ขาย หรือตัวแทนจำหน่าย โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง ถือได้ว่าเป็นเทคนิคการส่งเสริมการขายอีกทางหนึ่งที่เรียกได้ว่าประสบผลสำเร็จพบสมควร ซึ่งทางบริษัทที่มีการให้บริการดังกล่าวจะต้องประกอบไปด้วย Toyota Leasing, Isuzu Leasing, Nissan Leasing, BMW Leasing, Mercedes-Benz Leasing และอื่น ๆ อีกมากมาย
การจัดไฟแนนซ์เพื่อซื้อรถมือสอง
สำหรับการเช่าซื้อรถยนต์มือสอง ถือได้ว่ามีความนิยมไม่ใช่น้อยเพราะมีราคาที่ไม่ค่อยสูงมากนัก แต่รถยังมีคุณภาพที่ยังใช้การได้เป็นอย่างดีอีกด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับการจัดไฟแนนซ์ให้กับรถยนต์มือสอง ส่วนใหญ่แล้วมักจะแบ่งออกเป็นสองลักษณะหลัก ๆ ประกอบด้วย
- การจัดไฟแนนซ์ ผ่านทางบริษัทขายรถยนต์มือสองโดยตรง ลักษณะนี้เหมือนกับแบบแรก นั่นก็คือ คุณสามารถเช่าซื้อหรือกู้ซื้อผ่านทางบริษัทผู้จัดจำหน่ายได้ในทันที ไม่ว่าจะเป็นเต้นรถต่าง ๆ หรือห้างขายรถ เพราะโดยส่วนมากแล้วบริษัทเหล่านี้มักจะมีบริการจากสถาบันทางการเงินต่าง ๆ คอยให้ความสนับสุนอยู่เสมอ
- การจัดไฟแนนซ์สำหรับรถยนต์ที่ซื้อขายเอง เป็นวิธีการที่ผู้ซื้อจะต้องดำเนินเรื่องการซื้อขายด้วยตัวเอง กับทางธนาคารที่ให้บริการ หรือบริษัที่ให้บริการทางด้านนี้ เพราะการซื้อขายแบบนี้เป็นการซื้อขายกันเอง ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย อาจจะเป็นไปได้ทั้ง พี่ น้อง เครือญาติ หรือรถมือสองที่จอดอยู่ตามบ้าน แต่อย่างไรก็ตามอาจจะให้เต้นท์รถเข้ามาช่วยเหลือได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้คุณอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อเป็นการเบิกทาง
สัญญาไฟแนนซ์
การจัดไฟแนนซ์ ถือได้ว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีสำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำแต่จำนวนเงินที่ได้มีน้อย ที่ต้องการซื้อสินค้าที่มีราคาสูงได้ อย่างเช่น รถยนต์ ซึ่งคุณสามารถที่จะนำกลับไปใช้ได้ในทันที แต่อย่างไรก็ดี ผู้ซื้อจะต้องเลือกสัญญาที่มีให้เลือกอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน ซึ่งประกอบไปด้วย
- สินเชื่อเช่าซื้อ
เป็นสัญญาในรูปแบบของบัตรเครดิต หรือสินเชื่อเงินผ่อนทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ว่าหลักเกณฑ์ต่างกันเล็กน้อย นั่นก็คือ กรรมสิทธิ์ในตัวสินค้า ยังไม่ได้ตกเป็นของผู้เช่าซื้อโดยสมบูรณ์ ผู้เช่าซื้อจำเป็นที่จะต้องชำระเงินตามค่างวดให้ครบกำหนดตามสัญญาก่อน แต่ตัวสินค้าผู้เช่าซื้อสามารถที่จะนำกลับมาใช้ได้ตามปกตินั่นเอง
- ลิสซิ่ง
มีรูปแบบสัญญาคล้ายคลึงกับ สินเชื่อเช่าซื้อ เพียงแต่ว่า เมื่อผู้เช่าซื้อทั้งหลายชำระค่างวดต่าง ๆ ครบตามกำหนดสัญญา ผู้เช่าซื้อมีสิทธิ์ที่จะต่อสัญญาเช่า หรือส่งคืนทรัพย์ดังกล่าวไปยังรายอื่นได้ในขณะเดียวกันสัญญาเช่นแบบลิสซิ่งส่วนมากจะเป็นแบบบนิติบุคคล เพราะสินค้านั้น ๆ อาจจะไม่มีราคาสูงมาก อย่างเช่น เครื่องจักร เครื่องถ่ายเอกสาร หรืออื่น ๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ สัญญาเช่าทั้งสองแบบที่เราได้กล่าวไปนั่น ถึงจะมีลักษณะการเช่นที่คล้ายคลึงกันแต่หากดอกเบี้ยจะมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับบริษัทหรือสถาบันทางการเงินนั้น ๆ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยแบบแรกจะเป็นรูปแบบของ “การคิดดอกเบี้ยที่คงที่ หรือ Flat Rate” แต่ในแบบที่สอง จะคิดอัตราดอกเบี้ยเป็นแบบ “ลดต้นลดดอก หรือ Effective Rate” อย่างไรก็ตามในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยไม่ได้อยู่ในการคำนวณ แต่ขึ้นอยู่กับที่บริษัทรับจัดไฟแนนซ์ ว่าจะให้มูลค่าดอกเบี้ยอยู่ในระดับใด เพื่อให้ผู้เช่าซื้อทั้งหลายสามารถชำระได้
นี่ก็เป็นเพียงรายละเอียดอย่างคร่าว ๆ เกี่ยวกับการจัดไฟแนนซ์เท่านั้น สำหรับการซื้อรถยนต์มือหนึ่ง และมือสอง คุณจะต้องเข้าไปยังสถาบันทางการเงิน หรือบริษัทที่รับจัดไฟแนนซ์เพื่อตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ที่อาจจะมีเงื่อนไขการให้ผ่อนชำระหรืออัตราดอกเบี้ยของแต่ละแห่งอาจมีความแตกต่างกันไป เมื่อคุณสามารถขอกู้แล้ว จะต้องรอให้ทางสถาบันทางการเงิน หรือบริษัทที่รับจัดไฟแนนซ์ ทั้งสิ้น 7 วันทำการก่อนที่ผลดำเนินการจะประกาศ ซึ่งอาจจะสามารถสำเร็จได้ หรือไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์ของการพิจารณาในแต่และที่
การรีไฟแนนซ์ คืออะไร
การรีไฟแนนซ์ เป็นการที่ผู้เช่าซื้อได้ดำเนินการกู้เงินก้อนใหม่เพื่อที่จะนำไปใช้เงินก้อนเก่าที่ติดอยู่ โดยมีหลักการคล้าย ๆ กันแต่ละที่ อย่างไรก็ดี การรีไฟแนนซ์ที่ดี และมีประโยชน์กับผู้เช่าซื้อมากที่สุด คุณจำเป็นต้องมองหาบริษัท หรือสถาบันทางการเงินที่สามารถเชื่อถือได้ และคุณมั่นใจว่า เมื่อคุณดำเนินการไปแล้ว ผลตอบรับจะเป็นผลดีสำหรับคุณ อย่างเช่น อัตราดอกเบี้ยลดลง หรือ ค่างวดของเจ้าใหม่คุณสามารถจ่ายแล้วถูกลง สิ่งสำคัญ คุณจะต้องมีการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับคุณได้ในอนาคต
วิธีการรีไฟแนนซ์รถยนต์
- สิ่งที่ควรรู้ก่อนรีไฟแนนซ์
คุณจะต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับรายละเอียดต่าง ๆ ของสถาบันทางการเงินแห่งใหม่ที่คุณจะไปทำการรีไฟแนนซ์ คุณควรจะดูในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย เงินที่ต้องจ่ายในแต่ละงวด และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเงินต่าง ๆ เพื่อให้คุณได้ประโยชน์สูงสุดในการทำรีไฟแนนซ์นั่นเอง นอกจากนี้สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญก็คือสัญญาของสถาบันการเงินแห่งใหม่ที่คุณทำรีไฟแนนซ์ คุณจะต้องรู้และเข้าใจในเงื่อนไขและข้อตกลงต่าง ๆ ให้ดี เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะตามมาในอนาคตได้
- เลือกสถาบันทางการเงินแห่งใหม่
คุณจะต้องรู้และมีความมั่นใจก่อนที่จะตัดสินใจในการทำรีไฟแนนซ์กับที่แห่งใหม่ อย่างที่เราได้กล่าวไว้ในข้อแรก ให้คุณศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดต่าง ๆ ให้ดีเสียก่อน คุณจะต้องมีการตกลงพิเศษกับทางสถาบันการเงินแห่งนั้น เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย การผ่อนชำระ เพิ่มเข้าไปในข้อตกลงด้วย เพื่อให้คุณสามารถรับผลประโยชน์อันสูงสุด เพียงเท่านี้คุณก็จะทำให้การรีไฟแนนซ์ของคุณสะดวกมากยิ่งขึ้นแล้ว
สิ่งสำคัญของการเช่าซื้อก็คือ การผ่อนชำระให้ครบกำหนดที่ได้ทำสัญญาเอาไว้ หากคุณไม่สามารถชำระได้ตามกำหนดไม่ว่าคุณจะทำการรีไฟแนนซ์กับแห่งใหม่ก็ตาม คุณอาจจะมีความเสี่ยงในการถูกยึดรถยนต์ได้ ดังนั้นคุณจะต้องมีวินัยในการชำระเงินให้ตรงตามกำหนดเพื่อลดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นจากการผิดนัดของคุณได้ ไม่ว่าคุณจะต้องการกู้เงินเพื่อเหตุผลใดก็ตาม สิ่งหนึ่ง คุณจะต้องมองถึงความจำเป็นไม่ใช่เพียงแค่ต้องการนำเงินที่ได้มาใช้อย่างฟุ่มเฟือย เพราะนั่นเท่ากับว่าคุณจะไม่สามารถนำเงินมาชำระคืนได้นั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม :เคล็ดไม่ลับ ซื้อรถยนต์มือสอง