บัตรเครดิตในปัจจุบันที่แต่ละธนาคารออกมามีหลายแบบหลายประเภทให้ลูกค้าเลือกสมัครใช้กันได้ตามความชอบหรือตามสไตล์ของลูกค้า ในปัจจุบันธนาคารได้ออกบัตรเครดิตอีกประเภทหนึ่ง นั่นก็คือ บัตรเครดิตแบบมีเงินค้ำในบัญชีให้ลูกค้าได้สามารถเลือกสมัครได้ด้วยเช่นกัน วันนี้เราจะมาทำความรู้จักบัตรเครดิตประเภทมีเงินค้ำในบัญชีกัน
บัตรเครดิตแบบมีเงินค้ำประกัน
ตามชื่อบัตรเครดิตประเภทนี้บ่งบอกอยู่แล้วว่าเป็นบัตรเครดิตแบบมีเงินค้ำในบัญชี หมายความว่าลูกค้าที่ต้องการสมัครบัตรเครดิตประเภทนี้จะต้องมีเงินฝากในบัญชีเพื่อนำมาค้ำประกันวงเงินของบัตรเครดิตด้วย หลักฐานบัญชีธนาคารที่มียอดเงินฝากถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ธนาคารต้องการจากผู้สมัครบัตรเครดิตประเภทนี้ บัญชีธนาคารจะเป็นบัญชีประเภทใดก็ได้ เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ ลูกค้าสามารถนำมาใช้เพื่อสมัครได้หมดทุกประเภท เมื่อธนาคารอนุมัติบัตร ธนาคารจะเก็บสมุดบัญชีที่ใช้ค้ำประกันบัตรเครดิตของเราไว้ จากนั้นธนาคารจะส่งเพียงสำเนาของหน้าบัญชีกลับมาให้เราเก็บไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น เท่ากับว่าเราไม่สามารถเบิกถอนเงินสดจากบัญชีนั้นมาใช้ได้ แต่บัญชีเงินฝากนั้นก็จะได้รับดอกเบี้ยตามปกติ สำหรับวงเงินบัตรเครดิตที่จะได้รับอนุมัติก็ขึ้นอยู่กับนโยบายแต่ละธนาคาร บางธนาคารก็ให้สูงสุดถึง 100% ของจำนวนเงินฝากที่ค้ำประกัน นี่เป็นข้อแตกต่างข้อสำคัญของบัตรเครดิตแบบมีเงินค้ำในบัญชีกับบัตรเครดิตแบบปกติทั่วไป
อ่านเพิ่มเติม : สมัคร บัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกัน คืออะไร ?
เหตุผลและความจำเป็นของการใช้บัตรเครดิตแบบมีเงินค้ำประกัน
บางคนมีข้อสงสัยว่าในเมื่อเราต้องมีเงินฝากอยู่ในบัญชีอยู่แล้ว แล้วทำไมเราถึงต้องใช้บัตรเครดิตอีก แล้วจะสามารถใช้เงินในบัญชีนั้นไปใช้จ่ายเลยได้หรือไม่ คำตอบก็คือได้ แต่มีเหตุผลความจำเป็นที่มากกว่าแค่เรื่องการมีเงินไว้ใช้จ่ายเท่านั้นในการสมัครบัตรเครดิตประเภทนี้ โดยก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โดยปกติหากเป็นไปได้ลูกค้าจะเลือกสมัครบัตรเครดิตแบบปกติ เพราะบัตรเครดิตแบบปกติเป็นบัตรที่ธนาคารอนุมัติวงเงินให้กับลูกค้าเพื่อสามารถใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการได้โดยมีช่วงเวลาปลอดดอกเบี้ย นั่นหมายความว่าเมื่อลูกค้ามีการใช้เงินตามวงเงินบัตรและลูกค้าสามารถชำระเงินคืนภายในวันที่กำหนดโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลย ทั้งยังไม่จำเป็นต้องมีอะไรค้ำประกันด้วย เพราะบัตรเครดิตเป็นสินเชื่อประเภทที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ขั้นตอนการอนุมัติบัตรเครดิตแบบปกตินั้นทางธนาคารจะต้องพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า โดยพิจารณาจากฐานเงินเดือน ประวัติการชำระหนี้ในเครดิตบูโร ภาระหนี้ที่มีอยู่ เป็นต้น
จึงมีความเป็นไปได้ที่ใบสมัครบัตรเครดิตของลูกค้าจะไม่ได้รับการอนุมัติ เนื่องจากธนาคารพิจารณาแล้วยังสงสัยหรือมีความไม่มั่นใจในความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า ซึ่งนโยบายในการอนุมัติสินเชื่อบัตรเครดิตนี้ก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันไปในแต่ละธนาคาร หรือลูกค้าบางคนเป็นลูกค้าใหม่เพิ่งสมัครบัตรเครดิตเป็นครั้งแรก ไม่มีเคยมีประวัติสินเชื่ออยู่ในเครดิตบูโรเลย ธนาคารบางแห่งก็มีนโยบายไม่อนุมัติบัตรเครดิตให้เช่นกัน ทางเลือกของลูกค้าที่ถูกปฏิเสธการอนุมัติบัตรเครดิตแบบปกติก็คือสามารถสมัครบัตรเครดิตแบบมีเงินฝากค้ำประกันได้ เนื่องจากสมัครได้ง่ายกว่าเพียงมีเงินฝากตามกำหนดมากน้อยขึ้นอยู่กับวงเงินบัตรเครดิตที่เราต้องการได้รับ ส่งเรื่องให้กับทางธนาคาร ลูกค้าก็สามารถได้รับอนุมัติมีบัตรเครดิตมาใช้งานได้แล้ว
บางคนมีความต้องการใช้บัตรเครดิตไม่ใช่เพื่อใช้เป็นสินเชื่อหรือต้องการเป็นหนี้เพราะไม่มีเงิน แต่ต้องการใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวกไม่ต้องพกพาเงินสดเป็นจำนวนมาก ๆ บางคนก็ต้องการสิทธิประโยชน์จากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่หากจ่ายด้วยเงินสดจะไม่ได้รับ ทั้งเรื่องส่วนลด โปรแกรมเงินผ่อน 0% เงินคืน คะแนนสะสม ฯลฯ นอกจากนั้นการซื้อสินค้าและบริการในปัจจุบันการมีบัตรเครดิตก็เป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้การชำระเงินสะดวกมากขึ้น เช่น การซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ การจองตั๋วหนังออนไลน์ การจองตั๋วเครื่องบินหรือจองโรงแรมผ่านหน้าเว็บไซด์ เป็นต้น เหตุผลความจำเป็นต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้คนอยากได้บัตรเครดิตมาใช้กัน แม้สมัครบัตรเครดิตไม่ผ่านก็เลือกที่จะสมัครบัตรเครดิตแบบต้องใช้เงินฝากค้ำประกันแทน
โดยสรุปเหตุผลของการใช้บัตรเครดิตแบบมีเงินฝากค้ำประกันมีดังนี้
- ต้องการความสะดวกสบายจากการใช้บัตรเครดิต ไม่ต้องพกเงินสดติดตัวเป็นจำนวนมาก
- ต้องการส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการ เช่น เมื่อไปช้อปปิ้งหรือรับประทานอาหาร เป็นต้น
- ต้องการเงินคืนจากโปรโมชั่นต่าง ๆ เช่น เงินคืนเมื่อเติมน้ำมัน เงินคืนเมื่อช้อปสินค้าครบตามกำหนด เป็นต้น
- ต้องการสิทธิประโยชน์คะแนนสะสมในบัตรเครดิต เพื่อแลกของรางวัลหรือเปลี่ยนเป็นเงินคืน
- ต้องการใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวกในการสั่งซื้อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ที่ไม่รับเงินสด เช่น ทางออนไลน์ จองโรงแรม จองตั๋วเครื่องบิน จองตั๋วหนัง ซื้อสินค้า เป็นต้น
- เหมาะกับคนที่สมัครบัตรเครดิตแบบปกติแล้วไม่ผ่าน เช่น คนทำงานที่มีอาชีพอิสระ มีรายได้เป็นเงินสด หรือคุณสมบัติไม่ได้ตามเกณฑ์สมัครบัตรเครดิตแบบปกติ เป็นต้น
- เหมาะกับคนต้องการเริ่มสร้างเครดิตของตัวเองในระบบ เพื่อที่จะมีประวัติที่ธนาคารสามารถตรวจสอบได้ เป็นประโยชน์กับการขอสินเชื่ออื่น ๆ ในอนาคต