การทำประกันชีวิตเป็นรูปแบบหนึ่งของการลงทุนที่หลายคนเลือก เพื่อคุ้มครองชีวิตของเราหรือบางคนทำเพราะต้องการสะสมทรัพย์ และมีเช่นกันที่บางคนทำเพราะต้องการนำเบี้ยประกันที่จ่ายไปลดหย่อนภาษีเงินได้ นอกจากการทำประกันจะเป็นการให้ความคุ้มครองในชีวิตแล้ว บางคนยังเลือกประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เพื่อเป็นการออมเงินด้วย เพราะมีเงินคืนระหว่างทางหรือมีผลตอบแทนเมื่อครบสัญญา ลักษณะของประกันชีวิตจะเป็นแบบบังคับให้เราต้องจ่ายเบี้ยประกันทุกปีแบบกลาย ๆ หากเราหยุดส่ง ๆ ไม่ครบตามสัญญาในกรมธรรม์หรือต้องการยกเลิก เงื่อนไขต่าง ๆ ก็จะไม่เป็นไปตามที่เราคาดไว้ในตอนเริ่มต้นและมีโอกาสที่เราจะไม่ได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวนก็ได้
กู้เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิต คืออะไร
ประกันชีวิตยังมีข้อดีอีกอย่างที่หลายคนยังไม่รู้ ก็คือ เราสามารถกู้เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตของเราได้ โดยความคุ้มครองชีวิตของเรายังคงเหมือนเดิมตามกรมธรรม์ ส่วนบริษัทประกันก็จะคิดดอกเบี้ยจากยอดเงินที่เราขอกู้ โดยเราจะคืนเงินกู้เต็มจำนวนหรือจะจ่ายคืนแค่ดอกเบี้ยก็ได้ เราเรียกการกู้เงินประเภทนี้ว่าการขอกู้เงินตามกรมธรรม์ ซึ่งการขอกู้เงินตามกรมธรรม์นี้ มีในทุกกรมธรรม์ประกันชีวิตประเภทที่มีมูลค่าเงินสด ซึ่งก็คือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ แบบตลอดชีพและแบบบำนาญจะมีระบุอยู่ในเล่มกรมธรรม์ประกันชีวิตทุกเล่ม
การ กู้เงินกรมธรรม์ประกันชีวิต เป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เงินในกรณีฉุกเฉิน หรือเพื่อไปจ่ายคืนหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลหรือบัตรกดเงินสด เป็นต้น เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาในเรื่องดอกเบี้ยไม่ทำให้หนี้กลายเป็นหนี้ก้อนโตเพราะดอกเบี้ยเร็วเกินไปนัก ทำให้มีโอกาสที่จะมีเวลาพอที่จะหาเงินมาคืนเงินกู้จากกรมธรรม์นี้ได้มากขึ้น
กู้เงินจากกรมธรรม์ได้เมื่อไหร่
ที่จริงการที่บริษัทประกันชีวิตให้ลูกค้าสามารถกู้เงินจากกรมธรรม์ได้ ก็เหมือนเป็นการกู้เงินของตัวเราเอง โดยที่กรมธรรม์ประกันชีวิตยังคงมีความคุ้มครองอยู่เช่นเดิม หากเรายังคงจ่ายค่าเบี้ยประกันอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเหตุผลที่ประเภทของประกันชีวิตที่จะกู้เงินได้ต้องเป็นแบบที่มีมูลค่าเงินสด ก็คือ แบบสะสมทรัพย์ แบบตลอดชีพและแบบบำนาญเท่านั้น โดยปกติเมื่อเริ่มทำประกันและจ่ายเบี้ยประกันในช่วง 1-2 ปีแรก กรมธรรม์จะยังไม่มีมูลค่าเงินสด ดังนั้น เราจะเริ่มกู้เงินจากกรมธรรม์ได้ตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไป
อีกข้อกำหนดของกรมธรรม์ที่สามารถกู้เงินได้จะต้องเป็นกรมธรรม์ที่ยังมีผลบังคับใช้ ยังมีการจ่ายค่าเบี้ยประกันตามสัญญาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ใช้สิทธิ์หยุดจ่ายเบี้ยประกัน ซึ่งมี 2 ประเภท คือ สิทธิ์เปลี่ยนเป็นแบบใช้เงินสำเร็จคือหยุดชำระเบี้ยประกัน วงเงินคุ้มครองลดลงระยะเวลาเท่าเดิมหรือสิทธิ์เปลี่ยนเป็นแบบขยายเวลา คือ หยุดชำระเบี้ยประกันวงเงินคุ้มครองเท่าเดิมแต่ระยะเวลาลดลง
วงเงินที่กู้กรมธรรม์ได้
สำหรับวงเงินที่เราสามารถกู้จากกรมธรรม์ได้จะขึ้นอยู่กับ 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรก คือ มูลค่าเวนคืนของกรมธรรม์ในขณะที่เราต้องการกู้กับนโยบายของแต่ละบริษัทประกันว่ากำหนดให้เราสามารถกู้ได้กี่เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าเวนคืนนั้น มูลค่าเวนคืนของกรมธรรม์ในแต่ละปีจะมีระบุไว้ในกรมธรรม์ เราสามารถเปิดกรมธรรม์ดูได้ว่าสิ้นปีที่เท่าไร มูลค่าเวนคืนเป็นเท่าไร ก็นำมาคิดเป็นวงเงินกู้ได้ หากบริษัทประกันให้กู้ได้เต็ม 100% ก็กู้ได้ตามมูลค่าเวนคืนเต็มจำนวน เป็นต้น
ดอกเบี้ยเงินกู้กรมธรรม์
ส่วนเรื่องดอกเบี้ยในการ กู้เงินกรมธรรม์ประกันชีวิต นั้น จะคิดแบบทบต้นในอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยที่ใช้ในการคำนวณเบี้ยประกันประมาณ 2% ต่อปี ดอกเบี้ยนี้จะแตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัทประกัน แต่ก็แตกต่างกันไม่มากนัก หากบริษัทประกันกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ใช้ในการคำนวณเบี้ยประกันไว้ที่ 4% ดอกเบี้ยที่จะคิดในการกู้เงินจากกรมธรรม์ก็จะอยู่ที่ 6% เป็นต้น เรื่องการชำระคืนเงินกู้ไม่ได้มีกำหนดระยะเวลาที่ตายตัวไว้ว่าต้องคืนเมื่อไหร่แล้วแต่เรา จะจ่ายคืนทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย จ่ายคืนแค่บางส่วนหรือจะจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยก็ได้ เมื่อมีการจ่ายเงินเข้าไปจะนำไปหักออกจากเงินต้นก่อน โดยดอกเบี้ยก็จะคิดทบไปเรื่อย ๆ จากเงินต้นที่ค้างอยู่
ขั้นตอนการกู้เงินกรมธรรม์
ขั้นตอนในการขอกู้เงินจากกรมธรรม์ก็ง่ายและรวดเร็วมาก เพียงแค่นำกรมธรรม์ฉบับจริงพร้อมสำเนาบัตรประชาชนไปติดต่อกับบริษัทประกันที่เราทำประกันอยู่ บริษัทประกันสามารถอนุมัติเงินกู้ให้กับเราได้ภายในวันนั้นเลย เป็นการกู้เงินที่รวดเร็วมาก เพราะที่จริงก็เหมือนเป็นการกู้เงินตัวเอง บริษัทประกันบางแห่งจ่ายเป็นเช็ค บางแห่งโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารต้องสอบถามเพิ่มเติมจากแต่ละบริษัทประกันอีกครั้ง