หากพูดเรื่องการเป็นหนี้สิน หลายคนคงจะเบือนหน้าหนี เพราะลำพังแค่การใช้จ่ายเงินมากมายอยู่แล้วในแต่ละวัน แล้วยังมาเป็นหนี้เพิ่มอีก คงจะมีคนถามตัวเองบ้างล่ะว่า จะทำไงดีน๊า…ถึงจะรวยเหมือนคนอื่นเค้าบ้าง แล้วคนที่รวยเนี่ยเค้าจัดการเงินกันตามทฤษฎีอย่างที่เราเห็นๆ ในตามเว็บต่างๆหรือเปล่านะ นิสัยหรือพฤติกรรมแบบไหนนะที่เราควรจะมี หากเราต้องการจะรวยเป็นเศรษฐีบ้าง แล้วคนที่รวยจริงๆ เค้ามีวิธีสร้างความแตกต่างหรือมีไลฟ์สไตล์ บวกกับแนวคิดกันอย่างไรบ้าง????
เลือกอาชีพที่ตัวเองถนัด
จะเห็นได้ว่า คนรวยทั่ว ๆ ไป ส่วนใหญ่จะมีกิจการพันล้าน แม้บางคนจะมีมรดกตกทอดมาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ รุ่นปู่รุ่นย่าที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นกลายเป็นเจ้าของเงินล้าน เท่าที่ดูๆ แล้วคนรวยๆ เค้าก็ยังคงทำงาน มีอาชีพที่ถนัดของเค้านะ เพราะยิ่งรวยยิ่งต้องขยัน ผิดกับคนจนรวยหนเดียวกับการถูกหวยอันน้อยนิดนี่เอาเงินมากินเหล้าหมด ไม่รู้จักต่อยอดให้เป็นเงินงอกเงยมา แม้ในปัจจุบันจะมีอาชีพหลากหลายให้เรา ๆ ท่าน ๆ ให้คนจนหรือคนรวยเลือก สำคัญมันต้องเป็นอาชีพที่ถนัด สำหรับตัวเองเท่านั้น แม้ว่าผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของเงินล้าน เขาจะรวยกว่าคนบางคนหลายเท่า และมีความคิดที่เร็วกว่าคนทั่วไปหลายเท่า จะเห็นว่าธุรกิจที่พวกคนรวยประสบความสำเร็จมากกว่าอาชีพอื่น ๆ นั้น บางคนอาจจะทำหลายอย่าง บางคนอาจจะทำอย่างเดียว ต่างจากแนวคิดของบางคนที่มักจะเลือกอาชีพดังตามกระแส ซึ่งอาจเป็นอาชีพที่ไม่ถนัด ทำให้ในที่สุดหลาย ๆ ร้านก็ต้องพับกระเป๋ากลับบ้านเพราะขาดทุนนั่นเอง ทำให้เราเห็นว่าความร่ำรวยของพวกเศรษฐีส่วนหนึ่งมาจากลักษณะนิสัยของพวกเขาที่เลือกทำในสิ่งที่ถนัดและสามารถต่อยอดได้
สร้างตัวด้วยสองมือเปล่าเพื่อวางแผนสร้างตัว
เศรษฐีรุ่นใหม่ เท่าที่เห็น และทำให้เขาได้กลายเป็นเจ้าของเงินล้าน ด้วยอายุเพียงน้อยนิด กับธุรกิจที่สร้างเงินล้านด้วยมือเขาเองล้วน ๆ ไม่น่าเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ เจนเนอร์เรชั่น Y น้อยคนที่จะพึ่งพาพ่อแม่หรือเฝ้ารอมรดก เพราะยิ่งเริ่มต้นจากมือเปล่า พวกเขาก็ยิ่งมีความแกร่ง และสามารถยืนได้บนลำแข้งของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย พวกเขามักใช้เวลาเฉลี่ยวันละ 8 ชั่วโมงกับการวางแผนชีวิต ต่างจากคนทั่วไปใช้เวลาคิดแต่เรื่องหาความสุข ซึ่งการหากพูดเรื่องการวางแผนการเงิน ซึ่งใช้เวลาน้อยมาก แต่น่าแปลกที่หลาย ๆ คนมักจะบอกว่าไม่มีเวลาทั้งที่จริง ๆ แล้วแค่เพียงไม่กี่นาทีในแต่ละวันกับแนวคิดหาเงิน ตรงกันข้ามกลับมีเวลาเดินช้อปปิ้งเพื่อใช้จ่ายเงินวันละกว่าชั่วโมง เหมือนอย่างที่เราเคยได้ยินกันมาเลยว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง”นี่เอง
ให้ความสำคัญกับอิสรภาพทางการเงินและใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล
เศรษฐีบางคนชอบใช้ชีวิตแบบชนชั้นกลาง อยู่ในบ้านแบบชิลๆ ขับรถยี่ห้อทั่วๆ ไปที่ใช้งานได้ดี ไม่ชอบแข่งขันเอาหน้ากับใคร จึงไม่ต้องมีหนี้ก้อนใหญ่ คนส่วนใหญ่แม้จะทำงานหนักเงินเดือนเยอะ แต่มักจะใช้จ่ายหนักตามไปด้วย จึงไม่ทำให้รวยสักที ตรงกันข้ามกับบรรดาเศรษฐี ที่ทั้งทำงานหนัก เงินเยอะ แม้จะใช้จ่ายเยอะ แต่กลับคิดหนักด้วยเมื่อมีการใช้จ่าย ยก ตัวอย่าง แค่คุณประหยัดกาแฟแก้วละ 100 บาท หากกินวันละแก้ว 1 ปีเราจะทำให้คุณมีเงินเก็บ 36,500 บาท ถ้าเงินที่เก็บทุกวันสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 8%ต่อปี ทำให้ใน 1 ปีคุณจะมีเงินเก็บ 38,000 บาท และหากคุณเก็บอย่างนี้ไปได้เรื่อยๆ ภายใน 10 ปี คุณจะมีเงินออมที่เพิ่มจากการประหยัดกาแฟได้ถึง 560,000 บาท ไม่น่าเชื่อว่านี่แค่เป็นการประหยัดกาแฟ 1 แก้ว แล้วลองคิดดูว่าหากวันนึงคุณกินกาแฟถึงสองแก้ว จะทำให้คุณมีเงินเก็บเท่าไหร่..เงินล้านมีได้ไม่ยากเลย
มองหาสิ่งที่ดีกว่าอยู่เสมอ
เศรษฐีหลาย ๆ คน เวลาที่จะลงทุนอะไรสักอย่าง จะต้องคิดถึงแต่ผลกำไร หรือผลตอบแทนที่ควรจะเกิดขึ้นเท่านั้น ส่วนใหญ่พวกเขาไม่ชอบลงทุนกับสิ่งไร้สาระ แต่ชอบที่จะลงทุนกับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะทำให้พวกเขาร่ำรวยขึ้น โดยเฉพาะความสนใจในเรื่องหลากหลายอย่างตลาดใหม่ ๆ หรือซอฟท์แวร์ดี ๆ เทคโนโลยีใหม่ ๆ คำแนะนำเรื่องภาษีกฎหมาย ฯลฯ สิ่งใดที่ทำให้ชีวิตเขาพัฒนาขึ้น แน่นอนว่าพวกเขาก็พร้อมจะลงทุนกับมันแบบบ้าดีเดือดเลยทีเดียว แบ่งเวลามาอ่านหนังสือที่ดีมีประโยชน์ และติดตามข่าวสารทางเศรษฐกิจ จะทำให้คุณเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองเลยว่า เพียงเดือนเดียวคุณจะรู้สึกเลยว่าฉลาดขึ้นเยอะเลยล่ะ
สอนให้ลูกหลานพึ่งพาตัวเอง
อย่าให้ลูกหลานมาผลาญเงินคุณที่สำคัญจะต้องสอนให้ลูกหลานหัดทำมาหากินด้วยตัวเอง และให้แนวคิดกับลูกหลานด้วยหลักการสอนต่าง ๆ ดั่งสุภาษิตที่ว่า “ให้ปลาเขาหนึ่งตัว เขามีกินแค่หนึ่งวัน แต่สอนเขาจับปลา เขาจะมีกินตลอดไป” ก็เหมือนกันหากให้แต่เงินลูกหลาน และเมื่อเขาใช้เงินหมดโดยที่ไม่สอนเขาให้รู้จักวิธีหาเงิน เมื่อเงินหมด ก็จะทำให้ลูก หลานลำบากไม่รู้จะหากินอย่างไร แค่เปลี่ยนมุมมอง แนวคิด และวิธีการใช้เงินกัน ก็จะทำให้มีโอกาสรวยได้เป็นเศรษฐีเงินล้านอย่างแน่นอน
การจะก้าวไปสู่ความร่ำรวยได้นั้นจะต้องมุ่งเป้าหมายไปที่เรื่องเงิน แค่กำหนดจำนวนเงินที่ต้องการ ซึ่งจะมีผลต่อจิตใต้สำนึกและสมองของคุณเอง อย่าลืมกำหนดแผน ที่จะหาวิธีทำให้ได้เงินตามที่ต้องการ และลงมือทำทันที และเมื่อได้รับเงินมาแล้วจะต้องคิดว่าจะนำเงินไปทำอะไรเพื่อให้เกิดประโยชน์ที่สุด แค่ลงเมือทำเพื่อ ซึ่งอาจจะเริ่มเขียนแผนลงบนกระดาษ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งจำนวนเงิน ระยะเวลาการเก็บ หรือใช้จ่าย และการแปลกเปลี่ยน วิธีการ แผนงานและขั้นตอนต่างๆ ซึ่งจะส่งผลทำให้คุณมีแรงผลักดันในการสร้างเงินและรายได้มากขึ้น
ขอบคุณข้อมูล http://www.kiatnakin.co.th/