ความมั่นคงของชีวิต เป็นสิ่งหนึ่งที่ใครหลายๆคนล้วนให้ความสำคัญอย่างมาก แต่ก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่มักจะมองข้ามมันเพราะความมั่นคงเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีเทคนิคต่างๆที่ช่วยสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตของเรา ช่วยสร้างความสำเร็จให้กับเรา และอื่นๆอยู่มากมายเลยล่ะ จนในบางครั้ง เราก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าเทคนิคต่างๆนั้นมันเยอะเกินไปหรือเปล่า เราควรจะเลือกใช้เทคนิคไหนดี ไม่รู้จะเลือกใช้เทคนิคไหน หรือแม้แต่รู้สึกว่าเทคนิคที่เราได้เรียนรู้มามันสามารถทำได้ยากและไม่น่าทำ หากเราเองเป็นอีกหนึ่งคนที่เริ่มรู้สึกแย่กับเทคนิคสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตที่มีอยู่มากมายในโลกออนไลน์ ลองใช้เทคนิคแบ่งเงินเป็น 6 ส่วนดูสิ มั่นใจได้เลยว่ามันง่ายกว่าการเก็บเงินให้มีเป็น 6 เท่าของรายจ่ายในแต่ละเดือนเพื่อความมั่นคงของชีวิตแน่นอน
เทคนิคเงิน 6 ส่วน จะช่วยให้เรารู้สึกว่าการจัดสรรเงินเพื่อความมั่นคงของชีวิต เป็นอะไรที่ง่ายอย่างมากเลยล่ะ อีกทั้งยังช่วยให้เราสร้างความสำเร็จให้กับตัวเองด้วย เนื่องจากชีวิตไม่ได้มีเพียงแต่การเก็บเงิน เนื่องจากความมั่นคงของชีวิตไม่ได้วัดกันที่ปริมาณเงินเก็บ เราจึงไม่ต้องกังวลว่าจะนำเงินไปเก็บไว้ส่วนไหน จะนำเงินไปลงทุนกับอะไรเพียงอย่างเดียว ซึ่งเรามาดูกันเลยดีกว่าว่า เทคนิคเงิน 6 ส่วน เราจะต้องแบ่งเงินไปใช้ในส่วนไหนบ้าง
ส่วนที่หนึ่ง เงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน
ในเงินส่วนที่หนึ่งนี้ เป็นส่วนที่มีความสำคัญมากที่สุดเนื่องจากว่าเป็นเงินที่เราจะต้องใช้ในการดำรงชีพในแต่ละเดือน ซึ่งเราจะแบ่งเงินเดือนให้กับส่วนนี้ถึง 55% กันเลยทีเดียว โดยเงินในส่วนนี้ เราจะมีไว้ใช้จ่ายกับค่าใช้จ่ายต่างๆภายในบ้านรวมไปถึงค่ากินอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันรถ ค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายต่างๆก็จะถูกรวมมาไว้ในส่วนนี้ทั้งหมด
เราจะต้องให้ความสำคัญเงินในส่วนนี้ไม่น้อยและต้องมีวินัยอย่างมากเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นเงินที่เราจะต้องใช้จ่ายในแต่ละเดือน ซึ่งแน่นอนว่าเราคงไม่อยากประสบปัญหาเงินไม่พอใช้ในช่วงปลายเดือนใช่หรือเปล่าล่ะ อีกทั้งเราการที่เราตั้งไว้ให้เป็น 55% ของเงินเดือน ก็เพื่อที่จะให้เราฝึกควบคุมรายจ่ายด้วย รับรองได้ว่าเราจะทำทุกวิธีเพื่อจะลดรายจ่ายลงให้เหลือน้อยที่สุดอย่างแน่นอน
ส่วนที่สอง เงินเก็บเพื่อการลงทุน
การนำเงินไปลงทุนเพื่อให้เงินได้งอกเงยขึ้นมา เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากเลยล่ะ เพราะการมีรายได้หรือรายรับจากการงานประจำเพียงทางเดียว มันไม่ได้ช่วยให้เรามีความมั่นคงสักเท่าไหร่ อีกทั้งการที่เราจะหายรายได้เสริม มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ฉะนั้นแล้วการใช้เงินทำเงินนี่ล่ะเป็นความคิดที่ดีไม่น้อยเลย โดยเราจะแบ่งเงินให้กับส่วนนี้เป็นจำนวน 10% ด้วยกัน
10% ที่เราแบ่งไปใช้ในส่วนนี้ มันอาจจะดูน้อยไปหน่อยในการใช้ลงทุนเพื่อสร้างความงอกเงยให้กับเงินส่วนนี้ แต่ถ้าเรานำเงิน 10% นี้ไปลงทุนในทุกๆเดือน รับรองได้ว่าสักวันมันจะสามารถทำเงินให้กับเราได้ไม่น้อยเลยล่ะ โดยการลงทุนในส่วนนี้เราควรเลือกลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างเช่นกองทุนรวม จะเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยที่สุดและในแต่ละเดือนที่เราได้มา ก็ค่อยๆซื้อกองทุนเก็บไว้
ส่วนที่สาม เงินเก็บเพื่อพัฒนาตัวเอง
การพัฒนาตนเอง ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ใครหลายๆคนได้มองข้ามไปอยู่บ่อยๆ เนื่องจากในแต่ละวัน ก็ได้ใช้พลังงานไปกับสิ่งต่างๆไปเยอะมากเลยล่ะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน ที่ใช้เวลาไปมากที่สุด และเมื่อกลับจากทำงานก็อยากที่จะพักผ่อนหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ทำให้เราไม่ค่อยได้ฝึกทักษะเพื่อพัฒนาตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเราอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ลองแบ่งเงินสัก 10% ในแต่ละเดือนเพื่อใช้ในส่วนนี้ดูสิ
สิ่งที่คนประสบความสำเร็จในชีวิตหลายๆคนขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ ความสามารถ และความสามารถของพวกเขาก็ล้วนมาจากการฝึกตนตัวเองที่มากกว่าคนอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าในการทำงานเดิมๆนั้น อาจจะช่วยให้เราได้เก่งขึ้นบ้างจากเมื่อก่อน แต่นั่นไม่ใช่วิธีการฝึกที่ดีที่สุด หากเราอยากเก่งจนประสบความสำเร็จ ลองหาความชอบสักสิ่งหนึ่งแล้วใช้เงิน 10% นี้ไปกับกรพัฒนาสิ่งที่เราชอบดูสิ รับรองได้เลยว่าจะพบกับความน่าตกใจไม่น้อยในชีวิตเลยนะ
ส่วนที่สี่ เงินเก็บเพื่ออนาคตระยะยาว
สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ช่วงบั้นปลายชีวิตของเรา มีแต่ความสุข ความสบาย มีกินมีใช้และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินเลยก็คือ เงินเก็บระยะยาว ซึ่งมันจะเป็นเงินที่เราเริ่มเก็บในช่วงที่เรามียังคงมีแรงทำงานหาเงินเพื่อใช้ในช่วงชีวิตที่เราไม่มีแรงทำงานหาเงิน หากเราเลือกที่จะละเลยในส่วนนี้ มั่นใจได้เลยว่าช่วงบั้นปลายชีวิตเราจะไม่อยากเกษียณเลยล่ะ เพราะเกษียณแล้วจะไม่มีเงินกินเงินใช้นะ โดยเราจะให้ความสำคัญกับเงินในส่วนนี้ 10%
การเก็บเงินเพื่ออนาคตระยะยาว สามารถเก็บได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเลือกฝากประจำเป็นระยะเวลานานๆครั้งละ 24 เดือนเผื่อเราอยากจะใช้เงินสักส่วนหนึ่งให้รางวัลกับชีวิตของตัวเองทุกๆ 2 ปี หรือไม่ก็เลือกซื้อประกันชีวิตที่เป็นเงินเก็บให้กับตัวเองได้ด้วย
ส่วนที่ห้า เงินที่มีไว้ใช้สร้างความสุข
บางครั้ง การใช้เงินเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตมากเกินไป ก็ทำให้เราพลาดความสนุกตางๆรอบตัวของชีวิตออกไป ฉะนั้นแล้ว เราจึงควรมีเงินส่วนหนึ่งที่เอาไว้สร้างความสุขให้กับตัวเอง เราจะแบ่งมันออกมาเพียง 10% เท่านั้น
ความสุขจากการใช้เงิน เป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนล้วนมีเหมือนกันหมด เพียงแต่ว่าเราจะมีความสุขเมื่อใช้เงินไปกับอะไรเท่านั้นเอง บางคนก็มีความสุขที่จะได้ลิ้มรสกาแฟแก้วละ 150 บาท บางคนก็มีความสุขที่ได้ซื้อเสื้อผ้าเยอะๆ หากเราเลือกที่จะตัดเงินส่วนนี้ออกไปแล้วนำไปเพิ่มให้กับส่วนอื่นๆก็ได้ แต่มั่นใจได้เลยว่าเราคงทำแบบนั้นไม่ได้ตลอด เพราะชีวิตก็ต้องมีช่วงเวลาปลดปล่อยกันบ้าง และการจัดการแบ่งเงิน 10% เพื่อปลดปล่อยมัน จะช่วยให้ชีวิตมีความสุขไม่น้อยเลย
ส่วนที่หก เงินเพื่อการแบ่งปัน
เงินของการแบ่งปัน เราอาจจะรู้สึกแปลกไม่น้อยกับการที่จะต้องแบ่งเงินของตัวเองออกมา 5% เพื่อใช้ในส่วนนี้ แต่มั่นใจได้เลยว่ามันจะตัวช่วยสร้างความสำเร็จได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ เพราะความรู้สึกดีๆของชีวิต นอกจากการใช้เงินซื้อความสุขให้ตัวเองแล้ว การได้ใช้เงินเพื่อแบ่งปันความสุขให้คนอื่น ก็ช่วยให้เรามีความสุขไม่น้อยเลยล่ะ การใช้เงิน 5% เพื่อทำบุญ บริจาค สมทบทุนช่วยเหลือหรือแม้แต่เลี้ยงขนมคนแปลกหน้าที่กำลังหิว มั่นใจได้เลยว่าเราจะมีความสุขที่ได้ให้ไม่น้อยเลย
CEO หลายๆบริษัทได้ให้ความสำคัญกับเงินส่วนนี้อย่างมาก เราจะเห็นพวกเขาบริจาคเงินการกุศลให้กับสถานที่ต่างๆมากมาย ไม่ใช่เพราะเงินเหลือกินเหลือใช้ แต่เป็นเพราะพวกเขาเชื่อเสมอว่า ยิ่งแบ่งปันคนอื่นมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งได้มากเท่านั้น หากใครเราให้สักคนหรือแบ่งปันใครสักคน 5 บาท เราก็จะได้กลับมา 5 บาทหรือมากกว่าแน่นอน เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเราจะได้เงินนั้นมาในรูปแบบไหน แต่มั่นใจได้เลยว่าจะได้กลับคืนมาจริงๆ อีกทั้งในหนังสือความสำเร็จของเหล่า CEO หลายๆคนก็มักจะเขียนถึงการบริจาคเงิน หรือเงินทำบุญด้วย ฉะนั้นแล้วการเจียดเงินสัก 5% เพื่อทำสิ่งดีๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียหายสักหน่อย อีกทั้งยังได้ทำตามเทคนิคแนะนำในหนังสือด้วย