เราคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ซึ่งก็หมายถึงมนุษย์ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว มนุษย์เราต้องการเพื่อน ต้องการอยู่กันเป็นกลุ่ม ต้องการเป็นที่ยอมรับ ฯลฯ โดยส่วนใหญ่ผู้คนบนโลกใบนี้ก็จะเป็นเหมือนกัน คือ ต้องการเพื่อน ต้องการเป็นที่ยอมรับ อาจจะมีบ้างประเภทหลุดโลกที่ชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่ส่วนมากแล้วคงไม่มีใครอยากอยู่คนเดียวแน่ ๆ ส่วนดีกรีของความต้องการเพื่อนหรือเป็นที่ยอมรับก็เป็นเรื่องของแต่ละคน บางคนมีมาก บางคนมีบ้างหรือบางคนมีน้อย ก็ขึ้นอยู่กับนิสัยที่เป็นพื้นฐานติดตัวมาด้วย
อ่านเพิ่มเติม : ไม่อยากได้ ไม่ อยากมีเหมือนคนอื่น นี่ผิดมากไหม ??
ความเป็นสังคมในสมัยก่อนเป็นสิ่งที่สัมผัสได้จากการพบปะพูดคุยกัน ตั้งแต่อดีตมาคนก็ต้องการการยอมรับจากสังคมอยู่แล้ว นึกถึงภาพเหตุการณ์ร้อยกว่าปีตามไปด้วยนะคะ คนเข้าวัดทำบุญเจอญาติสนิทมิตรสหายก็จะถามไถ่ถึงลูกหลาน ก็พูดคุยกันใครลูกหลานได้ดิบได้ดี อย่างสมัยก่อนก็ถ้าได้รับราชการ ก็คุย ยิ้ม หน้าบานกันไป ลูกหลานใครเกกมะเหรกเกเรก็ก้มหน้าก้มตาไม่ค่อยอยากจะให้ใครถามถึง นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างของเรื่องการยอมรับในสังคมที่มีมาตั้งแต่ในอดีตและก็เป็นแบบนั้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
การต้องการเป็นที่ยอมรับของสังคมหรือคนหมู่มากนี้ เราเหมือนต้องหาจุดเด่น บางคนเรียนเก่ง บางคนหน้าตาสวย บางคนเล่นกีฬาเก่ง บางคนฐานะร่ำรวย จุดเด่นเหล่านี้ของเราก็จะทำให้เราเป็นที่ยอมรับของสังคมได้ เรียกว่าเป็นไปตามเทรนด์ตามกระแสเหมือนกัน หากไม่ทำอะไรที่เหมือนคนอื่นก็จะคุยกับเขาไม่รู้เรื่องว่าอย่างนั้น ก็เลยต้องคอยตามกระแสอยู่ตลอดว่าใครเขาทำอะไรกันบ้าง
มาถึงยุคปัจจุบันที่สังคมของเราได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้มีเพียงแค่สังคมจริง ๆ ที่เกิดจากการพบปะพูดคุยเห็นหน้าค่าตากันเหมือนในอดีต แต่มีสังคมในโลกเสมือน สังคมหน้าจอ สังคมมือถือหรือสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเรียกมันว่าอย่างไรกัน แต่มันก็คือสังคม ๆ หนึ่ง ที่มีคนมารวมตัวพูดคุยอัพเดทเรื่องราวกันได้เหมือนกัน โดยที่ไม่ต้องพบปะเจอหน้ากัน บางคนก็เพิ่งมารู้จักกันก็ทางหน้าจอนี่แหละ เป็นเพื่อนใหม่กันไป บางคนเป็นเพื่อนรู้จักกันมานานเป็นปียังไม่เคยเจอหน้ากันเลยก็มี
สื่อสังคมออนไลน์เปลี่ยนสังคมของเราให้กลายเป็นสังคมที่กว้างขึ้น ตามจำนวนเพื่อนที่เรามีมากขึ้น นึกตามว่าแต่ก่อนในหนึ่งวันเรามีเวลาทำอะไรได้มากมาย แต่ทุกวันนี้นั่งสไลด์หน้าจออ่านอัพเดทเรื่องราวของเพื่อน ๆ บางทีครึ่งวันยังอ่านไม่หมด เพราะเรื่องของแต่ละคนเยอะเหลือเกิน แถมบางคนยังอัพเดทกันวันละหลายรอบ เรียกว่าดูกันเพลินแทบไม่ต้องทำอย่างอื่นเลย
การใช้สื่อสังคมออนไลน์นี้นอกจากทำให้สังคมของเรากว้างขึ้น ยังมีเรื่องราวที่ไหลผ่านเข้ามาเป็นรวดเร็วมากขึ้นด้วย ใครอยากอัพเดทชีวิตช่วงไหนจะดีจะเศร้าอย่างไรก็สามารถทำได้หมด บางคนขยันเที่ยวได้ทุกอาทิตย์ ไม่รู้เอาเงินจากไหนเหมือนกัน ไปกันได้ทุกสัปดาห์ เที่ยวไหนก็ถ่ายรูปเอามาลง เห็นแล้วบางทีก็อดอิจฉาไม่ได้ว่าทำไมเราอยู่แต่บ้าน บางคนก็เหมือนกันกินอะไรกันนักหนา เห็นอัพรูปอาหารหน้าตาดี ๆ ตลอด เอาเงินที่ไหนไปกินทุกวันอีกเนี่ย แอบอดคิดไม่ได้จริง ๆ นะ ตามไลค์กันไม่ทันทีเดียว แต่บางทีก็มีลงมาช่วงอารมณ์ไม่ดีกับชีวิตเรา นี่ก็ไม่กดไลค์ปิดหน้าจอกันไปเลย
บางคนพอมีวันหยุดยาวเอาไปอีกละ ญี่ปุ่น ปีหนึ่งไปกี่รอบนี่ครอบครัวนี้ ไปกันทีก็ 4-5 คน ต่อมอิจฉาตาร้อนมันขึ้นมา ไอ้เรารึเก็บเงินตั้งนานหวังจะไปสักรอบยังไม่ได้ไปกับเขาสักที แหมแล้วบางคนพอแฟนซื้อของให้ กระเป๋าแบรนด์เนมอย่างนี้ก็ต้องมาอัพรูปลงกันด้วย เพื่ออะไรเหรอ ออกรถใหม่ก็เหมือนกัน ยังต้องถ่ายมาให้เพื่อนร่วมชื่นชมด้วย เราก็คิดในใจขอแบบติดป้ายทะเบียนมาด้วยนะ จะได้ไปแทงหวย เผื่อจะรวยกับเขาบ้าง แล้วอีกอย่างบางคนรวยจริง รวยปลอมก็ไม่รู้ แต่เห็นขยันอัพรูปกันจริง ๆ
ทุกอย่างอยู่ที่ใจค่ะ หากเราดูแล้วทนไม่ได้ หมายถึงว่ามันทำให้ความคิดหรือจิตใจของเราแย่ลง ก็คิดว่าอย่าไปตามจะดีกว่านะคะ แต่หากเราไม่คิดอะไรมาก ถือเป็นเรื่องขำ ๆ สนุก ๆ กันไป อย่างน้อยก็ได้อัพเดทชีวิตเพื่อนฝูง ไม่เห็นมีอะไรจะต้องเครียดตาม ลองนึกตามนะคะ พอเราเห็นเพื่อนบางคนลงเฟซท้อแท้ชีวิต บางทีเราก็กลับคิดว่า ทำไมคนนี้เวิ่นเว้อ ไม่น่ามาลงเรื่องแบบนี้ให้คนอื่นเขาเศร้าตาม
สังคมออนไลน์ก็เป็นอีกสังคมหนึ่งที่เราใช้ชีวิตอยู่กับมัน แบบไม่มีใครบังคับ ความมีอิสระนี้ก็ทำให้ทุกคนสามารถแสดงออกได้มากขึ้น มันก็เป็นเหมือนทางออกหนึ่งของมนุษย์ที่ทำให้เราเลือกทำอะไรที่เรารู้สึกสบายใจ ส่วนมากก็คงไม่มีใครอยากบอกเรื่องราวที่ไม่ดีของตัวเองให้คนอื่นรู้ ลองนึกดูว่าตัวเราก็เป็นเหมือนกัน เราเองก็คงอยากจะให้คนอื่นรู้แต่ในด้านที่ดี ๆ ของเราเหมือนกัน จริงไหมคะ เราในฐานะของผู้ติดตามหรือเป็นเพื่อนก็ทำใจให้กว้าง หากหมั่นไส้หรือไม่ชอบก็ไม่ต้องไปตามหรือไปกดไลค์ เดี๋ยวเขาคิดว่าชอบก็จะอัพเดทมาให้เราเห็นเรื่อย ๆ อีก เราเลือกได้อันไหนไม่สบายใจก็ไม่ต้องไปตามดู ย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่เกริ่นไว้ในย่อหน้าแรก เราอาจจะเข้าใจคนที่อยู่ในสังคมออนไลน์กันมากขึ้นก็ได้ค่ะ