ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับสินเชื่อส่วนบุคคลกันก่อนดีกว่าค่ะ สินเชื่อส่วนบุคคลก็คือเงินกู้ที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินอนุมัติให้กับบุคคลเพื่อนำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือคนค้ำประกัน มีอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาในการผ่อนชำระคืนที่แน่นอน ด้วยเหตุที่สินเชื่อส่วนบุคคลไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์หรือคนค้ำประกัน ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่คิดถือว่าแพงที่สุดในบรรดาสินเชื่อทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่ที่คิดกันอยู่สูงสุดก็อยู่ที่อัตรา 28% ต่อปี
เราอาจจะเคยเห็นโฆษณาสินเชื่อส่วนบุคคลกันอยู่บ้าง แบบที่ว่าดอกเบี้ยถูก ผ่อนนาน อนุมัติง่าย ประมาณนี้ ดอกเบี้ยถูกที่โฆษณาก็ไม่ได้หมายถึงดอกเบี้ยถูกตลอดระยะเวลา บางครั้งมีโปรโมชั่นดอกเบี้ยแค่ 6 เดือนหรือปีแรกเท่านั้น ต่อจากนั้นก็สูงสุด 28% ยิ่งคนมีรายได้น้อยหรือได้รับอนุมัติวงเงินน้อยจะมีโอกาสโดนดอกเบี้ยสูงกว่า ส่วนผ่อนนานนี่จริง สินเชื่อส่วนบุคคลให้เลือกผ่อนได้นาน 60 เดือน บางธนาคารก็ให้นานกว่านั้น 84 เดือน ก็มีให้เห็นอยู่เหมือนกัน เรื่องอนุมัติง่ายนี่จริงส่วนหนึ่ง หากคุณสมบัติครบ เอกสารครบนี่ก็ได้ทันที ธนาคารและสถาบันการเงินเขาพร้อมให้อยู่แล้ว ก็ดอกเบี้ยเงินกู้เป็นรายได้ของธนาคาร ยิ่งดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลอัตราสูงสุดที่ 28% ต่อปี ธนาคารไหนจะไม่อยากได้บ้าง แต่หากคุณสมบัติไม่ครบไม่เข้าข่ายก็มีโอกาสไม่ได้รับอนุมัติเช่นกัน
ลูกค้าบางคนเรียกได้ว่าไม่ต้องสมัคร ธนาคารนำเสนอให้ถึงที่ทั้งโทรศัพท์หรือ SMS มาว่าเราคือผู้โชคดีได้รับอนุมัติวงเงินกู้สินเชื่อส่วนบุคคล โทรกลับรับทันที ส่วนมากจะเป็นลูกค้าที่มีประวัติสินเชื่อกับธนาคารอยู่แล้ว เช่น อาจเป็นลูกค้าบัตรเครดิต ธนาคารเขาก็เห็นการใช้จ่ายเงินของเรา ประวัติการชำระหนี้ของเราอยู่แล้ว ก็สามารถเลือกนำเสนอให้กับลูกค้าที่หมายตาได้ทันที
มาถึงคำถามว่าเราคือผู้โชคดีหรือไม่
ก็ต้องกลับมาดูก่อนว่าเราจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนั้นหรือไม่ สิ่งสำคัญคืออย่าลืมว่าสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยเรียกได้ว่าแพงที่สุดในบรรดาสินเชื่อทุกประเภทของธนาคาร ความจำเป็นของเราจึงควรเป็นความจำเป็นแบบสุด ๆ เรียกว่าไม่มีทางอื่นแล้วจริง ๆ ถึงจำเป็นต้องใช้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลนี้ ดอกเบี้ยคิดอัตราสูงสุดที่ 28% ต่อปี หากจะคิดน้อยกว่านี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารไปว่าจะเสนอดอกเบี้ยต่ำเพื่อดึงลูกค้ากันมากขนาดไหน หากโทรมาจังหวะเราต้องใช้เงินพอดี นี่เราก็ถือว่าเป็นผู้โชคดี แต่หากเราไม่ได้ต้องการใช้เงินก้อนไม่ได้มีความจำเป็นอะไร เราก็คงไม่ได้เป็นผู้โชคดีอย่างที่ธนาคารว่า
สินเชื่อส่วนบุคคลประเภทเงินก้อนนี้ส่วนมากจะให้วงเงินสูงสุดมากถึง 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน เลยทีเดียว เช่น หากเรามีเงินเดือน 20,000 บาท วงเงินที่ได้สูงสุดก็จะมากถึง 100,000 บาท การจะได้รับวงเงินกี่เท่าก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคารด้วย โดยจะดูจากรายได้ต่อเดือน รายจ่ายต่อเดือน ความสามารถในการชำระหนี้ ภาระหนี้อื่น ๆ ที่มีอยู่หรือประวัติในการชำระหนี้ที่ผ่านมา เป็นต้น
อัตราดอกเบี้ยที่คิดสำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลนี้จะคิดแบบลดต้นลดดอก เราจะทราบเงินที่ต้องผ่อนรายเดือนทุกเดือนจนกว่าจะครบระยะเวลา แต่จะไม่สามารถจ่ายคืนมากกว่าค่างวดได้ (ไม่เหมือนสินเชื่อบ้านที่สามารถโปะได้เมื่อมีเงินมาก) แต่หากมีเงินก้อนและต้องการปิดยอดหนี้ไปเลยสามารถทำได้ โดยบางธนาคารอาจกำหนดว่าต้องผ่อนเป็นเวลา 1 ปีก่อนจึงจะปิดยอดได้ อันนี้แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ส่วนมากเมื่อจะปิดยอดก่อนก็จะมีค่าปรับด้วย
สินเชื่อส่วนบุคคลมีข้อดีอย่างตรงที่วัตถุประสงค์ในการกู้ยืมเป็นแบบไม่ต้องระบุ คือ เรียกว่าเป็นสินเชื่ออเนกประสงค์จะดีกว่า เพราะโดยมากธนาคารเมื่อพิจารณาอนุมัติตามคุณสมบัติและหลักฐานแล้ว เขาก็ไม่สนใจหรอกว่าเราจะเอาเงินไปทำอะไร แม้อาจต้องมีระบุไปตอนสมัคร แต่โอกาสที่เราจะนำเงินไปใช้ก็ทำได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ปิดหนี้บัตรเครดิต ปิดหนี้บัตรกดเงินสด ซื้อของตกแต่งบ้านหรือเป็นค่าใช้จ่ายยามจำเป็นอื่น ๆ
กลับไปที่เรื่องของความโชคดีหรือโชคไม่ดีที่มีโอกาสจะเป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลที่บอกไว้ว่าต้องดูที่ความจำเป็น หากมีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนจริง ๆ สินเชื่อส่วนบุคคลก็ยังถือว่าดีกว่าการกู้เงินนอกระบบเพราะยังมีมาตรฐาน มีแบงก์ชาติที่ควบคุมธนาคารหรือสถาบันการเงินอีกทีเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎกติกาและมีความเป็นมาตรฐาน การกู้เงินนอกระบบนอกจากดอกเบี้ยอาจจะแพงกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลอีก ยังมีโอกาสไม่ได้รับความเป็นธรรมในฐานะลูกหนี้ การกู้ยืมก็ไม่ได้มาตรฐาน หากทางเลือกของเราเหลือเพียงแค่สินเชื่อส่วนบุคคลกับหนี้นอกระบบ การได้รับอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลของเราก็ต้องถือเป็นเรื่องที่โชคดีกว่าอย่างแน่นอน
สิ่งสำคัญที่ถือเป็นความโชคดีกว่าการที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลที่ธนาคารพยายามจะบอกเรา นั่นก็คือความโชคดีที่เราได้มีโอกาสรู้ในสิ่งที่ควรรู้ก่อนที่จะเป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล เพราะจะทำให้เราเข้าใจว่าเรากำลังเจอกับหนี้ประเภทไหนอยู่ เราสมควรจะยอมรับหนี้นี้เข้ามาในชีวิตของเราหรือไม่และเราจะต้องจัดการกับหนี้นั้นอย่างไร เป็นความโชคดีที่เราได้คำตอบของคำถามเหล่านี้ทั้งหมดก่อนที่จะเป็นหนี้ นี่ต่างหากที่ถือว่าเป็นความโชคดีอย่างแท้จริง