เคยถามตัวเองบ้างหรือไม่ว่าเราออมเงินไปเพื่ออะไร หากไม่เคยมีคำถามเหล่านี้ผุดขึ้นมาในความคิดแล้วละก็ ให้เริ่มต้นคิดได้แล้ว เพราะยุคเศรษฐกิจชลอตัวในขณะนี้กำลังเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจจะส่งผลต่อภาพใหญ่ของเศรษฐกิจในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นราคาอุปโภคบริโภคที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้น หนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ที่ไม่ได้มีการวางแผนทางการเงินไว้เลย
การวางแผนทางการเงินจะช่วยให้เราสามารถที่จะรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับเราได้ เช่น ความเจ็บป่วย ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าเทอมลูก ภาระหนี้สินต่างๆ เหล่านี้จะเป็นอุปสรรคในการออมระยะยาวของคุณ และเหตุผลที่ฉุดหลั้งไม่ให้คุณสามารถออมได้อย่างเต็มที่เพราะ 5 ทัศนะคติทางการเงินที่ผิด เสี่ยงต่อความพินาศ ประกอบด้วย
-
ยังไม่ใช่เวลาออม
ความคิดเช่นนี้เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะการออมไม่จำเป็นต้องรอฤกษ์งามยามดี หรือรอให้ถึงอายุ 40 แล้วค่อยออม การเริ่มต้นออมวันนี้จะช่วยให้คุณนั้นสามารถรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นได้ การออมไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากลำบากแต่ประการใด คุณสามารถเริ่มต้นออมได้จากเงินเล็กน้อยๆ วันละ 10-20 บาทหยอดกระปุกในแต่ละวัน พอเงินเดือนออกก็หัก 10 % ของรายได้เป็นเงินออม เท่านี้คุณก็ปลอดภัยจากภาระปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
-
เงินเดือนเยอะก็ใช้เยอะไปเลย
ทัศนะคติประเภทมั่นใจในตัวเองว่ามีอาชีพที่มั่นคงและมีเงินเดือนสูงไม่ต้องกลัวอดตาย หาความสุขให้เต็มที่จากเงินเดือนของเราดีว่า เป็นความคิดที่ค่อนข้างน่ากลัว เพราะคุณไม่มีแบบแผนทางการเงินเลย มีเท่าไหร่ใช้ให้หมด ซึ่งในความเป็นจริงแล้วยิ่งคุณมีเงินเดือนเยอะ คุณต้องยิ่งใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เพราะหากวันหนึ่งคุณตกงานหรือบริษัทที่คุณทำงานอยู่นั้นเกิดปิดกิจการ คุณจะทำอย่างไรถ้าคุณไม่มีเงินออมเก็บสำรองไว้เลย
-
ประหยัดก็พอแล้ว
การประหยัดเป็นเรื่องที่ดี แต่การประหยัดโดยไม่ออมเป็นเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่า เพราะเหตุผลเดียวเลย คือ คุณไม่เข้าใจว่าประหยัดกับการออมนั้นแตกต่างกัน การประหยัดเป็นการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังซื้อสิ่งของที่ราคาถูก แต่การออมเป็นการเก็บเงินไว้ใช้ในอนาคต ประหยัดแต่ไม่มีเงินออมเก็บไว้ก็คงดูไม่จืดแน่ๆ เมื่อถึงวัยเกษียณ
-
นิยมผ่อน ผ่อนดะ
สินค้าเงินผ่อนอาจจะเป็นเรื่องที่ดีถ้าคุณสามารถที่จะแบกภาระที่เพิ่มขึ้นได้ในแต่ละเดือน แต่ถ้าสิ่งที่คุณผ่อนอยู่นั้นไม่ได้ก่อเกิดรายได้ เช่น มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยิ่งคุณผ่อนมากเท่าไหร่ในแต่ละเดือน รายจ่ายของคุณก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหากคุณต้องการจะผ่อนสินค้า ควรเปลี่ยนเป็นการเก็บเงินแล้วนำเงินสดไปซื้อทีเดียวเลยน่าจะดีกว่า เพราะหากผ่อนสินค้าผ่านบัตร บางครั้งอาจจะทำให้วงเงินในบัตรของคุณเต็ม แล้วถ้ามีเหตุฉุกเฉินต้องใช้บัตรเครดิต คุณก็จะไม่สามารถที่จะใช้บัตรได้
-
ไม่เดือดร้อน ออมทำไม
มีเงินใช้ก็พอแล้วไม่เดือดร้อน ทัศนะคติแบบนี้ผิดอย่างแรง เพราะคุณไม่มีแบบแผนอะไรในชีวิตเลย แม้ว่าวันนี้คุณอาจจะดูเหมือนสุขสบาย มีเงินใช้ไปวันๆ แต่คุณเคยคิดหรือไม่ว่าหากวันหนึ่งคุณเจ็บป่วยต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล คุณจะนำเงินที่ไหนมาใช้ แม้แต่การออมในรูปแบบประกันคุณก็ไม่เคยทำ
จาก 5 ทัศนะคติดแบบผิดๆ ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ในความเป็นจริงยังคงมีทัศนะคติที่ผิดอีกมากมาย สำหรับผู้ที่ไม่ตระหนักเรื่องของการออม เพราะการออมแท้จริงแล้วไม่ได้หวังผลในปัจจุบัน แต่เป็นการหวังผลในอนาคต หากมีเหตุที่คุณจะต้องใช้จ่ายเงิน หากคุณมีเงินเก็บสำรองจะช่วยให้คุณสบายเมื่อมีเรื่องต้องใช้เงินด่วน และการออมยังช่วยให้คุณเป็นคนมีวินัยทางการเงินที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเงินที่คุณเก็บไว้ยังสามารถส่งต่อให้ลูกหลานของคุณได้ ในยามที่คุณสูงอายุและไม่สามารถประกอบอาชีพได้