ในสังคมแบบปัจจุบัน ถามคนทำงานร้อยคน ร้อยทั้งร้อย ถ้าไม่รวยอยู่แล้วก็คงจะอยากรวย เพราะในยุคนี้แทบจะเป็นยุคที่อะไรๆก็ซื้อมาได้ด้วยเงิน ถ้าไม่มีเงิน วิธีเดียวที่จะอยู่ได้คือต้องไปอยู่ในป่าล่าสัตว์ตามประสา เพราะแม้แต่ที่ดินก็ต้องซื้อด้วยเงิน คำถามที่ว่า “เมื่อไหร่จะรวย?” กลายเป็นคำถามยอดฮิตที่มนุษย์เงินเดือน หรือเจ้าของกิจการเล็กๆทั้งหลายคอยพร่ำถามตัวเองอยู่ทุกวันๆ แต่ก่อนที่จะถามว่า “เมื่อไหร่จะรวย?” นั้น เรามารู้จักพฤติกรรมของคนที่จะรวยได้กันก่อนดีกว่าค่ะ ว่าส่วนใหญ่คนรวยเค้าเป็นยังไงกันบ้าง
“บ้า”
บ้าในที่นี้ไม่ใช้บ้าแบบเป็นบ้านะคะ แต่ต้องรักและคลั่งไคล้ในสิ่งที่ทำเอามากๆ เช่น ถ้าเปิดร้านแต่งรถ ก็ต้องรักรถ มีความเชี่ยวชาญเรื่องรถชนิดที่ว่า ต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับรถ ต้องเป็นที่หนึ่งในด้านรถให้ได้ ความบ้าหรือความคลั่งไคล้ในงานหรือสิ่งที่เราทำนี่แหละค่ะ ที่จะเป็นก้าวแรกสู่ความสำเร็จของเราได้ เพราะถ้าเรารักในอะไร เราก็จะทำสิ่งๆนั้นได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แล้วมันจะทำให้เรารู้ในเรื่องนั้นๆดีกว่าคนอื่น ทีนี้เราก็นำคนอื่นไปก้าวหนึ่ง ในการที่จะคิดอะไรใหม่ๆให้กับงานของเราแล้วล่ะค่ะ หรือถ้าเราอยู่ในฐานะพนักงาน การที่เรารู้เรื่องต่างๆดีกว่าคนอื่นๆ จะทำให้เราเป็นบุคลากรที่หาตัวได้ยากในวงการนั้น รับรองว่าแต่ละบริษัทจะต้องเสนอผลตอบแทนดีๆ เพื่อจะดึงตัวเข้าไปทำงานด้วยอย่างแน่นอน
“คิดนอกกรอบ”
สังเกตไหมคะว่า ทำไมคนรวยถึงมีน้อย ลองสังเกตดูดีๆอีกนิดอาจจะพบคำตอบบางอย่างที่ว่า “คนรวยมองโลกไม่เหมือนกับคนอื่น” คนรวยส่วนใหญ่มักมองเห็นความเป็นไปได้ ในสิ่งที่คนอื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้เสมอ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น สตีฟ จ๊อบ คนที่คิดทำสมาร์ทโฟนที่แทบจะไร้ปุ่มขึ้นมา จนฮิตกันทั่วโลกนั่นไงคะ ถ้าเราคิดจะรวย เราต้องคิดในสิ่งที่คนอื่นไม่คิด หรือมีคนคิดจะทำน้อย เช่น เรามีอาชีพหลักอยู่แล้ว แต่ทำอาชีพเสริมอื่นๆด้วย คนส่วนใหญ่ไม่คิดจะทำ เพราะมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่มีเงินมานอนรออยู่ปลายเดือนอยู่แล้ว หรือแม้แต่การเก็บเงินมาลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น ทอง หุ้น อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น พวกนี้แหละค่ะ ที่เป็นเคล็ดลับของคนรวย
“มีรายได้จากหลายทาง”
จากข้อที่แล้ว ทำไมคนรวยถึงต้องมีการลงทุนในสินทรัพย์? จริงอยู่ที่มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายส่วนใหญ่จะได้รายได้จากบริษัทคงที่ในแต่ละเดือนอยู่แล้ว แต่ลองคิดเผื่อบริษัทเราอาจจะมีปัญหา หรือเราประสบปัญหาบางอย่าง ทำให้ขาดรายได้ประจำไป เราก็ยังจำเป็นจะต้องมีรายได้เสริมจากทางอื่นทำให้เราอยู่ได้ หรือในกรณีเจ้าของกิจการ ถ้าเกิดกิจการของเราขาดรายได้ไป เราก็ยังต้องมีรายได้จากทางอื่นที่ทำให้เราอยู่ได้เช่นกันค่ะ โดยรายได้แบบนี้ ถ้าให้ดีควรจะเป็น Passive Income คือรายได้ที่ไม่ต้องแลกด้วยแรงงานหรือเวลาของเรา อันนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะต้องมี รายได้แบบนี้ส่วนใหญ่จะมาจากสินทรัพย์ เช่น ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ หรือลงทุนในหุ้น เป็นต้น แต่คนจะรวยเขาวัดกันตรงไหน? คนจะรวยนั้น รายได้แบบ Passive Income ของเขาแค่อย่างเดียว ก็เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของเขาแล้ว ดังนั้น เขายิ่งทำงาน ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มเติม เสริมให้เขามีเงินหรือทรัพย์สินเยอะมากขึ้นเรื่อยๆนั่นเองค่ะ ดังนั้นถ้าคิดจะรวย เก็บออมเงินเพื่อสะสมสินทรัพย์ไว้ด้วยนะคะ แต่ก็อย่าให้ลำบากชีวิตประจำวัน ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปค่ะ
“ตั้งเป้าหมาย”
ยิ่งเรากำหนดเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เราถีบตัวเองไปได้ไกลมากเท่านั้น ไม่ใช่แค่เรื่องเงินนะคะ แต่ในทุกๆเรื่อง การตั้งเป้าหมายเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าเราตั้งเป้าหมายว่าเราจะไปแค่ปากซอย เราก็คงไปไกลสุดได้แค่ปากซอย ลองตั้งเป้าหมายว่าจะไปดวงจันทร์ดูสิคะ ถ้าไปไม่ถึงก็อย่าเพิ่งย่อท้อ ไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงดวงจันทร์ การตั้งเป้าหมายให้ยิ่งใหญ่นั้น จะทำให้เราต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่และไม่หลงไปกับความสำเร็จเล็กๆค่ะ ถ้าบิล เกตต์ มัวแต่หลงระเริงอยู่กับวินโดว์ XP ก็คงจะไม่มีวินโดว์ 10 ในวันนี้ และบิล เกตต์ก็คงจะไม่เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกจนถึงทุกวันนี้ ถ้าจะลองตั้งเป้าหมาย ให้กระตุ้นตัวเองได้ดีที่สุด อาจจะลองตั้งเป้าหมายใหญ่ๆไว้ก่อน เช่น จะมีเงินล้านให้ได้ภายใน 2 ปี ถ้าที่สุดแล้วทำไม่สำเร็จ ก็อย่าหยุดจนกว่าจะได้เงินล้าน ถ้าทำสำเร็จก็ตั้งเป้าต่อไปว่าเป็นสิบล้าน เป็นต้น
ความรวย เป็นสิ่งที่สร้างกันได้ค่ะ ถ้าไม่หยุด “อยากรวย” และไม่หยุด “วิ่งเข้าไปหาความรวย” ลองเอาวิธีเหล่านี้ไปใช้กันดูนะคะ ถึงแม้จะไม่ได้รวยทันตาเห็นแบบถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 แต่รับรองว่าจะรวยได้แบบยั่งยืนแน่นอนค่ะ
อ่านเพิ่มเติม : เปลี่ยนความอยากรวยให้เป็นแรงผลักดันนำตัวเองไปสู่ความมั่งคั่ง