บัตรเครดิตได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของคนเรากันไปแล้ว ยิ่งโดยเฉพาะคนเมืองไม่ว่าจะต้องจับจ่ายอะไรก็มักจะต้องนึกถึงบัตรเครดิตก่อนเสมอว่าใช้รูดได้หรือไม่ เกือบทุกคนไม่เคยลืมที่จะถามก่อนจ่ายเงินว่ารับบัตรเครดิตไหมหรือจ่ายด้วยบัตรเครดิตได้หรือไม่ อ่านแล้วก็ต้องอมยิ้ม เพราะเป็นกันทุกคนจริง ๆ ขนาดบางคนซื้อประกันชีวิตกับตัวแทนประกันชีวิตยังขอรูดบัตรเครดิตเลยก็ยังมีเลย
คราวนี้ก็มาถึงตอนที่จะถอยรถยนต์มือหนึ่งออกจากศูนย์กันบ้าง ใครเคยออกรถคันใหม่มาคงจะทราบว่าขั้นตอนแรกจองการออกรถก็จะเป็นการจองรถไว้ก่อน โดยเราต้องจ่ายค่าจองเป็นเงินตามที่ศูนย์กำหนดไว้ ค่าจองรถที่เราต้องจ่ายไว้ก่อนก็เหมือนเพื่อเป็นการจองคิวรถยนต์ยี่ห้อหรือรุ่นที่เราต้องการไว้ หากเป็นรุ่นฮิตหากไม่จองไว้ก่อนก็อีกนานหลายเดือนกว่าจะได้รถเพราะผลิตไม่ทัน เมื่อจองไว้แล้วถึงเวลาที่จะรับรถ วันที่รับรถก็จะเป็นวันที่เราต้องจ่ายเงิน หากซื้อเงินสดก็ต้องเอาเงินสดไปจ่ายที่ศูนย์เพื่อแลกกับรถเลย หากซื้อเงินผ่อนก็ต้องนำเงินดาวน์ไปจ่ายในวันออกรถ พร้อมกับทำสัญญาเช่าซื้อซึ่งจะกำหนดว่าเราจะผ่อนรถเดือนละเท่าไหร่เป็นเวลากี่เดือน
แม้แต่การออกรถยนต์มือหนึ่งออกมาขับ หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงบัตรเครดิตขึ้นมาว่าเราสามารถใช้รูดเพื่อจ่ายได้หรือไม่ หากเป็นเงินจองครั้งแรกส่วนมากแล้วศูนย์รถยนต์จะให้รูดบัตรเครดิตไว้ได้ เพราะจำนวนเงินไม่มากนัก แค่ไม่กี่พันบาทเท่านั้น ส่วนการซื้อรถด้วยเงินสดนี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะเงินจำนวนมากหลายแสนหรือกว่าล้านบาท รูดบัตรเครดิตไม่ได้อยู่แล้วล่ะ วงเงินบัตรเครดิตบางทียังไม่ถึงเลย
ส่วนในกรณีที่ซื้อรถเงินผ่อนก็มีคำถามว่าเงินดาวน์เราสามารถรูดบัตรเครดิตด้วยได้หรือไม่
เรื่องการจ่ายเงินดาวน์รถด้วยบัตรเครดิตนี่ส่วนมากจะสามารถจ่ายได้ มีหลายคนก็เพิ่งทราบว่าทำได้ด้วยหรือ แต่ต้องแล้วแต่ศูนย์ด้วยบางศูนย์ก็คิดค่าธรรมเนียมการรูดบัตร แต่บางศูนย์ก็ไม่คิด หากคิดค่าธรรมเนียมก็จะอยู่ที่ประมาณ 2-3% เหมือนกับใช้บัตรเครดิตกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มเลยล่ะ แพงใช้ได้เลยที่ศูนย์ต้องชาร์ตกับลูกค้าก็เป็นเพราะศูนย์ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารเจ้าของบัตรด้วยนั่นเอง การที่ศูนย์จะชาร์ตค่าธรรมเนียมการรูดบัตรหรือไม่นั้น ส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับการต่อรองเป็นรายบุคคลระหว่างศูนย์กับลูกค้าด้วย ลูกค้าคนไหนต่อรองเก่ง ๆ ศูนย์ก็อาจจะไม่คิดก็ได้หรือหากเป็นช่วงเวลาที่ศูนย์ฯ อยากทำยอดหรือต้องการขายรถให้ได้จริง ๆ บางทีก็ต้องยอม อย่างไรเรื่องการดาวน์รถด้วยการรูดบัตรเครดิตนี่จะเอาให้แน่ ลูกค้าคงต้องคุยกับศูนย์อีกทีหนึ่ง
ย้อนกลับมาเรื่องการรูดบัตรเครดิตจ่ายเงินดาวน์ ต้องถามว่าทำไมเราถึงอยากรูดบัตรเครดิตตอนจ่ายเงินดาวน์
ถ้าเหตุผลของเราคือต้องการคะแนนสะสมจากการรูดบัตรเครดิต เพราะเงินดาวน์ตั้งเป็นแสนหากรูดบัตรเครดิตได้คะแนนสะสมได้เยอะเลย น่าเสียดายถ้ารูดได้แล้วไม่รูดเพราะโอกาสที่จะซื้อรถก็ไม่ได้บ่อย ลำพังจะได้คะแนนสะสมจากการใช้จ่ายอย่างอื่น บางทีใช้เป็นปียังไม่ถึงแสนเลยก็มี หากเหตุผลเป็นเรื่องของคะแนนสะสมนี้ก็รับฟังได้ เพียงแต่ว่าการรูดบัตรเครดิตจ่ายเงินดาวน์นั้นจะต้องไม่มีค่าธรรมเนียมถึงจะคุ้ม เพราะลองนึกดูสมมติว่าเงินดาวน์ 100,000 บาท โดนเก็บค่าธรรมเนียมที่ 3% ก็เป็นเงิน 3,000 บาท เทียบกับคะแนนสะสมที่เราได้ 20 บาทต่อ 1 คะแนน 100,000 บาท ได้ 5,000 คะแนน ปกติ 1,000 คะแนนจะมีค่าแลกเป็นเงินคืนได้ 100 บาท 5,000 คะแนนก็ได้ 500 บาท เทียบ 500 บาทกับเงิน 3,000 บาท ที่ต้องเสียเพิ่มดูแล้วไม่คุ้มกันเลย ยกเว้นว่าหากศูนย์ไม่เก็บค่าธรรมเนียมแบบนี้จะรูดบัตรเครดิตก็ไม่ว่ากัน
แต่ถ้าความต้องการที่จะรูดบัตรเครดิตเพื่อจ่ายเงินดาวน์นั้นเป็นเรื่องเหตุผลว่าเพราะเรายังไม่มีเงินดาวน์รถในตอนนี้ จึงต้องใช้วงเงินในบัตรเครดิตเพื่อจ่ายเงินดาวน์ แล้วค่อยไปผ่อนชำระเงินคืนกับบัตรเครดิตทีหลัง อันนี้ไม่อยากจะแนะนำให้ทำเลย มันเหมือนเป็นการก่อหนี้บนหนี้อีกทีหนึ่ง การซื้อรถเงินผ่อนนั้นพอดาวน์เสร็จไม่ได้หมายความว่าจบกัน การดาวน์เป็นแค่เพียงการบอกว่าหนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เดือนต่อไปก็ต้องเริ่มผ่อนค่างวดรถแล้ว หากไม่มีเงินดาวน์แล้วรูดบัตรเอาพอเดือนหน้าก็ต้องหาเงินมาผ่อนรถรวมทั้งจ่ายเงินดาวน์ในบัตรเครดิตอีก จะไหวไหมคะ ถ้ายังไม่มีแม้แต่เงินดาวน์รถก็อย่าเพิ่งถอยรถออกมาขับจะดีกว่า น่าจะใช้เวลาอีกสักซักพักเพื่อเก็บเงินอย่างน้อยก็เงินดาวน์ให้ได้เสียก่อน ค่อยคิดเรื่องออกรถกันใหม่เอาให้ช้าแต่ชัวร์จะดีกว่า