ตั้งแต่เล็กจนโตมาเรามักจะได้ยินเรื่องราวในแง่ลบหรือแง่ที่ไม่ค่อยดีนักเกี่ยวกับการทำประกันชีวิต ตอนเล็ก ๆ ก็เป็นเรื่องของพ่อแม่ พอโตมาก็ได้ยินจากคนรอบข้าง ฟังจากข่าวหรือบางคนก็เจอกับประสบการณ์ตรงคือเจอเข้ากับตัวเองเลยก็มี ทำให้ทัศนคติของหลายคนที่มีต่อการทำประกันชีวิตนั้นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เมื่อมีรายได้ต้องการลงทุนก็ไม่ค่อยนึกถึงการลงทุนกับประกันชีวิตและมีหลายคนที่ก็พาลไม่อยากจะทำประกันชีวิตกันไปเลย แม้ส่วนลึกในใจก็มีเล็ก ๆ ที่อยากจะซื้อความคุ้มครองไว้เหมือนกัน
ปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการประกันชีวิตนี้ก็มาจากสองสาเหตุหลักด้วยกัน
เรื่องแรกก็เป็นเรื่องของตัวแทนขายประกันชีวิต ที่ตัวแทนบางคนก็บอกข้อมูลลูกค้าไม่หมดทำให้การตัดสินใจซื้อประกันไม่ได้เกิดบนพื้นฐานของการได้รับข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนและถูกต้อง หรือตัวแทนบางคนเมื่อขายประกันได้แล้ว ก็ไม่ได้สนใจที่จะดูแลหรือบริการลูกค้าหลังจากนั้นอีก ตัวแทนบางคนขายอย่างเดียวพอได้ค่าคอมมิชชั่นในปีแรก ก็หายหน้าไปเลยแบบนี้ก็มีให้เห็นเยอะ
สาเหตุที่สองก็เป็นเรื่องของการขาดความรู้ของลูกค้าในเรื่องของการทำประกันชีวิต พอบวกกับการได้รับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนถูกต้องและการหนีหายไปไม่ดูแลของตัวแทนขายประกัน ก็พาลอยากจะยกเลิกกรมธรรม์ไปเสียเลย ซึ่งการตัดสินใจแบบนี้จะทำให้เราเองที่ต้องเป็นคนเสียประโยชน์ไป แทนที่จะได้รับความคุ้มครองตลอดอายุสัญญาหรือได้รับเงินคืนรวมกับผลตอบแทนเมื่อครบกำหนดสัญญา ก็ทำให้ไม่ได้คืนแถมเงินต้นบางทีก็ต้องสูญไปเหลือไม่เท่าไหร่ด้วย
เมื่อมีเรื่องราวแบบนี้ให้เห็นกันบ่อย ๆ คนเป็นจำนวนมากก็เลยเข็ดขยาดกับการทำประกันชีวิต เมื่อมีตัวแทนโทรมานัดเพื่อเสนอขายประกันชีวิต พอบอกว่าเป็นเรื่องประกันชีวิตก็ไม่อยากจะเริ่มต้นฟัง ปฏิเสธไปเสียเลยจะดีกว่า ก็เพราะทัศนคติที่ไม่ดีต่อการทำประกันชีวิตที่สั่งสมมาจากเรื่องราวของตัวเอง คนรอบข้างและข่าวสารที่มีให้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน
ทั้งที่จริงแล้วรูปแบบของประกันชีวิตนั้นเป็นการลงทุนในรูปแบบหนึ่งที่หากเรามีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เชื่อ มั่นใจและยอมรับในระบบประกันชีวิต ประกันชีวิตก็จะเป็นการวางแผนทางการเงินในอีกรูปแบบหนึ่งที่มีประโยชน์มากทีเดียว
โดยเฉพาะในปัจจุบันรูปแบบของการประกันชีวิตมีหลากหลายขึ้น ประโยชน์ที่เราจะได้จากการทำประกันชีวิตก็หลากหลายขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต การออมเงิน การลงทุนหรือการสะสมเงินเพื่อเป็นบำนาญยามเกษียณและรวมถึงค่าเบี้ยประกันชีวิตยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ได้อีกด้วย
หากเราเปิดใจทำความเข้าใจกับประกันชีวิตให้มาก มองประกันชีวิตว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการลงทุน เพียงแต่เป็นการลงทุนในระยะยาวกว่าการลงทุนแบบอื่น ๆ บางรูปแบบของประกันชีวิตก็เป็นการลงทุนที่ยาวมาก เช่น ประกันชีวิตแบบบำนาญ ก่อนที่เราจะตัดสินเลือกทำประกันชีวิตแบบใดก็ตาม เราต้องถามใจตัวเองถึงวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของการซื้อประกันชีวิตในครั้งนั้นว่าซื้อเพื่ออะไร เมื่อเราตอบคำถามตัวเองได้ เราก็จะเข้าใจและยอมรับและสามารถวางแผนเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายนั้น
เมื่อเรามองประกันชีวิตว่าเป็นรูปแบบของการลงทุนประเภทหนึ่ง เราจึงต้องขวนขวายศึกษาหาความรู้ หากไม่มั่นใจอย่าทำต้องรู้ทุกข้อมูลของประกันชีวิตที่เราจะซื้อ ถามทุกสิ่งที่ต้องการกับตัวแทน หากไม่ได้รับคำตอบที่พอใจก็อย่าซื้อ ตัวแทนมีหน้าที่ต้องตอบคำถามของเรามีหน้าที่ให้ข้อมูลเรา ถ้าถามแล้วอ้ำอึ้งแบบนี้คือไม่ดี ตัวแทนขายประกันที่ดีที่ต้องการอยู่ในอาชีพนี้อย่างยั่งยืน เขาทราบดีว่าเขามีหน้าที่เพียงแค่การนำเสนอประกันที่เหมาะสมกับลูกค้า ให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามของลูกค้าให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ส่วนการตัดสินใจว่าจะซื้อประกันหรือไม่เป็นเรื่องที่ลูกค้าจะต้องตัดสินใจเอง ไม่มีการบังคับหรือเร่งให้ตัดสินใจแต่อย่างใด อย่าไปเกรงใจตัวแทนขายประกัน เพราะเงินที่ต้องจ่ายเป็นเงินของเรา
ลองเปรียบเทียบเมื่อเราจะนำเงินไปฝากธนาคาร เรายังต้องหาข้อมูลเปรียบเทียบแต่ละธนาคารว่าที่ไหนให้ดอกเบี้ยดีที่สุด เราจะถอนมาใช้ก่อนได้หรือไม่หรือต้องรอจนครบกำหนด ระยะเวลานานเท่าไหร่กี่เดือนกี่ปี ดอกเบี้ยต้องเสียภาษีหรือไม่ ฯลฯ หรือการจะลงทุนในหุ้น ก่อนซื้อเราต้องหาข้อมูลทำการบ้านมากมายขนาดไหนกว่าจะตัดสินใจซื้อหุ้นตัวไหนสักตัว การทำประกันชีวิตก็เช่นเดียวกัน เราต้องคิดเหมือนว่าเรานำเงินไปฝากธนาคารหรือซื้อหุ้นและยิ่งต้องคิดให้มากกว่าเพราะเงินเราต้องอยู่นานกว่าเงินฝากธนาคารและหุ้นอีก
การซื้อประกันชีวิตคือรูปแบบการลงทุนที่บังคับให้เราออมเงินหรือลงทุนได้ดีที่สุด อันนี้ขอยืนยัน เพราะเราแทบจะไม่สามารถนำเงินออกมาใช้ก่อนได้เลย หากสัญญายังไม่ถึงกำหนด หากยืนยันจะทำจริง ๆ ก็ต้องยกเลิกกรมธรรม์มูลค่าเงินก็จะเหลือเพียงมูลค่าเงินสดหรือมูลค่าเวนคืนตามกรมธรรม์เท่านั้น ที่จะดูอย่างไรก็ไม่มีทางคุ้มกับค่าเบี้ยประกันที่เสียไปอย่างแน่นอน การทำประกันชีวิตที่จะได้ผลคุ้มค่ามากที่สุดคือต้องรอให้ถึงระยะเวลาสิ้นสุดของกรมธรรม์เท่านั้น นี่คือเรื่องที่ก่อนซื้อประกันชีวิตทุกคนจะต้องจำไว้เลย
ประกันชีวิตอย่างที่ว่าเป็นการลงทุนในระยะยาว เงินที่เก็บออมหรือลงทุนในประกันชีวิตจึงควรเป็นเงินที่เรามั่นใจว่าจะไม่ต้องนำไปใช้อย่างอื่นภายในช่วงระยะเวลาก่อนถึงกำหนดครบตามสัญญากรมธรรม์ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราไม่ควรตัดสินใจทำประกันชีวิตด้วยวงเงินที่สูงเกินไป แม้ในตอนนี้เราอาจจะส่งค่าเบี้ยประกันได้ แต่อนาคตไม่แน่นอน เราต้องคิดเผื่อไว้ด้วยเลือกแผนประกันชีวิตที่เราส่งค่าเบี้ยแบบสบาย ๆ สามารถนำเงินไปกระจายลงทุนในช่องทางอื่น ที่มีผลตอบแทนที่แตกต่างไปและสภาพคล่องก็แตกต่างไปด้วย
มีหลายคนที่ตัดสินใจสมัครเป็นตัวแทนประกันชีวิตเสียเองไปเลย เพราะไหน ๆ ก็ต้องลงทุนในประกันชีวิตอยู่แล้ว ก็ขอมีความรู้เชิงลึกดูแลเรื่องประกันชีวิตของตัวเองและครอบครัว แถมไม่แน่ยังเผื่อแผ่ไปดูแลประกันชีวิตให้กับคนรอบข้างใกล้ ๆ ตัวได้อีกด้วย บางทียังเป็นช่องทางหารายได้เพิ่มได้อีก จึงบอกว่าหากมองประกันชีวิตให้ดี ให้เข้าใจ ประกันชีวิตก็ถือว่ามีประโยชน์มากทีเดียว
อ่านเพิ่มเติม : เป็นตัวแทนขายประกัน ดีไหม ?