ช่วงนี้มีแต่คนบ่นเรื่องเศรษฐกิจฝืดเคืองกันนะคะ ยิ่งคนทำมาค้าขายแล้วเห็นบ่นกันเป็นทิวแถวว่าเงียบอย่างป่าช้าบ้าง นั่งไล่แมลงวันบ้าง ตบยุงบ้าง พ่อค้าแม่ค้านั่งมองหน้ากันเองบ้าง ขนาดในเว็บไซต์พันทิปก็ยังมีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาตั้งกระทู้บ่นกันเรื่องยอดขายตกทั้งขายสินค้าแบบออฟไลน์หรือออนไลน์ ที่เห็นดีหน่อยก็น่าจะเป็นพนักงานประจำหรือมนุษย์เงินเดือนที่ไม่ค่อยมีผลกระทบสักเท่าไหร่
กระทู้นี้ล่ะค่ะ http://pantip.com/topic/35531717 เจ้าของกระทู้ทำธุรกิจขายบรรจุภัณฑ์ไปรษณีย์แบบออนไลน์ที่ยอดขายสินค้าของเขาขึ้นอยู่กับยอดขายสินค้าของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์อีกทีหนึ่ง หากสินค้าออนไลน์ของลูกค้าขายดี ยอดขายของเขาก็ดีไปด้วย ก่อนหน้านี้เจ้าของกระทู้เขาก็เคยขายสินค้าออนไลน์มาก่อนเป็นพวกเสื้อผ้าและของเล่น แต่คู่แข่งเยอะมาก ขายแข่งสู้กับรายอื่นไม่ไหว เลยหันมาจับสินค้าที่เป็นบรรจุภัณฑ์ไปรษณีย์เพื่อขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์อีกทีหนึ่ง ก็ถือว่าเจ้าของกระทู้มีไอเดียดีเหมือนกันว่าไหมคะ
เจ้าของกระทู้ได้เล่าว่าเมื่อเปลี่ยนมาขายสินค้าบรรจุภัณฑ์ก็ถือว่าขายดีมาก พวกซองพลาสติก ซองกันกระแทก ถุงแก้ว เรียกว่าไม่เคยมีการขาดทุน การสต็อกของก็ถือว่าทุนไม่จม เพราะสั่งมาเท่าไหร่ก็ขายได้หมด ไม่เคยเหลือสต็อกไว้นานขายมา 1 ปีเต็ม พอยอดขายดีก็กล้านึกฝันอยากมีบ้านอยากมีรถกับเขาบ้าง จากที่ก่อนหน้านี้ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ไม่เคยคิดอะไรใหญ่แบบนี้มาก่อน อีกทั้งโรงงานที่สั่งสินค้ามาก็เริ่มเปิดเครดิตให้เอาของมาขายก่อนได้ค่อยจ่ายเงินทีหลัง จากที่เคยมีประสบการณ์สินค้าหมดต้องเสียลูกค้าให้คนอื่นไป เลยตัดสินใจออเดอร์สั่งของเข้ามาแบบเต็มพิกัด คิดว่าซองกันน้ำน่าจะต้องขายดีเพราะเข้าช่วงฤดูฝน
แต่ที่เจ้าของกระทู้เข้ามาเปิดประเด็นก็เป็นเรื่องของยอดขายบรรจุภัณฑ์ไปรษณีย์ของเขาที่ยอดตกลงมามากในเดือนสิงหาคม 2559 นี้ จากเดิมที่สั่งของมาไม่เกิน 10 วันก็ขายหมด แต่เดือนนี้ผ่านมา 27 วันเกือบสิ้นเดือนแล้ว ยอดขายตกไปกว่า 90% ขายมาทั้งเดือนเพิ่งมาได้ 2 หมื่นบาทหักค่าใช้จ่ายไม่พอค่าเหนื่อย เรียกว่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่จับธุรกิจสินค้าบรรจุภัณฑ์ไปรษณีย์ที่ต้องเจอกับภาวะแบบนี้ แถมยังเป็นครั้งแรกที่ไปรับเครดิตจากโรงงานมาอีก ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดที่เคยสั่งของจำนวนมาก เดือนนี้ตั้งแต่ต้นเดือนเพิ่งจะสั่งของครั้งแรกจากยอดที่สั่งก็ลดลงไปมากจากที่เคยสั่งซองพลาสติกเป็นหมื่นซองเหลือแค่พันซองเท่านั้น
เมื่อลองโทรเช็คกับลูกค้าก็พบว่าไม่ได้มีการสั่งเจ้าอื่นแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะยอดขายจากลูกค้าลดลงมากเช่นกันและพอโทรเช็คกับเพื่อนหลายคนก็บอกตรงกันว่าค้าขายเงียบมาก เจ้าของกระทู้เข้ามาเปิดกระทู้ก็เพื่อต้องการที่จะเช็คว่าเป็นกันหมดทุกคนหรือไม่ พร้อมกับขอคำแนะนำในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์แบบที่เขากำลังเจออยู่ด้วยว่าควรจะต้องทำอย่างไรดี
อ่านเพิ่มเติม : ลงทุนหรือทำธุรกิจอะไรดีในช่วงนี้ ?
มีคนเข้ามาตอบมากมาย ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่ายอดตกเหมือนกันกับเจ้าของกระทู้ บางคนก็อธิบายเพิ่มเติมว่าเป็นเพราะช่วง 3 เดือนนี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการค้าขายอยู่แล้ว บางคนก็ให้กำลังใจว่าช่วยปลายปีไตรมาส 4 ปกติยอดขายจะกลับมาดีขึ้นบางทีเป็นช่วงพีคเลยด้วยซ้ำ
อย่าให้เสียเครดิตการค้ากับโรงงาน
นอกจากนั้นก็มีคำแนะนำจากหลายความเห็นว่าเครดิตการค้าจากโรงงานต้องอย่าให้เสีย หากเรายังอยากอยู่ในธุรกิจนี้ เพราะถือเป็นเรื่องซีเรียสมาก ทีหลังเขาจะไม่ไว้ใจเราอีก บางคนก็ให้ความเห็นไว้ดีมากว่า การทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ในปัจจุบันถือว่าแข่งขันกันสูงมาก มีแต่คนขายหาคนซื้อยากปัญหาส่วนใหญ่ที่เจอ ก็คือ สินค้าเราของไม่แตกต่างจากคนอื่นทำให้ลูกค้าเลือกซื้อจากเจ้าไหนก็ได้ ยอดขายสินค้าอยู่กับลูกค้าเพียงรายเดียว ทำให้เมื่อลูกค้าคนนั้นเกิดผลกระทบ เราก็โดนกระทบไปด้วยแบบเต็ม ๆ
เงินสำรองในการทำธุรกิจสำคัญ
การทำธุรกิจทุกอย่างแม้แต่การขายของออนไลน์จะต้องมีเงินสำรองไว้ด้วยส่วนหนึ่ง เช่น เราต้องคิดว่าหากเราขายของไม่ได้เลยเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ธุรกิจเรายังต้องอยู่ได้ด้วยเงินสดก้อนนั้น สิ่งสำคัญที่มีคนแนะนำไว้อีกข้อ ก็คือ เรื่องของการต้องหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะธุรกิจขายของออนไลน์ถือว่าเป็นธุรกิจที่มาไวไปไว เป็นธุรกิจที่ต้องตามกระแสให้ทันเพื่อให้ทันกับโอกาสที่เข้ามาด้วย
รู้วงจรของสินค้าที่ขาย
คนที่มีประสบการณ์ในการขายของออนไลน์มานานกว่า 5 ปี ก็บอกว่าช่วง 3 เดือน คือ กรกฎาคม – กันยายน จะเป็นช่วงยอดขายตกอยู่แล้ว และช่วงตั้งแต่ตุลาคมเป็นต้นไปถึงจะเริ่มกลับมาดีและพีค คนทำธุรกิจมานานจะรู้วงจรของสินค้าที่เราขายอยู่ว่ายอดขายจะพีคหรือโลว์ในช่วงใดของปีบ้าง
กระจายความเสี่ยงอย่ายึดติดลูกค้ารายเดียว
บางคนก็แนะนำให้ต้องกระจายความเสี่ยงในอนาคตด้วยการทำให้ลูกค้ารายย่อยรู้จักเรา อาจต้องเลือกโฆษณาในเฟซบุ้ค หรือในกูเกิลแอด ทำ SEO เพื่อโปรโมทธุรกิจให้ลูกค้าค้นหาเจอ เพราะธุรกิจออนไลน์เขาแข่งขันกันแบบนี้จริง ๆ เราจะหวังยึดอยู่กับลูกค้าคนเดิมกลุ่มเดิมตลอดคงเป็นไปไม่ได้ เพราะถึงเวลาเมื่อลูกค้ามีทางเลือกที่ดีกว่าก็ต้องไปแน่นอน
บางความเห็นก็แนะนำให้พยายามแก้ไขปัญหาที่ตัวธุรกิจเองก่อนที่จะไปโทษเศรษฐกิจโดยรวม แม้ว่าจะมีส่วนก็ตามดูเรื่องการบริหารการดูแลลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าต้องยึดไว้ให้มั่นที่สุดจะสั่งมากสั่งน้อยก็ขอให้สั่งกับเรา และต้องพยายามหาลูกค้าอันดับ 2 อันดับ 3 ขึ้นมาให้ได้ด้วย อย่ายึดติดอยู่กับลูกค้าเพียงคนเดียว