เมื่อเราไปขอสินเชื่อส่วนบุคคลจากธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ นั้นสิ่งที่ผู้กู้ทั้งหลายต้องตรวจสอบให้ดีก่อนทำสัญญาการกู้นอกจากอัตราดอกเบี้ยแล้ว นั่นคือค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ทางธนาคารหรือสถาบันการเงินเรียกเก็บจากเรา ซึ่งบางแห่งนั้นมีการเรียกเก็บแบบยิบย่อย ซึ่งเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคที่ไม่มีทางเลือก ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจใช่บริการสินเชื่อบุคคลจากสถาบันการเงินใดนั้นต้องศึกษารายละเอียดให้ดีก่อน ซึ่งวันนี้มีข้อมูลมูลเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมหลักที่เราต้องจ่ายให้กับสถาบันการเงินเวลาเราไปกู้สินเชื่อส่วนบุคคล ได้แก่
อ่านเพิ่มเติม : อัพเดทโปรโมชั่นสินเชื่อส่วนบุคคล
ค่าธรรมเนียมการดำเนินการ
โดยค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ทางสถาบันการเงินจะเรียกเก็บ เป็นค่าธรรมเนียมที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการขอสินเชื่อส่วนบุคคล โดยในแต่ละสถาบันการเงินจะการเรียกเก็บในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน อีกทั้งขึ้นอยู่กับวงเงินที่ได้รับอนุมัติอีกด้วย ซึ่งหากวงเงินในการอนุมัติสูงค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็จะสูงตามไปด้วย แต่ใครจะคิดว่า ในการยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน เตรียมเอกสาร หรือการทำหนังสือ ที่ทุกอย่างแต่ละขั้นตอนนั้นจะกลายมาเป็นรายจ่ายเราคิดไม่ถึง เพราะการดำเนินการเพื่อขอสินเชื่อนั้น ไม่ว่าจะได้รับอนุมัติหรือไม่ ส่วนใหญ่มักมีค่าธรรมเนียมการดำเนินการรวมอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งทางสถาบันการเงินแต่ละแห่งนั้นจะคิดค่าใช้จ่ายส่วนการดำเนินงานนี้ ในการยื่นเรื่องขอสินเชื่อให้ผู้ขอกู้โดยเรียกค่าดำเนินการในส่วนนี้ว่าค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ ซึ่งทางสถาบันการเงินจะเรียกเก็บ
ค่าอากรแสตมป์
อากรแสตมป์นั้นเป็นภาษีที่กำหนดขึ้นตามประมวลรัษฎากร ซึ่งจำจัดเก็บจากการกระทำ ตามตราสาร 28 ลักษณะ ที่มีการกำหนดไว้ในบัญชีอัตราอากรแสตมป์ของกรมสรรพกร เอกสารที่ต้องมีการเสียอากรแสตมป์ ตามที่มีการกำหนดใน บัญชีอัตราอากรแสตมป์นั้นปัจจุบันได้กำหนดไว้ทั้งหมด 28 ลักษณะตราสาร อาทิ เช่าซื้อ ทรัพย์สิน จ้างทำของ กู้ยืมเงิน ตราสารเช่าที่กับโรงเรือน ฯลฯ โดยอากรแสตมป์จะเป็นภาษีอากรที่มีจัดเก็บจากการทำตราสาร ซึ่งในที่นี้หมายถึง การกระทำที่มีการลงลายมือชื่อ โดยเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ค่าธรรมเนียมในการชำระคืนเร็วกว่ากำหนด
โดยหลายคนอาจที่จะยังไม่รู้ว่า หากมีการจ่ายชำระสินเชื่อก่อนเวลาที่กำหนด เช่น เมื่อเงินก้อนก็อยากจะใช้หนี้ให้หมดๆ ไป โดยคิดว่าต้องมีดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมอะไรมากมาย แต่ผดคาด เพราะเมื่อมีการจ่ายเงินคืนที่เร็วกว่ากำหนดของธนาคาร ซึ่งทำให้รายได้จากดอกเบี้ยรายเดือนที่ธนาคารควรได้ กลับหายไปนั้น ธนาคารจึงต้องคิดค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น โดยจะทำการคิดก็ต่อเมื่อคุณได้มีการตัดสินใจที่จะชำระเงินกู้ทั้งหมด ก่อนที่สินเชื่อครบกำหนดผ่อนหมด บางธนาคารจะคิดค่าธรรมเนียมอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 ของจำนวนเงินต้นที่เหลือนั่นเอง แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารด้วยนะว่าจะมีการเก็บอย่างไร ซึ่งบางธนาคารก็อาจจะไม่เก็บเลยก็ได้
ค่าประเมินราคาและค่าสำรวจของหลักทรัพย์ค้ำประกัน
หากคุณต้องใช้หลักทรัพย์เพื่อที่จะมาเป็นหลักประกันสำหรับการขอกู้เงิน โดยทางธนาคารจะมีการคิดค่าสำรวจและค่าการประเมินราคาหลักทรัพย์ของคุณพร้อมการพิจารณาเพื่ออนุมัติสินเชื่อในการนี้คุณเองอาจต้องเสียค่าใช้จ่าย ที่เป็นค่าธรรมเนียมแอบแฝง ซึ่งจะมาในรูปแบบของการตรวจสอบ ทั้งหมดนี้ต้องขึ้นอยู่ที่ประเภทและขนาดพื้นที่ของหลักทรัพย์ที่นำมาใช้ค้ำประกัน ทั้งหมดนี้ยังไม่ได้รวมค่าพาหนะของทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากหลักประกันอยู่นอกเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ต้องมีค่าเสียเวลาเดินทางไปประเมินอีกด้วย
ค่าติดตามทวงถาม
โดยเมื่อผู้กู้ไม่มีเงินชำระหนี้ก็มักจะหลบหนี้ ไม่ยอมติดต่อหรือพูดคุยกับทางธนาคาร ปล่อยให้ผ่านไปเนิ่นนาน ซึ่งเมื่อเกินกำหนดจ่ายที่มากเกินไป เจ้าหน้าที่จากธนาคารอาจจะเดินทางมาที่บ้านของผู้กู้ ซึ่งในกรณีที่ผิดนัดชำระหนี้ ทำให้ธนาคารบางแห่งอาจคิดค่าติดตามทวงหนี้ ซึ่งจะบวกเข้าไปในดอกเบี้ยด้วย เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้มีค่าติดตามทวงถามเพิ่มขึ้นมาโดยไม่จำเป็น ก็ควรจ่ายซะตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยให้พ้นกำหนดจนกลายเป็นดอกเบี้ยบานปลายนะจ๊ะ เพราะแน่นอนว่าค่าติดตามทวงถามน่ะ ไม่ใช่ถูกๆ แน่ๆ ไม่แน่อาจจะคิดตามเวลาที่พ้นกำหนดมาเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นอย่าชะล่าใจจนปล่อยให้พ้นกำหนดเวลาเป็นอันขาดเชียวนะ
ทั้งหมดที่นำมาฝากในวันนี้ก็เพื่อเป็นข้อมูลดีๆ สำหรับผู้ที่ต้องการกู้สินเชื่อส่วนบุคคลกับธนาคารหรือสถาบันการเงิน ซึ่งต้องมีความรู้ในเรื่องนี้เพื่อเวลาไปยื่นเรื่องขอกู้จะได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อได้ การกู้ยืมเงินทุกอย่างต้องทำด้วยความรอบคอบ เพราะหนี้จำนวนนี้จะติดตามเราไปอีกหลายไป หรือบางรายอาจเป็นหลายสิบปี นั่นหมายถึงการนำเงินอนาคตออกมาใช้ ซึ่งอนาคตข้างหน้าเราไม่รู้ว่าเราจะเป็นอย่างไร
ดังนั้นควรมีการวางแผนเรื่องรายได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีในวันข้างหน้า หากเรามั่นใจว่าเราจะมีเงินจ่ายคืนให้กับทางธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เรากู้มา และเงินก้อนนี้จำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตก็ตัดสินใจทำสินเชื่อกันเลย ค่าพึงระลึกอยู่เสมอว่า เมื่อได้สินเชื่อมาแล้วก็เท่ากับว่าเราได้สร้างหนี้ก้อนโตให้กับตัวเอง เพราะฉะนั้นจึงควรมีวินัยในการชำระค่าใช้จ่ายเพื่อจะได้ไม่มีปัญหาตามมานั่นเอง ทีนี้ก็พอจะเข้าใจบ้างแล้วใช่ไหมเอ่ย