หมู่บ้าน 74,655 แห่ง เตรียมเฮ! เมื่อรัฐบาลเดินหน้าโรดแมปเตรียมทุ่มงบประมาณปี 2560 เพื่อพัฒนาความเจริญให้กับประชาชนถึงหมู่บ้านละ 250,000 บาท
เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 59 ที่ผ่านมา พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เผยการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ 2560 ตามที่กระทรวงการคลังได้นำเสนอ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการเดียวกันในงบประมาณประจำปี 2559 ที่ได้สร้างสาธารณประโยชน์ให้แก่หมู่บ้านระดับท้องถิ่นถึง 74,964 แห่ง ซึ่งในปี 59 ที่ผ่านมา แต่ละหมู่บ้านได้งบประมาณไปหมู่บ้านละ 200,000 บาท
เพื่อเป็นการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านให้สามารถพัฒนาอย่างเท่าเทียม และเป็นพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชาติ ครม. จึงไฟเขียวงบประมาณประจำปี 2560 (ต.ค. 59-ก.ย. 60) และอนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมวงเงิน 18,760 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
- งบประมาณในลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไปแก่หมู่บ้าน เพื่อกิจการอันเป็นสาธารณประโยชน์ 18,663.75 ล้านบาท
- ค่าดำเนินโครงการตามที่ได้รับการประสานงานกระทรวงมหาดไทย 96.25 ล้านบาท
และในปี 60 นี้ ครม. ได้เพิ่มงบประมาณให้เป็นหมู่บ้านละ 250,000 บาท โดยตั้งเป้าหมายที่ 74,655 หมู่บ้าน และมุ่งหวังให้แต่ละหมู่บ้านนำงบที่ได้ไปพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ภูมิภาคผ่านโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของหมู่บ้าน หรือการดำเนินกิจการสาธารณประโยชน์ของหมู่บ้าน พร้อมขยายระยะเวลาจัดทำแผนงานจาก 2 เดือน เป็น 3 เดือน คือ ตั้งแต่เดือน พ.ย. 59-ม.ค. 60
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับว่า ไม่ให้นำงบประมาณในส่วนนี้ไปใช้จ่ายเพื่อการซื้อครุภัณฑ์ เช่น การซ่อมโรงเรียน อย่างเด็ดขาด เพราะจะซ้ำซ้อนกับงบประมาณเดิมที่มีอยู่แล้ว และเม็ดเงินจะไม่กระจายไปสู่การจ้างงานในระดับท้องถิ่น แต่ให้นำไปใช้ประโยชน์ในการต่อยอดอาชีพ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เช่น โครงการสร้างลานตากมันให้เกษตรกร ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่มีงบประมาณรองรับ เป็นต้น
ครม. จึงมอบหมายให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินโครงการและจัดตั้งคณะกรรมการระดับพื้นที่ในแต่ละอำเภอ เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการและกรอบวงเงินที่ผ่านการพิจารณา พร้อมกับให้มีการจัดทำคู่มือการดำเนินโครงการด้วย รวมถึงให้ผู้ปกครองระดับท้องถิ่น ทั้งนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่สนับสนุนกรรมการหมู่บ้านในด้านต่างๆ ช่วยกำกับดูแล ติดตามความก้าวหน้าของโครงการ สภาพปัญหาที่เกิดขึ้น และรายงานข้อมูล ความคืบหน้าโครงการ และปัญหาให้คณะรัฐมนตรีทราบผลทุกเดือน ในส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณ ครม. ได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลางเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินให้มีความสะดวก รวดเร็ว และถูกต้องแล้ว
ส่วนขั้นตอนการดำเนินโครงการนั้น ครม. ได้มอบให้กรมการปกครองเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์แต่ละขั้นตอน พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการระดับอำเภอในแต่ละพื้นที่เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการ โดยจะเริ่มประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ และให้คณะกรรมการหมู่บ้านเป็นกลไกหลักในการคัดเลือกโครงการ รวมถึงให้ทุกคนได้ร่วมกันตรวจสอบ ร้องเรียนได้ในกรณีที่โครงการมีการทุจริต ไม่โปร่งใส
งบประมาณนี้จะก่อเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด หากทุกภาคส่วนให้การสนับสนุน และร่วมมืออย่างจริงจัง มีการดำเนินกิจกรรมอย่างเต็มที่ และโปร่งใส แน่นอนว่า งบประมาณจากภาษีของประชาชนจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ชุมชนระดับท้องถิ่นมีความเติบโตและเข้มแข็งได้ตามวัตถุประสงค์อย่างแน่นอน
ที่มา