“รู้มั้ย! เรากำลังก้าวเข้าสู่โลกของคน Gen-Y กันแล้วนะ”
เพราะทุกวันนี้ประชากรโลกเต็มไปด้วยกลุ่มคน Gen-Y ถึง 2,000 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 30% ของประชากรโลกทั้งหมด ที่สำคัญคน Gen นี้ กำลังเติบโตเข้าสู่วัยทำงาน ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจองค์กร เศรษฐกิจชาติ รวมถึงเศรษฐกิจโลกอีกด้วย
Gen-Y คือใคร
Generation Y หรือ ‘คน Gen-Y’ คือ กลุ่มคนที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2523-2540 (ค.ศ. 1980-1997) ซึ่งปัจจุบันจะมีอายุระหว่าง 19-36 ปี ถือเป็นช่วงวัยรุ่นตอนปลายและวัยทำงาน คนกลุ่มนี้เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง และค่านิยมที่แตกต่างระหว่างรุ่นปู่ย่าตายายกับรุ่นพ่อแม่ เป็นช่วงที่โลกกำลังเข้าสู่ยุคสารสนเทศที่มีข่าวสารข้อมูลเต็มรูปแบบ มีการปฏิวัติทางเทคโนโลยีการสื่อสารด้วยคอมพิวเตอร์ มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอินเตอร์เน็ตใช้ ทั้งยังผ่านความผันผวนด้านเศรษฐกิจและการเมืองมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด (ช่วงปี 2530 – ก่อนปี 2540) วิกฤตเศรษฐกิจครั้งสำคัญในปี 2540 และ 2550 ตลอดจนการรัฐประหารเมื่อปี 2534, 2549 และ 2557
อุปนิสัยของคน Gen-Y
เนื่องจากคนกลุ่มนี้เกิดมาท่ามกลางความเจริญของเทคโนโลยีที่เพียบพร้อม และเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน จึงทำให้มีวิถีชีวิตและอุปนิสัยที่ต่างจากคนรุ่นปู่ย่า หรือพ่อแม่อยู่พอสมควร ที่เห็นได้ชัดเจน คือ
- มีความคล่องตัวในการใช้เทคโนโลยี
- รักอิสระ ชอบเข้าสังคม
- กล้าใช้เงิน
- ชอบความสะดวกสบาย
- กล้าเปลี่ยนแปลง ชอบความท้าทาย
- มีความมุ่งมั่นในตำแหน่งหน้าที่การงาน
- เป็นผู้บริโภคที่ชาญฉลาด
- มีความคิดสร้างสรรค์
- ไม่ค่อยมีความอดทน
ค่านิยม “งาน” และ “การแต่งงาน” ที่เปลี่ยนไป
จากการสำรวจโดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ พบว่า คน Gen-Y จะเลือกงานมาก เปลี่ยนงานบ่อย ชอบเรียกร้องค่าตอบแทนที่เป็นธรรมตามปริมาณงานที่ทำจริง และชอบงานที่มีค่าคอมมิชชั่น โดยกว่า 50% ของ Gen-Y กลุ่มบน ที่มีอายุระหว่าง 30-34 ปี เคยเปลี่ยนงานมาแล้ว 2-3 แห่ง ส่วน Gen-Y กลุ่มล่าง คือ คนที่มีอายุระหว่าง 25-29 ปี ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนที่ทำงานเป็นแห่งที่ 2 แล้ว ขณะที่คนกลุ่ม Baby Boomers ราว 35% ยังคงทำงานแห่งแรกอยู่ และครึ่งหนึ่งของ Gen-X ยังทำงานแห่งแรกหรือไม่ก็แห่งที่สอง จึงเห็นได้ชัดเจนว่า ถึงแม้ Gen-Y จะเป็นกลุ่มที่มีอายุน้อย แต่กลับเปลี่ยนงานบ่อยกว่าเจเนอเรชั่นก่อนหน้าเสียอีก นอกจากนี้ส่วนหนึ่งของคน Gen-Y ยังนิยมที่จะเป็น “ผู้ประกอบการ” เพราะรู้สึกว่าได้รับอิสระมากกว่า และมีรายได้เป็นกอบเป็นกำกว่า
ด้านการใช้ชีวิตคู่ จากข้อมูลในรายงานสุขภาพคนไทย 2559 ซึ่งจัดทำโดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยเมื่อช่วงเดือน ก.ย. 59 ที่ผ่านมาว่า นอกจากคนกลุ่ม Gen-X ที่นิยมการครองชีวิตโสดมากขึ้นแล้ว กลุ่มคน Gen-Y ก็มีความต้องการแต่งงาน และการมีลูกลดลงเช่นเดียวกัน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากคนสองกลุ่มนี้ชอบใช้ชีวิตอิสระ ไม่ชอบการผูกมัด นิยมการอยู่ร่วมกันก่อนแต่งงานเพื่อศึกษาไลฟ์สไตล์ของคนที่จะใช้ชีวิตด้วย รวมถึงผู้หญิงใน Gen ดังกล่าวมีความมั่นใจสูง และนิยมพึ่งพาตนเองมากขึ้น โดยมากกว่า 1 ใน 3 จะใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดมิเนียม หรือหอพัก มีมุมมองเรื่องเพศสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป จากการสำรวจพบว่า กลุ่มคน Gen-Y ในเขตเมืองจะมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกตอนอายุเฉลี่ย 15 ปี นอกจากนี้ จำนวนคู่นอนเฉลี่ยในผู้หญิงก็สูงขึ้น โดยวัยรุ่นหญิงที่มีอายุระหว่าง 15-19 ปี จะมีจำนวนคู่นอนเฉลี่ยอยู่ที่ 5 คน เท่ากับวัยรุ่นชาย
Gen-Y กลุ่มผู้บริโภคที่น่าจับตา
ในรายงานของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ยังระบุว่า กลุ่ม Gen-Y ในประเทศไทยที่มีอยู่ถึง 22 ล้านคน ถือเป็นกลุ่มคนขนาดใหญ่ที่น่าจับตาเรื่องการใช้จ่าย เพราะด้วยอุปนิสัย ค่านิยม และรายได้เฉลี่ยสูงถึง 30,000 บาทต่อเดือน จึงทำให้มีอัตราการใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงตามไปด้วยเช่นกัน ซึ่งจากรายงานพบว่า กลุ่มคน Gen-Y มีรายจ่ายประมาณ 80% ของรายได้ ในขณะที่กลุ่มคน Baby Boomers และ Gen-X ใช้จ่ายเพียง 65-70% ของรายได้
ประเทศไทยมีส่วนแบ่งรายได้จากคน Gen-Y สูงถึง 5 ล้านล้านบาทต่อปี โดยคนกลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับของใช้ที่อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน และแสดงฐานะทางสังคม เช่น สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ของแบรนด์เนม รถยนต์ คอนโดมิเนียม เป็นต้น จึงทำให้ธุรกิจต่างๆ มุ่งเป้าไปที่ผู้บริโภค Gen-Y มากเป็นพิเศษ เพราะเป็นกลุ่มที่นอกจากมีจำนวนมากแล้ว ยังมีศักยภาพในการจับจ่ายค่อนข้างสูงอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทบัตรเครดิตต่างๆ ก็มีเป้าหมายหลักในการจัดโปรโมชั่น หรือแคมเปญเพื่อตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้เช่นกัน เช่น แคมเปญส่วนลดในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่ตรงกับไลฟ์สไตล์คน Gen-Y
Gen-Y หนี้ล้น แม้อายุยังน้อย
จากฐานข้อมูลบัญชีสินเชื่อในระบบของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร ที่มีสมาชิกทั้งสถาบันการเงินที่รับฝากเงิน (Bank) และสถาบันการเงินไม่รับฝากเงิน (Non-bank) จำนวน 93 แห่ง เมื่อเดือน ส.ค. 59 พบว่า มีสินเชื่อทั้งสิ้น 92.50 ล้านบัญชี ซึ่งคน Gen-Y จะเป็นกลุ่มที่มีการขอสินเชื่อรายใหม่เพิ่มขึ้นในทุกประเภท ไม่ว่าสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล โดยในสินเชื่อบ้านทั้งหมด จะมีลูกค้า Gen-Y มากถึง 50% ซึ่งเป็นการกู้ซื้อบ้านในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พบว่า มีหนี้เสียในสินเชื่อบ้านจากการกู้ของลูกค้า Gen-Y เพิ่มขึ้นทุกไตรมาส รวมถึงหนี้เสียในบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีกด้วย
ด้วยอุปนิสัยกล้าเสี่ยง ค่านิยมรักความสะดวกสบาย และเกิดมาท่ามกลางเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงทำให้กลุ่มคน Gen-Y กล้าใช้เงินในการลงทุนเพื่อประกอบธุรกิจ จากการสำรวจของสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ หรือ OKMD ในปี 2558 พบว่า คน Gen-Y อายุระหว่าง 20-35 ปี จำนวน 38% มีความต้องการทำธุรกิจของตัวเองเมื่อเรียนจบ ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่มีสัดส่วนไม่ถึง 20% สำหรับธุรกิจที่ต้องการทำมากที่สุด ได้แก่ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านค้าออนไลน์ และการขายสินค้าต่างๆ แต่ด้วยความที่คนกลุ่มนี้ตัดสินใจเร็ว ไม่มีการศึกษาข้อมูลทั้งแนวโน้ม โอกาสของตลาด และเทรนด์ของลูกค้าอย่างเพียงพอ รวมถึงขาดประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาก่อน จึงทำให้ธุรกิจที่เกิดจากคนกลุ่มนี้ล้มเหลวมากถึง 50% จึงเป็นบทเรียนสำคัญที่คน Gen-Y ต้องคำนึงถึง แม้อยากจะสร้างความฝันให้เป็นรูปธรรมก็ตาม
โลกย่อมหมุนเวียนไปทุกวัน แน่นอนว่า คนในแต่ละยุค แต่ละ Gen ก็ย่อมมีการผลัดเปลี่ยนไปตามกาลเวลา หากแต่เราเข้าใจ ยอมรับความเปลี่ยนแปลง ใช้ชีวิตอย่างมี “สติ” และไม่ประมาท ไม่ว่าโลกจะหมุนเปลี่ยนคนไปกี่ยุคสมัย ก็จะทำให้เราอยู่อย่างมีความสุขบนความฝัน บนความกล้า อย่างไม่มีหนี้ ได้อย่างแน่นอน
ที่มา http://www.tcijthai.com/tcijthainews/view.php?ids=6527.php