ปัญหาหนี้สินเป็นปัญหาหนึ่งที่หลายคนยอมรับว่ามีความเครียดเอามาก ๆ เครียดเพราะบริษัทบัตรเครดิตตามทวงถามบ่อย ๆ เครียดเพราะหมุนเงินไปจ่ายเจ้าหนี้อีกรายไม่ทัน เครียดเพราะหนี้สินใช้เท่าไรไม่ยอมยุบลงสักที หลายคนแก้ปัญหาโดยการเชิดใส่เจ้าหนี้เสียเลย โดยทำนิ่งเฉยบ้าง โดยหนีหนี้บ้าง แต่การทำอย่างนั้นไม่ได้ทำให้ความเครียดของคุณลดลงแม้แต่น้อย กลับเพิ่มมากขึ้นว่าวันไหนเขาจะตามมาเจอ ทางออกสำหรับคนเป็นหนี้มีมากมายที่ใช้ได้ผลทำให้หนี้เบาบางลงความสุขเพิ่มขึ้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลยค่ะ
อ่านเพิ่มเติม : แชร์วิธีเก็บเงินเตรียมจ่ายบัตรเครดิตแต่ละเดือนเพื่อไม่ให้เป็นหนี้
1.อย่าเป็นหนี้เพิ่ม
การหยุดสร้างหนี้ใหม่โดยสิ้นเชิง ย่อมเป็นอีกหนทางหนึ่งที่คุณจะสามารถบริหารจัดการหนี้ก้อนเดิมได้ บางคนปล่อยฟรีสไตล์ให้หนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่รีบหยุดมัน การหยุดเป็นหนี้ให้หยุดที่ใจของตนเองก่อนแล้วหนี้จะหยุดได้ ห้ามใจที่จะไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย เน้นใช้ของที่มีอยู่แล้วอย่างคุ้มค่า ห้ามใจที่จะงดกินอาหารราคาแพง เน้นทำอาหารด้วยฝีมือตนเอง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่คุณจะสามารถหยุดการสร้างหนี้ได้อย่างชะงัด เมื่อคุณหยุดสร้างหนี้คุณก็จะเห็นยอดหนี้ก็หยุดเพิ่มด้วยเช่นกัน
2.ผ่อนชำระอย่างมีวินัย
เป็นหนี้ต้องใช้นะ ไม่ใช่เป็นหนี้ให้หนี วันที่คุณตกลงแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการโดยไม่ใช้เงินสด นั่นคุณเป็นหนี้แล้วเพราะคุณตัดสินใจที่จะใช้บริการแบบเงินผ่อน ความรับผิดชอบย่อมเกิดขึ้นแล้ว คุณนำสินค้าของเขามาใช้ก่อนโดยไม่ต้องจ่ายเงินก้อน คุณได้ประโยชน์จากสินค้าและบริการนั้น สิ่งเดียวที่ผู้ค้าหรือเจ้าหนี้ต้องการคือการได้เห็นลูกหนี้ของตนผ่อนชำระอย่างตรงไปตรงมาตามที่ตกลงไว้ เมื่อคุณทำหน้าที่ลูกหนี้ที่ดีผ่อนชำระตรงเวลา คุณก็มีความสุขเจ้าหนี้ก็มีความสุขไม่ต้องมาใช้กฎหมายบังคับคุณ ดังนั้น ก่อนจะซื้อสินค้าหรือบริการใด ๆ ควรประมาณกำลังของตนก่อนว่าจะสามารถผ่อนไหวและผ่อนตรง ๆ วันได้อย่างแน่นอน จนกระทั่งหมดหนี้ การทำเช่นนี้ผลที่ได้รับคือคุณเห็นหนี้ค่อย ๆ ลดลงจนหมดไปทีละรายการ
3.อย่าใช้บริการเงินกู้นอกระบบ
หลายคนใช้วิธีแก้ปัญหากับเจ้าหนี้ที่ตนมีอยู่ด้วยการหมุนเงินชำระหนี้ โดยการยืมจากคนนี้ไปโปะคนนั้น เรียกว่าหมุนเงินกันตัวเป็นเกลียว หลายคนมองเห็นบังเดินมาก็คิดว่าได้เจอตู้เอทีเอ็มเสียแล้ว ก็ไปใช้บริการบังที่ขยันมาเก็บดอกทุกวันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย คุณก็รู้ดีว่านี่คือเงินกู้นอกระบบที่ดอกเบี้ยค่อนข้างมหาโหด เช่น กู้เงินมา 5,000 บาท ต้องส่งดอกวันละ 200 บาท แล้วอย่างนี้เมื่อไรต้นจะหมด คุณควรมองเห็นบังไม่มีตัวตนและอย่าไปใช้บริการแต่ให้มองหาวิธีอื่น เช่น มองหาเงินกู้ในระบบตามสถาบันการเงินที่เชื่อถือได้ ซึ่งปัจจุบันมีธนาคารหลายแห่งที่ให้บริการเรียกว่าทุกกลุ่มของลูกค้า คุณก็สามารถดูรายละเอียดและเช็คคุณสมบัติของตนเองแล้วยื่นเรื่องจากนั้นก็บริหารเงินที่ได้มาดี ๆ เหมือนเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่นานหนี้สินของคุณก็จะค่อย ๆ แยกย้ายกันกลับบ้านอย่างแน่นอน
4.นัดพบและเจรจากับเจ้าหนี้
เวลาเจอเจ้าหนี้เดินมาพยายามทักทายพูดคุยกับเจ้าหนี้ ให้เจ้าหนี้เบาใจว่าเราไม่ได้เพิกเฉย จะจ่ายวันไหนก็ว่าไป สิ่งที่เจ้าหนี้ไม่ชอบเอามาก ๆ เลยก็คือความหมางเมินเหมือนคนไม่รู้จักจากลูกหนี้ ดังนั้น เมื่อสวนทางกันก็คุยกันสักหน่อยว่ามีปัญหาอะไรในช่วงนี้ แล้วช่วงไหนที่คุณโอเค ก็บอกเจ้าหนี้ไป อย่างน้อยเจ้าหนี้ก็อุ่นใจว่าหนี้ของเขาไม่สูญแต่ช้าหน่อยก็ยังดีกว่าไม่ได้ ส่วนมากเจ้าหนี้ก็คำนวณความคุ้มค่าแล้วส่วนใหญ่ก็จะยอมผ่อนปรนให้กับลูกหนี้ที่ขยันพูดนั่นเอง หากเจ้าหนี้ของคุณเป็นสถาบันการเงินก็เข้าไปเจรจาบอกเล่าเหตุผลกับเจ้าหน้าที่เพื่อหาทางออกร่วมกันดีกว่าคุณหายไปเฉย ๆ การทำเช่นนี้ทั้งคุณและเจ้าหนี้แฮปปี้อย่างแน่นอน
5.หารายได้เพิ่มโดยเร็ว
เมื่อรายได้ที่มีอยู่ไม่พอกินพอใช้พอชำระหนี้แล้ว การอยู่นิ่งเฉยเงินทองย่อมติดลบหนักเข้าไปอีก ให้คุณลองเดินหาไอเดียที่มีอยู่ทั่วไปใกล้คุณ เพื่อจะหาอะไรที่ตนถนัดและมีความสามารถทำอาชีพเสริม เพราะเป็นหนทางที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ในการสร้างเม็ดเงินเพิ่มขึ้น เมื่อเงินมาปัญหาก็หมดไปจะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับคุณก่อร่างสร้างหนี้ก้อนเล็กหรือใหญ่ หลายคนเลือกขายของตามตลาดนัดในช่วงเย็นหลังเลิกงาน บางคนก็รับงานมาทำที่บ้าน บางคนผันตัวเองไปเป็นวิทยากร โค้ช นักเขียน ซึ่งมีหลายอาชีพที่ไม่กระทบกับงานประจำ คุณควรตั้งใจมองหาก็จะค้นพบ แล้วลงมือทำเน้นให้บริการที่ดีมีคุณภาพแก่ลูกค้า และตั้งใจทำไปสักระยะหนึ่งคุณจะพบตัวเองและมีรายได้เพิ่มขึ้นที่จะนำไปจัดการกับหนี้ได้ต่อไป
หนี้สินไม่ได้งอกขึ้นมาได้เอง ทุกสิ่งล้วนมีที่มาทั้งสิ้น แต่เมื่อปัญหามันเกิดขึ้นแล้วการบริหารจัดการหนี้สินที่ตามมาด้วยวิธีการต่าง ๆ จะช่วยให้คุณพ้นจากความเครียด และใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลมีความสุข ไม่เป็นหนี้ มีกินมีใช้ในครอบครัวไม่เดือดร้อน อย่างนี้สิเรียกว่าการมีไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง