ขึ้นชื่อว่าเกิดเป็นมนุษย์แล้วคงไม่ใช่เพียงเกิดมาเพื่อแค่หาอาหารกิน สืบพันธุ์และดับสูญไปอย่างแน่นอน มนุษย์ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นสัตว์ประเสริฐสิ่งที่ทำให้มนุษย์อย่างเรา ๆ นั้น เหนือกว่าสัตว์ธรรมดาทั่วไปนั่น ก็คือ การที่เรามีความคิด มีการเรียงลำดับการจัดการในชีวิตว่าเราควรจะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อให้ชีวิตดำรงต่อไป การพยายามสร้างให้ตัวเองสามารถดำรงอยู่ได้ในสังคมอย่างไม่แปลกแยกหรือแตกต่าง การพัฒนาสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองนั้นมีความสุข มีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้ม แม้ว่าบางครั้งอาจจะต้องมีเรื่องให้เครียดหรือทุกข์ใจบ้างก็ตาม แต่นั่นก็นับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เราเองยังคงดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ต่อไป
เมื่อมนุษย์ทุกคนมีความคิดที่เป็นของตัวเองคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะบอกว่าทุก ๆ คนย่อมมีความชื่นชอบในด้านต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไป บางคนชอบกีฬา, บางคนชอบดนตรี, บางคนชอบศิลปะ, บางคนชอบเรื่องวิชาการ, บางคนชอบเรื่องธุรกิจและอื่น ๆ อีกมากมาย แม้คนเรามีความชอบในเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่หนึ่งที่มักจะคิดเหมือนกันก็คือจะทำอย่างไรเพื่อให้เราสามารถทำในสิ่งที่เราชอบได้ดีที่สุด แม้บางครั้งอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราชอบก็ตามแต่เราจำเป็นต้องทำเพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเอง คำถามนี้ก็จะถูกถามอยู่ในความคิดเสมอว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้สิ่งที่เราทำอยู่นี้ถูกพัฒนามากขึ้นยิ่งกว่าเดิม เมื่อมีความคิดเหล่านี้เกิดขึ้นปัจจัยแรกและน่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของเงิน
เพราะเมื่อเรามีเงินการคิดที่จะทำอะไรก็ง่ายขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว หากเราพอจะหาแหล่งที่มาของเงินได้อย่างไม่ขัดสนก็พอจะทำให้เราสามารถเริ่มต้นที่จะพัฒนาศักยภาพของตัวเราเองได้แล้ว ลองมาดูกันว่าหากต้องการที่จะพัฒนาศักยภาพของตัวเองควรจะต้องมีการวางงบประมาณทางการเงินอย่างไรเพื่อให้สิ่งที่เราต้องการกลายเป็นจริงขึ้นมาได้ โดยจะขอแบ่งแยกออกเป็นเปอร์เซ็นต์เพื่อให้มององค์รวมและเห็นภาพได้ชัดเจนเนื่องจากงบประมาณของแต่ละคนย่อมมีไม่เหมือนกัน แต่การแบ่งงบประมาณส่วนหนึ่งโดยตีมูลค่าเป็น 100% สำหรับการพัฒนาศักยภาพของตัวเอง สามารถนำงบประมาณไปพัฒนาได้ในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
-
30% สำหรับการศึกษาหาความรู้อย่างผู้เชี่ยวชาญ
– การศึกษาหาความรู้ในด้านใดด้านหนึ่งเพื่อที่ต้องการจะพัฒนาตัวเองไปให้สุดแห่งความสามารถนั้น สิ่งที่จะขาดไม่ได้ คือ เงินสำหรับการค้นคว้าหาความรู้ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหนังสือมาทำความเข้าใจ, การพยายามเดินทางไปเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญหรือการฝึกอบรม การลงทุนซื้อตัวอย่างเพื่อมาทำการวิเคราะห์และเจาะลึกถึงความเป็นไปได้ที่เราต้องการจะก้าวไปให้ถึงจุดที่เหนือกว่า
-
30% สำหรับการลงทุนในด้านวัตถุ
– การที่จะพัฒนาศักยภาพตัวเองให้ดีได้นั้นการลงทุนในด้านวัตถุก็มีความสำคัญไม่ต้องไปกว่าการศึกษาหาความรู้เลย เรียกว่าหากความรู้คือภาคทฤษฎี การซื้อสิ่งของต่าง ๆ เพื่อให้ได้เป็นภาพแห่งความเป็นจริงก็นับเป็นเรื่องของภาคปฏิบัติอย่างสมบูรณ์แบบ ตัวอย่างเช่น หากต้องการเล่นกีตาร์ให้เก่งแต่ไม่เคยมีกีตาร์เป็นของตัวเองเลยมันคงเป็นไปได้ยากที่จะพัฒนาศักยภาพในด้านนี้ หรือบางคนอาจจะบอกว่าตัวเองต้องการพัฒนาเกี่ยวกับด้านของการเล่นหุ้น แต่ไม่เคยซื้อหุ้นเป็นของตัวเองเลยมันก็คงจะเป็นไปได้ยากที่จะพัฒนาตัวเองไปจนประสบความสำเร็จ
-
20% สำหรับลงทุนในการปฏิบัติจริงและการกล้าได้กล้าเสีย
– เมื่อคนเรามาถึงจุด ๆ หนึ่งที่พร้อมไปด้วยความรู้และความสามารถสำหรับการพัฒนาตัวเอง การลงสนามจริงถือเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากที่สุดเพื่อที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าสิ่งที่ได้ศึกษา ฝึกฝน มาจนเราคิดว่ามีความชำนาญมากพอนั้นเมื่อต้องเจอกับสถานการณ์จริง ๆ เรากล้าที่จะลงทุนเพื่อทำสิ่งนั้นแค่ไหน อาทิ เมื่อคุณเล่นกีตาร์จนคิดว่าเก่งมาก ๆ แล้ว งบประมาณที่จะลงทุนในส่วนนี้ก็อาจจะเป็นในเรื่องของการไปสมัครแข่งขันหรือการเดินทางไปเล่นตามร้านอาหารหลาย ๆ ที่เพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ทำนั้นมันเป็นการพัฒนาศักยภาพของตัวเองจนก้าวเข้าไปสู่ความเป็นมืออาชีพแล้วจริง ๆ
-
20% สำหรับการลงทุนเพื่อปรับปรุงจุดที่มีข้อผิดพลาด
– ความเป็นจริงของมนุษย์อย่างหนึ่งก็คือไม่มีใครที่ทำอะไรได้สมบูรณ์แบบเต็มที่ การทำทุกอย่างย่อมมีปัญหาเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ เพราะฉะนั้นงบประมาณที่มีเอาไว้ควรจะเหลือสำหรับการพัฒนาและปรับปรุงข้อด้อยของตัวเองที่เห็นได้ชัดเจนขึ้นเมื่อลงสนามจริงแล้ว นี่จะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณกลับมาอีกครั้งด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าเดิมและโอกาสที่จะประสบความสำเร็จย่อมสูงกว่าเดิมด้วย
แม้จะมีคนบอกว่าการลงทุนคือความเสี่ยง แต่ถ้าหากว่าเป็นความต้องการของตัวเองแล้วก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าเสี่ยงอยู่ไม่ใช่น้อย อย่าลืมว่าคนเรานั้นเกิดมาได้แค่ครั้งเดียวแล้วก็ไม่รู้ว่าเมื่อตายไปแล้วจะเป็นอย่างไร การพยายามพัฒนาศักยภาพของตัวเองในสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดสำหรับตัวเราย่อมส่งผลที่ดีต่อชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ในการพยายามบางครั้งอาจจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ทว่าอย่างน้อยที่สุดเราก็ได้รู้จิตใจตัวเองว่าเรานั้นได้ลองทำอย่างสุดความสามารถแล้ว คนเราเมื่อมีโอกาสก็ย่อมที่จะต้องไขว่คว้าเอาไว้เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต ไม่อย่างนั้นชีวิตคงจะจืดชืดไร้สีสันและเสียดายที่อุตส่าห์ได้เกิดมาทั้งทีอย่างแน่นอน