ปัญหาหนึ่งที่เหล่าผู้มีเงินหลายคนหรือมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายคงจะได้เคยประสบกันมาบ้าง นั่นก็คือ การถูกยืมเงินจากญาติ เพื่อนหรือแม้กระทั่งคนที่รู้จักกันอย่างผิวเผิน ไม่ค่อยได้ติดต่อพูดคุยอะไรกันมาก
ถามว่าเพราะอะไร ทำไมแค่เรื่องยืมเงิน จึงกลายเป็นปัญหาระดับชาติที่ใครหลายคนต่างปวดหัว อันนี้ก็คงจะต้องตอบว่า เนื่องจากเวลายืม คนยืมนั้นแทบจะกราบกรานเรา พูดขอร้องต่าง ๆ นา ๆ เพื่อนำเงินก้อนนั้นไปจากเราให้ได้ แต่พอถึงเวลาคืน กลับเบี้ยวเสียอย่างนั้น บางทีหันมาโกรธคนให้ยืมอีก หาว่าแล้งน้ำใจ แล้วก็หาเรื่องเลิกคบเสียอย่างนั้น กลายเป็นว่าหนี้นั้นกลายเป็นหนี้สูญที่ไม่มีวันได้คืนไป ซึ่งลักษณะอย่างนี้ ถือเป็นลักษณะของลูกหนี้ที่เห็นแก่ตัวที่นับวันจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนสาเหตุที่ลูกหนี้เห็นแก่ตัวมีมากขึ้น ๆ นั้น อาจเป็นเพราะว่าสภาพทางเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ในขณะที่ผู้คนยังมีรสนิยมสูง แต่รายได้ต่ำอยู่ก็เป็นได้
ดังนั้น เมื่อเราไม่สามารถจะรู้ได้ว่า คนที่กำลังจะมายืมเงินเรานี้เป็นลูกหนี้ประเภทไหน มีสามัญสำนึกหรือเห็นแก่ตัวกันแน่ การป้องกันตัวเองจากการถูกยืมเงินโดยญาติ เพื่อนหรือคนอื่น ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องเรียนรู้ไว้ หากเจอคนมายืมเงินแบบไม่ทันตั้งตัวจะได้ป้องกันตนเองได้อย่างทันท่วงที ไม่ต้องตกเป็นเจ้าหนี้ที่ต้องไล่ตามทวงหนี้ลูกหนี้ผู้เห็นแก่ตัว
วิธีการแรก สำหรับจัดการญาติและเพื่อนที่มายืมเงิน อันถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด ก็คือ ปฏิเสธไปเลยว่าไม่มีเงินให้ยืม
โดยวิธีปฏิเสธนั้นมี 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ การปฏิเสธแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น โดยอาจบอกคนมายืมเงินไปว่า “ไม่มีเงินให้ยืมหรอก ต้องมีภาระค่าใช้จ่าย……..” อะไรก็ว่าไป หากยังถูกตื้อ ก็ให้สำทับลงไปอีกว่าไม่มีเงินจริง ๆ หากผู้ยืมเป็นคนที่ไม่เห็นแก่ตัวจนเกินไป ย่อมพูดรู้เรื่องแบบไม่ต้องขู่ ต้องปลอบอะไรเลยและเราอาจจะแนะนำช่องทางการหาเงินกู้มาไว้ใช้จ่ายชั่วคราวให้กับผู้ที่มายืมนั้นได้ แต่แหล่งเงินกู้ที่แนะนำ ควรเป็นแหล่งเงินกู้ในระบบที่ถูกกฎหมาย พยายามอย่าให้ผู้ยืมคนนั้นไปยืมเงินคนรู้จักคนอื่น หรือไปยุ่งเกี่ยวกับแหล่งเงินกู้นอกระบบเด็ดขาดและข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่ง หากเราต้องทำหน้าที่เป็นนายหน้าหาแหล่งกู้เงินให้ลูกหนี้คนนั้น อย่าเอาตัวเองไปพัวพันกับหนี้ของเขา เช่น ไปเซ็นค้ำประกันให้โดยเด็ดขาด เพราะเรื่องเดือดร้อนอาจตามมาถึงตัวได้
วิธีปฏิเสธแบบที่ 2 คือ การปฏิเสธแบบขวานผ่าซากหรือพูดตรง ๆ ไปเลยว่าไม่ให้ยืม
วิธีนี้อาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่ขี้เกรงใจ กลัวเสียเพื่อน แต่ก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในบรรดาการแก้ปัญหาการยืมเงินแล้ว เพราะนอกจากจะปฏิเสธได้อย่างเด็ดขาด ตัวเรายังรู้ได้ด้วยว่า คนที่มายืมเงินเรานั้น แท้จริงเป็นลูกหนี้ที่ดีหรือเป็นลูกหนี้ที่เห็นแก่ตัวกันแน่ เนื่องจากผู้ที่จัดว่าเป็นลูกหนี้ชั้นดี ย่อมเข้าใจว่าเราไม่ต้องการให้ยืมจริง ๆ แต่ถ้าเป็นลูกหนี้เห็นแก่ตัว ย่อมตีโพยตีพายหรือเอาบุญคุณเมื่อหลายปีก่อนมาเป็นตัวประกัน แล้วหาเรื่องตัดขาดเรา โดยอ้างว่าเพราะเราเห็นแก่ตัว ถ้าเจอแบบหลังนี้ ก็ถือว่าเป็นบุญของเราที่ได้ตัดเอาเนื้อร้ายออกไปจากชีวิต
ขั้นต่อมา หากไม่ต้องการปฏิเสธการให้ยืมเงิน อาจด้วยเหตุผลว่ากลัวถูกโกรธ ถูกเลิกคบ อะไรก็แล้วแต่ เราก็สามารถให้ยืมได้ แต่ต้องมีการร่างสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรแน่นอน ว่ายืมไปเท่าไร จะคืนเมื่อใด หลีกเลี่ยงการให้ยืมเงินผ่านทางสัญญาปากเปล่าหรือให้ยืมด้วยใจ เพราะมีโอกาสสูงถึง 70% ที่จะถูกเบี้ยว ยิ่งถ้าเป็นพวกญาติผู้ใหญ่หรือเพื่อนที่สนิทกันมาก ยิ่งห้ามให้ยืมเด็ดขาดเพราะนั่นเท่ากับปิดประตูการได้เงินคืนไปเลยทีเดียว อย่างน้อยการมีหนังสือกู้ยืมเงินแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจะช่วยให้เราสามารถดำเนินคดีกับลูกหนี้ได้ง่ายขึ้น ในกรณีที่ลูกหนี้จงใจเบี้ยว ซึ่งการฟ้องร้องดำเนินคดี โดยมากแล้วเจ้าหนี้มีสิทธิชนะมากกว่า 50% เว้นเสียแต่ว่าเป็นสัญญาปากเปล่าที่ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมใด ๆ ปรากฏอยู่เลย
อ่านเพิ่มเติม : วิธีทำสัญญากู้เงิน
จะเห็นได้ว่าหากยอมให้ลูกหนี้ได้ยืมเงิน นั่นเท่ากับว่าเรากำลังรับปัญหาเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งปัญหาความวิตกกังวล ว่าลูกหนี้จะยอมใช้เงินคืนหรือเปล่า รวมถึงถ้าเกิดลูกหนี้ไม่ยอมคืนเงินให้จริง ๆ ก็ต้องลำบากไปฟ้องร้อง เป็นคดีความกันอีก เพราะฉะนั้น หนทางที่ดีที่สุด ก็คือ ไม่ควรให้ใครยืมเงินด้วยประการทั้งปวง ยิ่งผู้ที่มายืมเงินหลักหมื่นขึ้น ยิ่งต้องกาหัว อย่าให้ยืมเป็นอันขาด
สุดท้าย อยากจะขอฝากไปถึงผู้ที่กำลังคิดจะยืมเงินใครสักคนหนึ่ง ขอให้ท่านพึงระลึกไว้เสมอว่า เงินที่ท่านได้มานั้น ได้มาจากการ “ยืม” ไม่ใช่ได้มาจากการ “ขอ” เพราะฉะนั้น ตามกลไกทางธรรมชาติ ท่านต้องคืนเขาไป หากท่านไม่คืน ย่อมถือว่าท่าน “โกง” ผู้ที่ให้ท่านยืมมา ต่อให้ท่านพยายามดิ้น แถเพื่อให้ตัวเองดูดีอย่างไร ท่านก็คือ “คนโกง” ดังนั้น หากท่านไม่อยากเป็นคนโกง เมื่อยืมเงินใครมาแล้ว ขอให้นำไปคืนให้ครบทุกบาททุกสตางค์ นอกจากจะช่วยให้ท่านไม่เป็นคนโกงแล้ว ยังช่วยรักษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวท่านกับเจ้าหนี้ให้ยังคงดีอยู่ตลอดไปด้วย หรือถ้าไม่มีเงินมาใช้คืนจริง ๆ ขอให้เข้าไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เป็นกิจจะลักษณะเพื่อหาหนทางแก้ไขปัญหา อย่าทำเงียบหายเพราะกลัวเสียศักดิ์ศรี เพราะการตัดสินใจหนีหนี้ นั่นแหละ คือท่านได้ทำลายศักดิ์ศรีของตัวเองลงไปแล้ว