เชื่อว่าชื่อเรื่องของวันนี้ คงเคยผ่านสายตาผู้อ่านหลายๆคนมาแล้ว จะว่าเป็นสัจธรรม หรือเป็นความจริงอย่างที่สุดก็ได้ เพราะคนส่วนใหญ่มีธรรมชาติในการอยากรู้อยากเห็น ชอบศึกษาค้นคว้าอะไรต่อมิอะไร พอศึกษาเสร็จก็เก็ตไอเดีย แล้วก็คิดในใจว่า ฉันก็ทำได้ แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง สิ่งที่เป็นไอเดียในวันนั้น กลายเป็นความว่างเปล่า เป็นสิ่งที่ไม่ถูกลงมือทำ หรือทำครึ่งๆกลางๆ บางคนเริ่มต้นไปนิดเดียวก็ล้มเลิก ยิ่งทุกวันนี้มีข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตให้เสพกันได้ตลอด 2 ชั่วโมง กลายเป็นคำขวัญใหม่ว่า 1000 อ่าน 100คนคิด 10คนทำ 1คนสำเร็จ
ทำไมถึงมีคนจำนวนน้อยมากที่สำเร็จ ลองถามตัวเองดูสิ เพราะคิดว่าทุกคนต้องเคยผ่านอะไรทำนองนี้มาแล้ว มาดูตัวอย่างยอดฮิตในชีวิตประจำวันที่ทำไมคนส่วนใหญ่คิดได้ แต่ทำไม่ได้
ตัวอย่างแรก เป็นเรื่องของการลดน้ำหนัก
ทั้งแผงหนังสือ ทั้งรายการทีวี ทั้งเพจ เฟสบุ๊ค ต่างลงข้อมูลเกี่ยวกับ การลดน้ำหนัก วิธีลดน้ำหนัก ประโยชน์ของการลดน้ำหนัก โทษของการมีน้ำหนักมากเกินไป ทุกคนพอได้อ่านแล้วก็ตระหนักดีว่า การลดน้ำหนักเป็นผลดีต่อสุขภาพ พออ่านจบใหม่ๆ ก็คิดจินตนาการถึงโปรเจ็คต่างๆว่า จะไปฟิตเนส จะไปวิ่ง จะไปออกกำลังกาย จะไปปั่นจักรยาน เมื่อคิดเสร็จก็จัดแจงนัดเพื่อน จากนั้นเกิดอะไรขึ้น วันแรกๆอาจพากันไปหลายคนและสนุกกับการได้ทำอะไรแปลกใหม่ พอวันต่อๆไปชักขี้เกียจ หาข้ออ้างว่า ไม่ได้ผล น้ำหนักไม่ลง หรือลงน้อยมาก ทำหรือไม่ทำผลก็ไม่ต่างกัน ขอหยุดพักสักสองสามวันก่อนดีกว่า เมื่อยอมอ่อนข้อให้กับจิตใจตัวเองได้ครั้งหนึ่งแล้ว ย่อมต้องมีครั้งที่สองครั้งที่สามตามมา จนยกเลิกการลดน้ำหนักไปในที่สุด ผ่านไปหลายเดือน เพื่อนที่มางานเลี้ยงทักว่าอ้วนขึ้นนะ จากนั้นวงจรการจินตนาการว่าจะลดน้ำหนักอย่างไรบ้างก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ลองคิดดูว่าตลอดชีวิตเรา ริเริ่มโครงการลดน้ำหนักมาก็ครั้งกี่หนแล้ว แต่ละครั้งกินเวลานานแค่ไหน และได้ผลเป็นอย่างไร สาเหตุอะไรที่ทำให้เรายกเลิกกิจกรรมลดน้ำหนักไป
อีกเรื่องหนึ่งที่ฮิตไม่แพ้กันคือ เรื่องของการเงินการลงทุน
เช่นพอไปอ่านหนังสือหุ้นหรือการลงทุนต่างๆ พบว่า ถ้ายังมือใหม่ก็ให้เริ่มลงทุนจำนวนน้อยๆก่อน เริ่มจากการออมเงินทุกวันวันละ 100 บาทก็ได้ ทำแบบนี้ไป 20 ปี จะมีเงินเป็นล้านเลยนะ แล้วเขาก็คิดเลข บวกดอกเบี้ยธนาคารให้ดู และเราก็เห็นว่า มันทำได้จริงๆ เก็บเงินวันละ 100 บาท เดือนละ 3000 บาท เวลาผ่านไป 20 ปี ได้เป็นเศรษฐีเงินล้านเลย และก็บอกกับตัวเองว่า ฉันจะเก็บเงินทุกวัน วันละ 100 บาท แต่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆคือ วันสองวันแรกอาจเก็บได้ พอวันที่ 3 เริ่มมีข้ออ้างว่า วันนี้เหลือเงิน 50 บาท ไว้พรุ่งนี้ค่อยเก็บก็ได้ ผ่านไป 1 เดือน อาจเก็บได้ประมาณ 2500 บาท โอ้ ดีใจ มีเงินเก็บแล้ว จากนั้นเพื่อนดันชวนไปเที่ยว เงินเราก็ไม่ค่อยมี แต่ไม่อยากขัดใจเพื่อน ในใจลึกๆก็อยากไปด้วยแหละ ทำไงดีละทีนี้ จะหยิบยืมเงินเพื่อนก่อนก็อาย เอางี้ มีเงินเก็บอยู่ 2500 บาท เอาไปเที่ยวก่อน เดือนหน้าค่อยเก็บใหม่ จะเห็นว่า ระยะเวลาตั้ง 20 ปี มันจะมีเหตุต้องใช้เงินหยุมหยิมแบบนี้เข้ามาตลอด และเราก็ต้องมีเหตุจำเป็นในการเอาเงินที่เก็บออมไว้มาใช้เสมอ จึงเป็นที่มาว่า เรื่องง่ายๆแต่ทำไมทำยากจัง
จากทั้งสองตัวอย่างนี้ ชี้ให้เห็นว่า การที่เราเกิดไอเดียอะไรใหม่ๆ หรือตั้งใจจะทำอะไรดีๆ ทำในเรื่องที่เป็นเหตุเป็นผล แต่ท้ายที่สุด คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ บางคนไม่ได้ทำด้วยซ้ำ เพราะใจเราไม่หนักแน่นพอ เพราะเราไม่มีวินัย หรืออาจเพราะเราใจร้อน หรือเพราะท้อแท้ขาดความรู้ขาดโอกาสในการทำให้ต่อเนื่อง คงมีเหตุผลมากมายในการบอกว่าทำไมเราถึงทำไม่สำเร็จ เมื่อคิดลึกลงไปแล้ว พบว่าเป็นเพราะธรรมชาติของคน ที่รักสบาย ชอบหาความสุขตรงหน้า ไม่ค่อยเผื่อถึงวันเวลาในอนาคต ประมาณว่า สุดแต่โชคชะตาจะพาไปว่างั้นเถอะ ดังนั้น คำว่า 100 คนคิด 10 คนทำ 1 คนสำเร็จ ก็จะยังคงใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัย เพราะนิสัยและธรรมชาติมนุษย์นั้นเปลี่ยนยาก คนที่ประสบความสำเร็จ จึงต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งเหนือกว่าคนทั่วไปนั่นเอง