สมัยเป็นนักเรียน คุณครูจะให้เราเขียนไดอารี่ หรือบันทึกประจำวัน เพื่อฝึกทักษะการเขียน และฝึกเรียบเรียงเรื่องราวต่างของตัวเราเอง เมื่อเวลาผ่านไป แล้วย้อนกลับมาอ่านไดอารี่ บางทีเราก็หัวเราะความไร้เดียงสาของตัวเอง บางทีก็คิดไม่ถึงว่า เราทำเรื่องเปิ่นๆไปได้อย่างไรในวันวาน ไดอารี่มีประโยชน์หลายอย่าง บางคนสามารถเขียนไดอารี่ต่อเนื่องกันมาเป็นสิบๆปี บางคนเขียนๆหยุดๆแล้วก็เลิกเขียน เพราะโตขึ้นภาระการงานมากขึ้น ภาระทางครอบครัวมากขึ้น เชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงไม่มีใครนั่งเขียนไดอารี่อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ แต่มีคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องเขียนไดอารี่สม่ำเสมอ เพราะไดอารี่เป็นส่วนหนึ่งของอาชีพเขา คนกลุ่มนั้นก็คือ นักเล่นหุ้น
คนทั่วไปคิดว่า การเล่นหุ้นก็คือการทำอะไรเล่นๆ คนที่เข้ามาเล่นหุ้นใหม่ๆหรือนักเล่นหุ้นมือใหม่ชอบคิดว่า การเล่นหุ้นเป็นเรื่อง่ายๆ สบายๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว งานเล่นหุ้นหรือการเล่นหุ้นให้ได้กำไร และเล่นในให้ประสบความสำเร็จเป็นงานที่ยากถึงยากมากๆ ตามสถิติบอกว่าคนที่เข้ามาเล่นหุ้น 100 คน จะมีคน 80 คนที่ต้องเลิกร้าง หรือออกจากตลาดหุ้นไปภายใน 2 ปี คนที่รอดเหลือมาได้มีแต่พวกเสื่อ สิงห์ กระทิง แรด เป็นพวกเขี้ยวลากดินกันทั้งนั้น คนที่อยู่ในตลาดหุ้นได้อย่างยั่งยืนและยาวนานคือพวกมืออาชีพ ที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน ซึ่งรูปแบบการฝึกฝนก็มีทั้งเรียนรู้ด้วยตนเอง ไปร่ำเรียนจากผู้รู้กูรูทั้งหลาย แม้กระทั่งไปฝึกกับทางสถาบันกองทุนทั้งในและต่างประเทศ และหนึ่งในหัวข้อการฝึกที่ทุกคนต้องผ่านก็การจดบันทึกหรือเขียนไดอารี่เกี่ยวกับการเล่นหุ้นนั่นเอง
นักเล่นหุ้นจะต้องจดบันเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับการเล่นหุ้นของตัวเองในแต่ละวัน บางคนเล่นแบบลงทุนระยะยาวก็อาจมีเรื่องให้เขียนน้อยหน่อย คนที่เล่นทุกวันก็ต้องเขียนไดอารี่ทุกวัน เรื่องที่เขาต้องเขียนก็ เช่น อารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ประสบการณ์ที่ได้รับในแต่ละวัน ความผิดพลาดที่ตัวเองได้ทำลงไป เป็นต้น เมื่อเขียนบันทึกไปทุกวัน นักเล่นหุ้นจะพบว่า ตัวเองจะทำผิดซ้ำๆในเรื่องเดิม เช่น ไม่ยอมตัดขาดทุน ชอบซื้อเฉลี่ยขาลง ใจร้อน ซื้อหุ้นจำนวนมากเกินไป ไม่ทำตามแผนเป็นต้น ส่วนใหญ่เมื่อทำผิดพลาด นักเล่นหุ้นก็จะระบายอารมณ์ความรู้สึกในด้านลบลงไปด้วย ว่าทำไมตัวเองโง่จัง ทำไม่บังคับใจตัวเองไม่ได้ บางทีก็มีเขียนโทษนั่นโทษนี่ ระบายว่าตลาดไม่ยุติธรรมบ้างล่ะ ระบายว่าเป็นรายย่อย เงินน้อย เสียเปรียบรายใหญ่บ้างล่ะ สรุปว่าเนื้อหาในไดอารี่ส่วนใหญ่มีแต่เรื่องลบ และลงโทษตัวเอง เมื่อเขียนไปบ่อยๆและเจอความผิดในรูปแบบเดิม นักเล่นหุ้นก็จะตระหนักในข้อผิดพลาดของตัวเอง และค่อยๆปรับแก้จนนิสัยแย่ๆเหล่านั้นหายไป ดังนั้นการเขียนไดอารี่จึงจำเป็นมากสำหรับนักเล่นหุ้น
นักจิตวิทยาด้านการเล่นหุ้นและการลงทุนเห็นด้วยที่นักเล่นหุ้นทำการเขียนบันทึกเรื่องราว อารมณ์ความรู้สึกในการเล่นหุ้นของตัวเอง และเห็นว่าเป็นประโยชน์กับนักเล่นหุ้นเป็นอย่างมาก แต่มีคำแนะนำเพิ่มเติมว่า นักเล่นหุ้นไม่ควรที่จะเขียนเรื่องราวด้านลบหรือระบายอารมณ์ในด้านลบมากเกินไป ถ้าเป็นไปได้ ให้เขียนถึงมันน้อยที่สุด โดยเน้นให้มาเขียนเรื่องบวก หรือเรื่องดีๆที่ตนเองได้กระทำในการเล่นแต่ละวันแทน เพราะการโฟกัสแต่เรื่องลบ เมื่อทำไปนานๆ นักเล่นหุ้นก็หมดแรงจูงใจในการเขียน เพราะคงไม่มีใครอยากเขียนถึงเรื่องแย่ๆของตัวเองได้ยาวนานและตลอดไป การเขียนเรื่องบวก แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ ก็จะทำให้เกิดแรงจูงใจที่ดี และมีกำลังใจที่จะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม่หรือใครก็ตามที่อยากประสบความสำเร็จในการเล่นหุ้น ลองเขียนไดอารี่เกี่ยวกับการเล่นหุ้นของตัวเองดู เพราะจะทำให้รู้จุดอ่อนและจุดแข็งของตัวเอง จากนั้นให้พยายามโฟกัสไปที่ข้อดีและจุดแข็งของตัวเอง เขียนเน้นย้ำในสิ่งที่ดีๆบ่อยๆ เพราะนักจิตวิทยาแนะนำว่า การเขียนแต่เรื่องร้ายๆลบๆ จะยิ่งเป็นการชักนำเรื่องลบให้เด่นชัดขึ้น จึงอยากให้ในไดอารี่ของนักเล่นหุ้นทั้งหลาย มีเรื่องบวกและเรื่องดีๆให้มากๆ เพราะในที่สุดเรื่องดีๆเหล่านี้จะแข็งแกร่งและพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ จนกลบและบดบังเรื่องร้ายๆให้อ่อนแรงลงไปเอง