ถึงแม้ว่าจะผ่านช่วงเทศกาลปีใหม่ไปไม่นาน แต่เดี๋ยวอีกเดือนสองเดือนก็ถึงวันสงกรานต์อีกแล้ว สำหรับคนที่ชอบจองรถ จองโรงแรม เพื่อไปพักผ่อนหย่อนใจในช่วงเทศกาลแห่งความสุขครั้งใหม่นี้ ลองอ่านข้อควรรู้เกี่ยวกับการจองรถและโรงแรมกันหน่อย เนื่องจากเดี๋ยวนี้ สามารถทำได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น เพียงแค่มีบัตรเครดิตเท่านั้น ซึ่งพนักงานอาจจะมีการกันวงเงินในบัตรเครดิตบางส่วนเอาไว้ด้วย
การเรียกเก็บเงินค่าประกันห้องหรือเช่ารถด้วยบัตรเครดิต
สำหรับผู้ที่เคยเข้าไปพักผ่อนที่โรงแรมตั้งแต่ 4 ดาวขึ้นไป คงพอรู้ว่ามักจะมีการเรียกเก็บเงินค่าประกันห้องพักกับลูกค้าอยู่แล้ว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโรงแรมว่าเรียกเก็บเท่าไร เช่น โรงแรมแห่งหนึ่งเก็บเงินประกันค่าห้องพักกับลูกค้าคืนละ 1,000 บาท สูงสุดอยู่ที่ 5,000 บาท/การเข้าพัก 1 ครั้ง ดังนั้นหากอยู่ 3 คืนก็เก็บ 3,000 บาท แต่ถ้าอยู่เกิน 5 คืน จะเรียกที่ 5,000 บาท เป็นต้น ก็แล้วแต่ว่าลูกค้าจะสะดวกจ่ายเป็นเงินสดหรือว่าจะให้ทางโรงแรมทำการ Block วงเงินในบัตร credit card ของคุณลูกค้า สิ่งเหล่านี้ตอนลูกค้า Check-in ทางพนักงาน Front จะต้องแจ้งลูกค้าเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว อีกทั้งสอบถามว่าลูกค้าต้องการที่จะวางเงินประกันแบบไหน
ขั้นตอนการวางเงินประกัน
สำหรับการเช่ารถก็จะอยู่ในกรณีแบบนี้เหมือนกัน คราวนี้มาถึงขั้นตอนวางเงินประกันค่าห้อง หรือบริษัทรถเช่า โดยหากเป็นเงินสดก็วางเงินค่าประกันได้เลย แต่หากเป็นกรณีวางเงินโดยใช้ credit card ขอให้สอบถามกับทางพนักงานที่นำการ์ดไปเข้าเครื่องรูดบัตรว่า เป็นการ verify card ไม่ใช่รูดการ์ด ใช่ไหม หากพนักงานตอบกลับว่า ใช่ครับ/ค่ะ แค่นี้ก็สบายใจได้เลย แต่หากพนักงานทำหน้างงๆ แล้วถามกลับมาว่า verify card คืออะไร แสดงว่าเขาใช้เครื่องรูดบัตรไม่เป็น
ทางแก้ไขคือ ให้ถามไปใหม่ว่า มีเครื่อง Zipzap ไหม หากพนักงานบอกว่ามี ก็ขอให้เค้า zipzap credit card ไว้แทน และหากเกิดความเสียหายขึ้น ทางโรงแรมหรือบริษัทจะได้ทำการเรียกเก็บเงิน โดยการทำเรื่องผ่านธนาคาร แล้วเอา slip zipzap ที่ได้ทำ zipzap card ไว้ มาใช้เป็นหลักฐานกับทางธนาคาร ซึ่งก็จะตัดบัตร credit ของเราได้ แต่พนักงานก็ต้องแจ้งเรื่องไปหาเราก่อนอยู่ดี แต่หากไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น หลังจากที่เราได้คืนห้อง คืนรถรถหรือว่า check-out ก็ขอ slip zipzap กลับมาด้วย แค่นี้เอง แต่ถ้าพนักงานบอกว่าไม่มีเครื่อง zipzap งานนี้ก็บอกให้พนักงานช่วยไปหาคนที่สามารถทำ verify card มาให้ได้ จะดีกว่า
เพราะอะไรจึงต้อง verify card
เพราะการ verify card นั้นเป็นแค่การ block วงเงินในบัตรของเราเท่านั้น ไม่ใช่การรูดเอาเงินออกไปจากบัตรเหมือนกับการซื้อของ หากไม่มีปัญหาอะไรเงินเราก็ยังอยู่ครบ ส่วนวิธีการ จะรู้ได้ยังไงว่า credit card ของเราถูก verify หรือถูกรูดเงินออกไป ก็คือ ให้สังเกต ในสลิป จะมีตัวย่อเป็นตัว CARD VER ซึ่งก็คือการ Block วงเงินในบัตรเท่าที่ทางโรงแรมหรือบริษัทรถเช่าเรียกเงินประกัน ซึ่งหากไม่มีปัญหาอะไร เงินของเราจะได้รับการปลดล็อก ภายใน 7 วัน หลังจากที่ Check-out หรือหลังจากที่คืนรถเช่าเรียบร้อยแล้ว โดยทางโรงแรมหรือบริษัทรถเช่าก็จะทำเรื่องส่ง Fax Slip credit card ของเราเพื่อทำการปลดล็อกวงเงินในบัตรคืนให้
แต่หากเห็น Code ว่า SALE ใน slip ที่ทางพนักงานเอาไปรูด ให้รีบบอกพนักงาน void การรูดเงินครั้งนั้นออกจากเครื่อง อย่าปล่อยให้มีการ settlement ประจำวัน เพราะนั่นหมายถึงเงินของเราจะถูกรูดออกจากบัตรเรียบร้อย และถูกโอนเข้าในบัญชีที่ผูกไว้กับเครื่องเรียบร้อยเช่นกัน ทางที่ดีพูดคุยกันให้รู้เรื่องก่อนหากเรานิ่งเฉยก็อาจต้องมายุ่งยากภายหลัง และต้อง รอ ให้ทางพนักงานส่งเรื่อง refund เงิน กับทางธนาคาร ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะดำเนินการให้เราเมื่อไร
ข้อควรรู้เพิ่มเติม
– verify card ไม่จำเป็นต้องเซ็น slip ตัวจริง โดยทางโรงแรมหรือบริษัทรถเช่าจะต้องเก็บไว้ ส่วนเราให้เก็บ Slip copy ใบเล็ก ๆ เอาไว้เป็นหลักฐานก็พอ และที่สำคัญอย่าได้เผลอทำหายเป็นอันขาดเชียวนะ เพื่อจะได้มีหลักฐานไว้ใช้เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นนั่นเอง
– ปกติการทำ refund กับทางธนาคารจะใช้เวลาตรวจสอบ 7 วันทำการเท่านั้น เพียงทางบริษัทหรือทางโรงแรมจะต้องออกหนังสือชี้แจงกับทางธนาคาร อีกทั้งทำเป็นหนังสือที่เชื่อถือได้และมีลายเซ็นของหัวหน้าแผนกบัญชีของที่นั้น ๆ กำกับ แนบหลักฐานว่าทำไมถึงต้องมีการ refund ให้ทางธนาคารทราบ แต่หากพนักงานบอกว่า 15 วัน หรือว่า 1 เดือนเป็นอย่างต่ำให้รู้ไว้เลยว่าเขาทำงานล่าช้าแล้ว
หากเราใส่ใจมากขึ้นสำหรับการวางเงินประกันห้องหรือรถ เพียงแค่นี้ก็จะทำให้ไม่เราต้องมามีปัญหาจุกจิกกวนใจ สนุกกับการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ แบบไม่มีสะดุดกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้ทริปต้องกร่อย หวังว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนในเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงหรือเทศกาลท่องเที่ยวอื่นๆนะ หรือใครที่กำลังต้องการจะเช่าโรงแรมเพื่อไปทำกิจกรรมหรือทำธุระอะไรล่ะก็ อย่าลืมใช้ข้อควรรู้แบบนี้ให้เป็นประโยชน์ด้วย