นักศึกษาหลาย ๆ คน เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน เริ่มมีรายได้เข้ามาทุกเดือน สิ่งหนึ่งที่มีผลต่อการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป นั่นก็คือ “เริ่มมีความฝัน ความต้องการ” อยากมีรถสักคัน มีบ้านสักหลัง อยากมีสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตสักเครื่อง ซึ่งความฝันเหล่านี้ ถือเป็นปัจจัยกระตุ้นในการทำงานของแต่ละคนเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความสุข แต่ก่อนที่เพื่อน ๆ จะเริ่มทำตามความฝันหรือความต้องการเหล่านี้ แนะนำให้เพื่อน ๆ ลองพิจารณาตามรายละเอียดดังนี้ดูค่ะ
ออมเงิน หรือซื้อรถก่อนดี ?
คนเราเมื่อเริ่มทำงานใหม่ ๆ ก็จะเริ่มมีความต้องการบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเริ่มคิดว่าต้องการได้รถไว้ใช้สักคันเพื่อความสะดวกในการเดินทาง ถึงแม้ว่าในปัจจุบันการออกรถจะมีโปรโมชั่นที่เร้าใจมากระตุ้นให้เกิดความต้องการซื้อรถ ไม่ว่าจะเป็น ดาวน์น้อยผ่อนนาน หรือเพียงแค่มีเงินหลักพันก็สามารถออกรถได้แล้ว จนทำให้ผู้คนส่วนมากเกิดความต้องการซื้อรถเหล่านี้ไว้ใช้ แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่า การซื้อรถแต่ละคันนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากคุณจะต้องรับภาระหนี้ระยะยาวแล้ว ยังต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้เกี่ยวกับรถเหล่านั้นอีกด้วย
สำหรับคำถามของใครหลายคนที่ว่า จะออมเงินหรือซื้อรถก่อนดี แนะนำให้เลือกออมเงินประมาณ 7 – 8 ปี ให้มีเงินไว้สักก้อนก่อน จะตัดสินใจซื้อรถน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะ ลองคิดดูว่า หากสามารถออมเงินได้เดือนละ 5,000 บาทเป็นเวลา 7 – 8 ปี เงินออมจะอยู่ที่ 420,000 – 480,000 บาท แล้วนำเงินส่วนนี้ไปวางดาวน์ เชื่อเถอะค่ะว่าการออกรถครั้งแรกเพื่อน ๆ จะมีภาระต่องวดที่น้อย สามารถผ่อนรถได้แบบสบาย ๆ ซึ่งการวางดาวน์มากจะช่วยลดภาระดอกเบี้ย และค่างวดรถได้นั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น ราคารถอยู่ที่ 600,000 บาท ผ่อน 60 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5% เพื่อน ๆ สามารถวางดาวน์ได้ 400,000 บาท ส่วนที่ต้องจ่ายจริงจะเหลือเพียง 200,000 บาท ซึ่งเมื่อคำนวณกับดอกเบี้ยแล้ว จะมีภาระที่ต้องจ่ายเดือนละ 4,167 บาท ซึ่งแน่นอนว่า เป็นค่าใช้จ่ายที่สามารถผ่อนได้อย่างสบาย
ออมก่อนย่อมดีกว่า
เมื่อเพื่อน ๆ ตัดสินใจออมเงินก่อน จะผ่อนรถ ผ่อนบ้าน หรือทำตามความต้องการ ถือเป็นการวางแผนด้านการเงินที่ดีที่สุด เพราะเมื่อเพื่อน ๆ สามารถออมเงินได้ก้อนใหญ่แล้ว ก็สามารถนำเงินเหล่านั้นไปวางดาวน์ผ่อนรถ ผ่อนบ้านได้แบบสบาย ๆ ที่สำคัญเงินออมที่เหลือ เพื่อน ๆ ยังสามารถนำไปต่อยอดเพิ่มพูนกำไร โดยการนำไปลงทุนกับกองทุนรวมต่าง ๆ ได้อีกด้วย การลงทุนในกองทุนรวมนั้น จะทำให้เงินออมที่เหลืออยู่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเป็นหลาย ๆ เท่าหากรู้จักการลงทุนให้ถูกทาง
หลักสำคัญในการออมเงิน นอกจากจะนำเงินไปผ่อนรถ ผ่อนบ้าน หรือนำไปลงทุนแล้ว ยังเป็นการป้องกันเงินขาดสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ซึ่งแน่นอนว่าการทำงานของนักศึกษาจบใหม่ จะไม่ค่อยมีความมั่นคงนัก มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกเลิกจ้าง ไม่มีรายได้ประจำ หรืออาจมีการเปลี่ยนงาน มีช่วงว่างงาน ออกจากงานเก่า และยังไม่สามารถหางานใหม่ได้ ซึ่งปัญหาดังกล่าว ส่วนมากจะพบกับนักศึกษาที่เรียนจบมาใหม่ ๆ หรือผู้ที่ทำงานใหม่ ๆ เงินออมจึงมีบทบาทสำคัญ สามารถช่วยให้การดำเนินชีวิตของเพื่อน ๆ ราบรื่นขึ้น สามารถต่อสู้กับปัญหาที่เข้ามาได้
หลักการออมเงินที่ถูกต้อง
-
เริ่มออมน้อย แต่ต้องเพิ่มจำนวนขึ้นในทุกปี
เริ่มต้นการออมเงิน เพื่อน ๆ ไม่จำเป็นต้องออมเงินจำนวนมากในครั้งแรก แนะนำให้ออมเงินประมาณ 10%, 20%, 30% และ 40% ตามลำดับ อย่างเช่น มีรายได้ 15,000 บาทต่อเดือน ในปีที่ 1 ออม 10% หรือเดือนละ 1,500 บาท, ปีที่ 2 ออม 20% หรือเดือนละ 3,000 บาท ปีที่ 3 ออม 30% หรือเดือนละ 4,500 บาท, ปีที่ 4 ออม 40% หรือเดือนละ 6,000 บาท ซึ่งการเพิ่มจำนวนเงินออมในทุกปี จะช่วยให้เงินออมเพิ่มขึ้น
-
นำเงินออมที่ได้ในแต่ละปีไปลงทุน
การนำเงินออมที่มีอยู่ไปลงทุน จะทำให้จำนวนเงินเหล่านั้น เพิ่มพูนขึ้น ซึ่งการลงทุนในแต่ละปีด้วยเงินออมที่มากขึ้น จะช่วยให้ได้กำไรจากการลงทุนเหล่านั้น เพิ่มขึ้น ซึ่งการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์เงินเดือน แนะนำให้ลงทุนกับกองทุนรวมต่าง ๆ ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยและได้ผลตอบแทนที่ดีในทุกเดือน ทั้งนี้สำหรับมือใหม่ที่ต้องการลงทุน ควรศึกษาเงื่อนไขอย่างละเอียด
-
เพิ่มช่องทางทำเงินใหม่ ๆ เสมอ
เพื่อการออมเงินที่ได้ประสิทธิภาพ เงินที่เข้ามาต้องเพิ่มขึ้นในหลายช่องทางด้วย เพื่อน ๆ ที่ต้องการมีรถ มีบ้านไว ๆ การหารายได้เสริมจะช่วยให้มีเงินออมมากขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะสามารถออมเงินได้มากขึ้น ถึงการหารายได้เสริมจะทำให้เพื่อน ๆ เหนื่อย แต่ก็คุ้มกับอนาคตที่สุขสบาย ดังคำกล่าวที่ว่า “เหนื่อยตอนนี้ อนาคตจะสบาย” นั่นเองค่ะ
เพื่อน ๆ คงเห็นแล้วใช่ไหมคะว่า การออมเงินเป็นการเริ่มต้นที่ดีของทุกอย่าง สามารถต่อยอดจากเงินออมเหล่านั้นได้มากมาย หากเพื่อน ๆ รู้จักการบริหารเงินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับครั้งหน้าเราจะแนะนำเกี่ยวกับเรื่องใดนั้น ติดต่ออ่านต่อได้ที่นี่ค่ะ