ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมของเด็กนักเรียน หรือนักศึกษามหาวิทยาลัย ทำให้เรามักจะเห็นนักศึกษาจำนวนมากทำงานตามร้านอาหารหรือตามร้านค้าต่าง ๆ เพื่อที่จะสร้างรายได้ช่วงปิดเทอม สำหรับเป็นทุนการศึกษา หรือเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆนอกจากจะทำงานในร้านอาหารแล้ว ก็ยังมีวิธีหาเงินอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้การประหยัดเงินก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับวัยเรียนที่ยังไม่มีงานประจำทำ หรือที่ยังแบเงินขอพ่อแม่อยู่ เด็กๆ ที่ยังไม่มีแรงในการทำงานแม้จะไม่สามารถออก ไปทำงานหารายได้จากข้างนอกบ้านได้ แต่ก็สามารถช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ โดยเฉพาะช่วงปิดเทอมที่เด็ก ๆ อยู่บ้านว่างมากเกินไป ทำให้อาจจะต้องเสียเงินไปกับขนมกรุบกรอบ หรือของเล่นต่าง ๆ รวมทั้งการพาไปห้างดัง ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการควักกระเป๋าจ่ายชนิดที่ผู้ปกครองจะต้องปาดเหงื่อทั้งนั้น ทำให้ผู้ปกครองจะต้องรีบหาทางปลูกฝังจากและหมั่นสอนลูกน้อยให้รู้จักการใช้เงินแบบประหยัด น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
อ่านเพิ่มเติม : ทำงานอะไรไปด้วยดี ระหว่างเรียน
การหัดให้ลูกน้อยรู้จักวางแผนทางการเงิน เพื่อการมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นแบบมีความสุข สิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายควรสอนลูกในเรื่องการวางแผนการเงินในช่วงปิดเทอมเพื่อปลูกฝังให้เค้าได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักคุณค่าของเงินมากขึ้น
สอนให้ลูกซื้อแต่สิ่งของที่จำเป็น
คุณพ่อคุณแม่ควรสอนว่าของสิ่งไหนจำเป็นสำหรับลูกที่สุด ซึ่งจะต้องสอนให้ลูกซื้อแต่สิ่งของที่จำเป็นเท่านั้น และควรให้ลูกซื้อของที่อยากได้ด้วยเงินเก็บของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ ยางลบ ดินสอ ไม้บรรทัด สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นที่ลูกต้องใช้ ซึ่งวัยเด็กส่วนใหญ่มักจะอยากได้หรือต้องการที่สุด ก็เห็นจะหนีไม่พ้นของเล่นต่าง ๆ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจกำหนดว่าให้ลูกเก็บเงินให้ได้ครึ่งหนึ่งของราคาของ แล้วส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งก็จะออกให้หรือให้ลูกเก็บเงินซื้อเองทั้งหมดก็ได้ จะทำให้ลูกน้อยเลือกซื้อแต่ของที่ต้องการจริง ๆ หรือคุณแม่จะซื้อของเล่นเพื่อเป็นของรางวัลด้วยการจูงใจให้ลูกทำความดี อย่างช่วยทำงานบ้าน ตั้งใจทำการบ้าน และสอบได้คะแนนดีๆ
จ้างลูกทำงานบ้านหาเงินหยอดกระปุก
คุณแม่อาจใช้วิธีสอนให้ลูกได้รู้ว่าการจะได้เงินต้องแลกมาจากการทำงาน เล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะนอกจากลูกจะได้เก็บเงินแล้วยังมีเงินหยอดกระปุกเพื่อที่จะได้เอาไปซื้อของเล่นที่ชอบด้วย ซึ่งคุณแม่อาจจะให้เด็กๆ ให้ช่วยล้างจาน จ้างรดน้ำต้นไม้ พรวนดิน ฯลฯ แต่ต้องไม่จ้างในสิ่งที่เป็นหน้าที่ของลูกอยู่แล้วอย่างการจ้างอ่านหนังสือ หรือทำการบ้าน และยังสามารถสร้างแรงจูงใจโดยการให้ลูกเก็บเงินในช่วงปิดเทอม หรือวันหยุดต่างๆ จากการทำงานพิเศษในบ้านนี้ ซึ่งหากลูกน้อยเก็บได้เท่าไหร่คุณพ่อคุณแม่ก็จะให้เพิ่มอีกครึ่งของเงินที่เก็บได้ สมมุติว่าลูกเก็บได้ 2,000 บาท คุณแม่อาจเพิ่มให้อีก 1,000 บาท
สอนให้ทำบัญชีรายรับ -รายจ่าย
ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ เคล็ดลับการออมการจัดการเงินเพื่อให้เหลือเก็บขั้นตอนแรกที่คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกคือ การทำบัญชีรายรับ -รายจ่าย ซึ่งจะช่วยให้ลูกๆ รู้ว่าเงินค่าขนมที่ได้รับในแต่ละวันได้ถูกใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ค่าขนม ค่าอาหาร ค่าของเล่น ซึ่งหากเงินที่ได้รับในแต่ละวันไม่พอใช้จ่ายบัญชีรายรับ – รายจ่ายก็จะช่วยทำให้เด็กๆ ได้ทราบว่าควรปรับในการลดค่าใช้จ่ายส่วนใดดี เพื่อที่จะทำให้เงินค่าขนมที่ได้รับในแต่ละวันเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
พูดเรื่องการใช้จ่ายในบ้าน
พ่อแม่ควรจะพูดคุยเรื่องการใช้จ่ายเงินภายในบ้านให้ลูกได้รับรู้ด้วย ควรพูดคุยกับลูกตรงไปตรงมาว่าของที่เคยซื้อในราคานี้ แต่เดี๋ยวนี้ต้องซื้อในราคาที่เพิ่มขึ้น เพราะเป็นช่วงภาวะเศรษฐกิจยุคที่ข้าวยากหมากแพง ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือของเล่นก็ตาม แต่รายได้ของครอบครัวกลับเท่าเดิม เป็นการบอกเพื่อเตือนให้ลูกได้เห็นความสำคัญของการประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งลูกๆ ก็จะเข้าใจและรู้สึกดีด้วยว่าคุณพ่อคุณแม่ให้ความสำคัญกับเขาเหมือนกับสมาชิกในครอบครัว นอกจากนี้การเป็นตัวอย่างที่ดีของลูกในเรื่องของกการประหยัดคือ หากต้องการให้ลูกเก็บเงินใส่ออมสิน คุณพ่อคุณแม่ควรก็ทำให้ลูกเห็นทุกวัน เพราะลูกกำลังอยู่ในวัยเรียนรู้และชอบที่จะเลียนแบบยิ่งเห็นคุณพ่อคุณแม่ทำก็ต้องอยากทำตามอย่างแน่นอน ถือได้ว่าเป็นการสร้างวินัยให้เค้าตั้งแต่เด็กๆ รวมทั้งการแบ่งปันหรือของเล่นที่ไม่ใช้ไปบริจาคแล้วให้กับผู้ด้อยโอกาสตามสถานเลี้ยงเด็ก เด็กพิการ กำพร้า หรือมูลนิธิเด็กต่างๆ เป็นการสอนให้ลูกรู้จักการแบ่งปันให้กับผู้อื่น และยังทำให้เด็กๆ ได้รู้ถึงคุณค่าของสิ่งของที่ไม่ใช่สักแต่ว่าเล่นแล้วทิ้งไขว้างๆ
แม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงปิดเทอม แต่การสอนลูกเรื่องใช้จ่ายเงินสามารถสอนได้ตลอดเวลาและมันไม่ใช่เรื่องยาก การปลูกฝังให้ลูกรู้จักประหยัดและให้รู้จักกับการออมและลงทุน อย่างการเปิดบัญชีเงินฝาก หรือสลากออมสิน จะช่วยให้เงินที่เด็กๆ เก็บออมมางอกเงยเป็นเงินก้อนใหญ่ได้รวดเร็วขึ้น คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อให้ลูกใช้เงินเป็นและเรียนรู้เรื่องค่าของเงิน การฝึกให้ลูกรู้จักการวางแผนการเงินนั้นตั้งแต่ยังเด็ก จะทำให้ลูกมีทักษะในเรื่องการใช้เงิน ซึ่งหากลูก ๆ ได้เห็นทุกวันได้ทำเป็นประจำจะค่อย ๆ ซึมซับไปเองและทำให้ติดนิสัยไปถึงตอนโตได้
ขอบคุณข้อมูลจาก http://alife.co.th