ช่วงนี้กระแสการขายของออนไลน์และstart up กำลังมาแรง หลายๆคนอยากเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเอง การค้าขายทางออนไลน์ดูจะเป็นไปได้มากที่สุด เพราะไม่ต้องใช้ทำเล ไม่ต้องสต๊อกสินค้า ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากมาย บางทีเปิดเป็นพรีออเดอร์ก่อนก็ยังได้ ไม่ขาดทุนแน่ๆ บางคนมีลู่ทาง มีประสบการณ์อยู่แล้ว ก็ขายดิบขายดี แต่บางคนก็ยังไม่มีประสบการณ์และไม่รู้จะขายอะไรดี มีคนแนะนำว่าให้เริ่มจากสิ่งที่ตัวเองชอบ จากสิ่งที่ตัวเองรัก ฟังดูก็เป็นคำแนะนำที่ดี แต่ก็มีความเสี่ยงซ่อนอยู่หากเราจะลงทุนเพื่อทำธุรกิจ เพราะธรรมชาติของสินค้าและบริการ ต้องดูจากความต้องการของตลาดเป็นหลัก
วอร์เรน บัฟเฟตเคยกล่าวว่า สิ่งที่ตัวเราชอบนั้น ทำให้มันเป็นงานอดิเรกของเรา ส่วนสิ่งที่คนทั้งโลกชอบ ทำให้เป็นธุรกิจของเรา หากจะทำในสิ่งที่ตัวเองรักแล้วหวังจะทำเงินให้ได้ด้วย ต้องผ่านด่าน 3 ด่านนี้ไปก่อน
ด่านแรก สิ่งที่เราชอบหรือทำเป็นงานอดิเรกอยู่แล้วนั้น มีคุณค่าพอสำหรับคนอื่นๆด้วยหรือไม่
พูดง่ายๆก็คือตลาดต้องการหรือเปล่า หากจะไปให้รอดก็ต้องดูด้วยว่า ตลาดใหญ่พอไหมสำหรับการทำเงิน สิ่งที่เราทำนั้น แก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ไหม ทำให้เขาเก่งขึ้นได้หรือเปล่า มีความสุขขึ้นไหมเป็นต้น สมมติว่า เราชอบโปสการ์ดมาก เก็บสะสมไว้ได้เป็นพันใบ แถมยังสามารถประดิษฐ์โปสการ์ดทำมือได้สวยด้วย จึงมีความคิดว่าจะทำโปสการ์ดขาย จริงอยู่ที่งานของเราสวยงามดีเลิศ เต็มไปด้วยจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ แต่จะมีสักกี่คนที่จะซื้อโปสการ์ดจากเรา เพราะสมัยนี้เขาไม่นิยมส่งโปสการ์ดกันแล้ว มีอะไรเขาก็แชทส่งกันทางออนไลน์ รวดเร็ว ทันใจ และมี อีการ์ด ให้โหลดฟรีๆ เมื่อเป็นดังนี้ สิ่งที่เราชอบก็ยากที่จะทำเงินให้เราได้มากมาย
ด่านที่สอง จะสร้างโมเดลธุรกิจจากงานอดิเรกหรือจากทักษะความสามารถของเราแบบไหน
เช่น ถ้าเราเป็นคนรักสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์มากๆ และเลี้ยงไว้หลายตัว มีความรู้ความเข้าใจในสุนัขสายพันธุ์นี้เป็นอย่างดี เราจะทำมันให้เป็นธุรกิจด้วยวิธีการอย่างไร เช่น เพาะพันธุ์แล้วขายสุนัขตัวเป็นๆไปเลยดีไหม หรือเปิดโรงเรียนรับฝึกสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์โดยเฉพาะ หรือจะรวบรวมทุกเรื่องราวเกี่ยวกับลาบราดอร์ทำเป็นวีดิโอลงใน youtube เพื่อหวังเก็บกินค่าโฆษณา จะเห็นว่าการต่อยอดออกมาทำเป็นธุรกิจมีหลายรูปแบบ หลายช่องทาง เราสามารถทำมันออกมาได้หรือเปล่า
ด่านที่สาม เราพร้อมที่จะเปลี่ยนความสุขความเพลิดเพลินที่เคยได้รับกับตัวเอง เป็นสร้างความสุขให้ผู้อื่นหรือให้แก่ลูกค้าได้หรือเปล่า
การทำธุรกิจเป็นงานที่ต้องใช้เวลา ใช้ความทุ่มเท ต้องรักษามาตรฐาน และสามารถแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ตลอดเวลา สิ่งที่เคยสร้างความสุขให้เรายามว่าง ตอนนี้คงไม่ใช่แบบนั้นแล้ว จะมีแต่งานที่ต้องหมกมุ่นกับกิจการตลอดเวลา ปัญหาจะเข้ามาทุกทิศทาง จากคนร้อยพ่อพันแม่ เราพร้อมที่จะรับมือกับเรื่องเหล่านี้หรือไม่
ทั้งสามข้อนี้เป็นคำถามนำให้เราคิดและตัดสินใจ เพราะงานที่เราคิดว่าเรารักเราชอบ มันใช่สำหรับคนอื่นด้วยไหม พอทำในรูปแบบของธุรกิจแล้ว อารมณ์อาจไม่ชิลเหมือนเดิม เพราะจะมีคนเข้ามาเกี่ยวข้องวุ่นวายเต็มไปหมด แล้วเรายังชอบมันอีกหรือเปล่า แต่ถ้าผ่านได้ทั้งสามข้อก็ลุยต่อได้เลย เพราะถือว่าเรามีความได้เปรียบตรงที่เรามีความหลงใหล มีใจรักเป็นทุนเดิม เชื่อว่าถ้าใจรักก็จะไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคระหว่างทาง เพราะการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย ใครที่ไม่มีใจรักอาจล้มเลิกเสียกลางคัน แต่ถ้ามีใจรักเป็นทุนยังไงก็ได้เปรียบ ออกไปลุยออกไปทำสิ่งที่ชอบ ให้เป็นสิ่งที่ใช่สำหรับทุกคนได้เลย