หลายคนคงกำลังสงสัยว่า ที่กู้ซื้อบ้าน/คอนโดไม่ผ่านนี่เป็นเพราะบัตรเครดิตจริงหรือ และนั่นเป็นเพราะอะไร ดังนั้นวันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับคำถามที่หลายคนสงสัยกัน มาดูกันสิว่าสาเหตุที่ทำให้คุณถูกปฏิเสธการกู้ซื้อบ้านและคอนโดมาจากบัตรเครดิตหรือไม่
เกณฑ์ทั่วไปในการปล่อยสินเชื่อ
- ข้อมูลส่วนตัวของผู้กู้ เป็นสิ่งสำคัญมากที่ธนาคารจะพิจารณาเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ-นามสกุล เพศ อายุ สถานภาพ อาชีพ รายได้ หลักทรัพย์ หนี้สิน และวัตถุประสงค์ในการขอกู้ หากมองโดยรวมแล้วไม่น่าเชื่อถือพอก็ไม่ผ่านตั้งแต่ข้อนี้แล้ว
- ประวัติการขอสินเชื่อและประวัติการชำระเงินของผู้ขอสินเชื่อ โดยทั่วไปอาจเรียกอีกอย่างว่าข้อมูลเครดิต ซึ่งธนาคารจะตรวจสอบกับ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ไม่ว่าข้อมูลการจ่ายบัตรเครดิต ซื้อรถ หรือหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลก็จะมีทั้งหมด ที่นี่ และถ้าประวัติไม่ดีก็จะเป็นอีกสาเหตุที่ไม่อนุมัติให้ผ่านเช่นกัน
- จำนวนเงินที่ขอสินเชื่อ เป็นสิ่งที่ทุกธนาคารใช้พิจารณาก่อนเป็นอันดับแรกๆเรียกได้ว่าจำนวนเงินที่ขอกู้นี้ถือเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายในการอนุมัติกันเลยทีเดียว หากมีการยื่นกู้ยอดเงินสูงแต่คุณสมบัติโดยร่วมไม่เอื้อก็อาจถูกเพิกเฉยไม่อนุมัติได้
- มูลค่าของหลักประกัน หากหลักประกันเป็นสินทรัพย์ที่มีอนาคตและมีราคาสูงแบบนี้ธนาคารอาจพิจารณาให้เป็นพิเศษ ซึ่งหลักประกันที่มีมูลค่าดีที่สุดและเป็นที่ยอมรับจากทุกๆธนาคารก็คือ ที่ดินและสถานประกอบการ
- ระยะเวลาการชำระหนี้ ส่วนใหญ่ระยะเวลาที่ธนาคารพอใจจะอยู่ในช่วงตั้งแต่ 5 – 10 ปี กำลังดี แต่ถ้าเป็นสินเชื่อบ้านหรือคอนโดก็ประมาณ 20 ปี
- นโยบายการปล่อยสินเชื่อของแต่ละธนาคารในช่วงนั้นๆ เช่น กำลังต้องการลูกค้าสินเชื่อปลูกบ้านรายย่อย หรือ มีหลักประกันตรงกับที่ทางธนาคารต้องการ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็อาจอนุมัติให้ง่ายหน่อย
- ปัจจัยภายนอก ที่มีผลกระทบอยู่ในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็น ภาวะเศรษฐกิจ หรือการอิ่มตัวของบ้านและคอนโด เป็นต้น
สำหรับผู้ที่จะขอกู้ซื้อบ้านและคอนโดหากมีคุณสมบัติดีๆแบบครบถ้วนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องบัตรเครดิตอยู่ล่ะ มาดูกันหน่อยไหมว่าแบบใดที่จะทำให้มีผลกระทบกับการกู้ซื้อบ้านและคอนโด
บัตรเครดิตที่เป็นต้นเหตุให้โดนปฏิเสธในการกู้ซื้อบ้าน/คอนโด
- มีประวัติการชำระเงินไม่ดี เมื่อธนาคารตรวจสอบสถานะหนี้บัตรเครดิตย้อนหลัง 1-3 ปี หากพบว่ามีการชำระไม่ตรงกำหนดบ่อยๆหรือร้ายแรงขนาดโดนฟ้องร้อง แบบนี้ก็อาจทำให้ไม่ผ่านการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้
- มีบัตรเครดิตหลายใบ หรือมียอดวงเงินสูงเกินไป ธนาคารอาจมองว่าการมีบัตรเครดิตหลายใบเกินไปเป็นการเสี่ยงที่จะเพิ่มหนี้ในอนาคตมากๆได้ โดยเฉพาะใครที่มีนิสัยจ่ายแค่ยอดขั้นต่ำหรือมีหนี้มากๆในแต่ละเดือน ซึ่งเมื่อเทียบกับเงินเดือนหรือรายรับแล้วแทบจะเดือนชนเดือนแบบนี้คงได้รับการอนุมัติยาก แต่ในกรณีของคนที่มีบัตรเครดิตหลายใบแต่มีรายได้สูง จ่ายครบ แบบนี้อาจไม่มีผลกระทบอะไร
- ยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตสูงเกินไป ใช้จ่ายเต็มวงเงินตลอดๆ แถมยังมีการใช้กดเงินสดบ่อยๆด้วย โดยปกติแล้วธนาคารจะคิดยอดใช้จ่ายในแต่ละเดือนของผู้กู้ รวมกับยอดที่กำลังจะขอกู้ซื้อบ้านนี้ด้วย ต้องไม่เกิน 60 % ของรายได้ต่อเดือน ดังนั้นเมื่อมีหนี้บัตรเครดิตสูงก็อาจทำให้ไปเกินวงเงินที่ธนาคารกำหนดได้
วิธีแก้ปัญหาหรือทางออกที่สามารถทำได้
หากบัตรเครดิตของเราถ้าจะเป็นปัญหาทำให้ยื่นขอสินเชื่อธนาคารไม่ผ่านได้ก็ให้ดำเนินการแก้ไข ดังนี้
- หากมีหนี้ค้างชำระอยู่ก็ให้ทำการชำระหนี้ให้หมดหรือชำระเต็มวงเงินทุกงวด
- หาคนกู้ร่วม โดยคนกู้ร่วมนี้ควรจะมีรายได้สูงเพียงพอที่จะขอสินเชื่อผ่านได้ และควรเป็นญาติหรือคู่สามีภรรยา จะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง
- ลองหางานพิเศษทำเพิ่ม เพื่อจะได้มีรายได้เข้ามาหลายๆช่องทาง เมื่อมีรายได้สูงก็จะทำให้ได้รับโอกาสในการอนุมัติสูงไปด้วย
- ลดวงเงินกู้ลง เพื่อธนาคารจะได้พิจารณาอนุมัติได้ง่ายขึ้นเมื่อเทียบกับคุณสมบัติที่มีอยู่
- ยกเลิกบัตรเครดิตให้เหลือแต่ที่ใช้เป็นประจำเพียงใบสองใบเท่านั้น เพื่อธนาคารจะได้ไม่นำมาพิจารณาว่าเราจะมีโอกาสสร้างหนี้ในอนาคตสูงๆได้
- หากที่ผ่านมาเรามียอดการใช้บัตรเครดิตสูงมากและเต็มวงเงินตลอด ก็ให้ทำการลดลงมาเหลือสักเดือนละไม่เกิน 15-20 % ของเงินเดือนก็พอ
- จำไว้ว่าก่อนยื่นขอสินเชื่อต้องไม่ทำ 2 ข้อนี้เด็ดขาด นั่นคือ
- ใช้บัตรเครดิตไปกดเงินสด
- จ่ายหนี้สินบัตรเครดิตครบสดๆร้อนๆ เพราะการที่เราพึ่งไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตมาอาจทำให้ยอดชำระยังไม่ขึ้น ดังนั้นอาจรอหรือไปเช็คข้อมูลเครดิตบูโรให้ผ่านเสียก่อน
สรุปก็คือการกู้ซื้อบ้าน/คอนโดไม่ผ่านนั้น มีผลมาจากบัตรเครดิตจริงๆ แต่นั่นก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะหากเงื่อนไขอื่นๆ ไม่ตรงตามที่ธนาคารกำหนด ก็จะทำให้กู้ไม่ผ่านเช่นกัน เพราะฉะนั้นควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนกู้เสมอ