‘รับหิ้วชิ้นละ 100 บาท ไม่รวมส่ง’
‘เปิดช้อป 10.00 น. ถ่ายทอดสดทันที’
‘ขอคนสะดวกโอน ใครเท ติดแบล็กลิสต์’
คงเป็นข้อความคุ้นตาในโลกโซเชียลทุกวันนี้ โดยเฉพาะขาช้อปที่อยู่ในกลุ่มเฟซบุ๊ค หรือไลน์ต่างๆ ที่ไม่สามารถไปช้อปตามงานเซลล์ได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากไม่มีเวลา เบื่อฝ่าฟันการจราจรสุดโหดเมื่อคิดจะไปงานเหล่านี้ หรือคนที่อยู่ต่างจังหวัดที่ไม่สะดวกเดินทาง จึงทำให้ “อาชีพรับหิ้วสินค้า” ทั้งมือเก๋าและมือสมัครเล่นผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในโลกออนไลน์ และทำรายได้งดงามถึงหลักแสนให้กับใครหลายคน
จุดเริ่มต้นของนักหิ้ว
การที่จะทำอาชีพใดๆ ก็ตาม ล้วนต้องมีจุดเริ่มต้นด้วยกันทั้งสิ้น สำหรับอาชีพรับหิ้วสินค้าก็เช่นกัน ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าหลายคนมักจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า จุดเริ่มต้นล้วนมาจากเห็นการโปรโมตรับหิ้วจากคนอื่นๆ ตามงานเซลล์ต่างๆ แล้วเริ่มปฏิบัติการณ์วางแผนสู่เส้นทางนักหิ้ว ดังนี้
- ศึกษาปฏิทินงานเซลล์ หรืออีเวนท์ที่น่าสนใจตามสถานที่จัดงานต่างๆ เช่น ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมืองทองธานี ไบเทค ห้างสรรพสินค้า โรงงานผู้ผลิต หรือสื่อโซเชียลของแบรนด์ชั้นนำที่มักจะมีการประชาสัมพันธ์ลดราคาสินค้าเป็นระยะๆ ตามฤดูกาล
- ศึกษาสินค้าที่อยู่ในกระแสว่า ในขณะนั้นสินค้าชนิดใด ยี่ห้อใด กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดหรือผู้บริโภค เพื่อจะได้รับออเดอร์จำนวนมากคุ้มค่ากับการเดินทางไปช้อป
- การคิดค่าหิ้วสินค้าแต่ละชนิด หรือแต่ละยี่ห้อจะมีราคาเริ่มต้นหิ้วต่างกัน โดยอาจเริ่มตั้งแต่ 50 บาท ไปจนถึงหลักพันบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการเข้าถึงตัวสินค้า แบรนด์ สินค้ามีจำนวนจำกัดหรือไม่ ขนาดของสินค้ามีผลต่อการหิ้วในแต่ละครั้งมากน้อยเพียงใด หรืองานลดราคาวันแรก เป็นต้น
ฐานลูกค้า และความน่าเชื่อถือ คือ ฐานรายได้
แต่การจะเป็นนักหิ้วสินค้ามืออาชีพจนสร้างรายได้หลักแสนต่อเดือนนั้น ก็ต้องมีปัจจัยที่จะช่วยให้นักหิ้วทั้งหลายประสบความสำเร็จ
- นักหิ้วต้องหมั่นสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ตนเองด้วยการสร้างรีวิวการันตีการหิ้วที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า ได้ของแน่นอน ราคาตรงกับที่แบรนด์ประกาศไว้ สินค้ามีสภาพดีไม่มีตำหนิ มีเพจ ไอจี หรือกลุ่มไลน์รีวิวลูกค้าที่เคยใช้บริการ
- ทันเหตุการณ์ทุกขณะ โดยต้องแจ้งสภาพสินค้า สี สถานะ และจำนวนสต็อกให้ลูกค้าทราบเมื่อไปถึงร้าน หรือบางคนอาจถ่ายทอดสด ถ่ายรูปอัพเดทสินค้าอื่นๆ ประกอบ ให้เห็นเป็นระยะๆ เสมือนลูกค้าไปช้อปด้วยตนเอง ทำให้น่าเชื่อถือ และตัดสินใจซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดาย
- ส่งสินค้ารวดเร็ว นับเป็นอีกหนึ่งบริการที่สร้างความประทับใจให้ลูกค้า ทำให้เกิดการบอกต่อถึงคุณภาพของนักหิ้ว และสร้างฐานลูกค้าได้อย่างดี ส่วนค่าใช้จ่ายจากการส่งจะคิดแยกต่างหากจากค่าหิ้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะคิดค่าส่งขั้นต้นที่ 40 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทการส่งที่ลูกค้าเลือก เช่น ลงทะเบียน EMS หรือใช้บริการส่งของบริษัทเอกชนต่างๆ เป็นต้น
สิ่งที่ได้มากกว่ารายได้
นอกจากรายได้จากการหิ้วสินค้าแล้ว สิ่งที่นักหิ้วที่ใช้บัตรเครดิตในการจับจ่ายแต่ละครั้งได้รับก็คือ โปรโมชั่นจากบัตรนั่นเอง เช่น เครดิตเงินคืน ส่วนลดพิเศษ คะแนนเพิ่ม หรือของแถมต่างๆ บางคนเมื่อซื้อสินค้ากับร้านใดเป็นประจำยังสามารถต่อรองสินค้า ได้รับของแถมเป็นสินค้าชิ้นโปรดโดยไม่ต้องเสียเงินช้อป หรือบางคนได้รับโอกาสเป็นตัวแทนให้กับร้านไปโดยปริยาย ทำให้นักหิ้วหลายคนลาออกจากงานประจำผันตัวเองเป็นนักหิ้วมืออาชีพ พร้อมกับเปิดร้านค้าออนไลน์ควบคู่ไปด้วย
บทเรียนราคาแพงจากปากนักหิ้ว
หลายคนอาจคิดว่า อาชีพนักหิ้วเป็นอาชีพที่สนุก สบาย ได้ช้อป แถมได้เงินอีกด้วย แต่ในอีกมุมหนึ่ง อาชีพนี้ก็มีความเสี่ยงไม่น้อยที่โดนลูกค้าทำพฤติกรรมไม่น่ารักได้เช่นกัน เช่น “จองดอง” ไม่โอนค่าใช้จ่ายมาให้ตามที่นัดหมาย ทำให้นักหิ้วต้องแบกรับสต็อกสินค้าแทน หรือ “เทการซื้อ” เปลี่ยนใจไม่ซื้อเมื่อนักหิ้วมาถึงหน้างาน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้นักหิ้วมือใหม่มักจะประสบพบเจออยู่เสมอ แต่ถ้าเป็นนักหิ้วมืออาชีพแล้ว จะมีกฎ กติกาอย่างชัดเจน เช่น ยอมออกค่าใช้จ่ายให้ก่อนเฉพาะลูกค้าประจำ ส่วนลูกค้าใหม่จะต้องโอนค่าสินค้าก่อนทุกครั้ง เพื่อเป็นการการันตีความปลอดภัยในการซื้อ
ทุกอาชีพล้วนมีข้อดี และข้อเสียต่างกัน ขอเพียงให้มองที่โอกาส ประสบการณ์ และความสุขที่จะได้รับจากการทำอาชีพนั้นๆ ยึดถือความซื่อสัตย์ ความจริงใจ และการบริการที่ดี ไม่ว่าอาชีพไหนก็สามารถสร้างรายได้ให้คุณได้มากอย่างที่ใจต้องการ
ที่มา