วันนี้ขอกลับมาพูดกันถึง Topic สุดฮิตที่มีคนตามอ่านมากที่สุดก็คือวิธีเคลียร์หนี้บัตรเครดิต เท่าที่ผู้เขียนสังเกตเวลาเขียนถึงเรื่องทั่ว ๆ ไป มักจะมีคนตามอ่านตามไลค์กันไม่มากนัก แต่ถ้าเขียนถึงเรื่องเทคนิคการหาเงินใช้หนี้หรือวิธีเคลียร์หนี้ให้ได้ผล จะมีคนเข้ามาอ่าน ไลค์และก็แชร์กันมากมาย จึงเป็นข้อสังเกตได้อย่างหนึ่งว่ามีผู้อ่านจำนวนไม่น้อยที่กำลังตกอยู่ในวังวนของหนี้และอยากหลุดพ้นออกมา
การจัดการกับหนี้บัตรเครดิตให้ได้ผลนั้น เรื่องที่เราต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกก็คือ การจัดระดับความรุนแรงของหนี้ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ใช้วิธีเคลียร์หนี้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ลองนึกภาพของการเกิดพายุขึ้นตามที่ต่าง ๆ บนโลกเรา ระดับความรุนแรงของพายุจะเป็นตัวบ่งบอกว่าเราจะต้องเตรียมตัวเพื่อรับมือกับภัยธรรมชาตินี้กันอย่างไร หนี้บัตรเครดิตก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากหนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ดังนั้นดอกเบี้ยที่เกิดจากยอดหนี้จึงค่อนข้างสูงมาก ที่ 18% ต่อปี ถ้ามีเงินก้อนมาจ่ายหนี้ครั้งเดียวจบได้ ปัญหาเรื่องหนี้ก็จะหมดไปทันที ยอดหนี้จะเป็นศูนย์และไม่มีดอกเบี้ยทบต้นอีกต่อไป แต่ถ้ามีเงินไม่พอใช้หนี้ จ่ายแค่บางส่วนหรือจ่ายขั้นต่ำ นั่นก็หมายถึงยอดหนี้ที่ค้างจะต้องถูกคิดดอกเบี้ยทบต้นไปจนกว่าจะมีเงินมาจ่ายในครั้งต่อไป และนั่นเองเป็นบ่อเกิดของปัญหาหนี้ที่ต้องรีบหาวิธีเคลียร์โดยด่วนก่อนที่พายุฝนฟ้าคะนองธรรมดาจะกลายไปเป็นพายุไซโคลนหรือเฮอร์ริเคนที่จะพัดพาทุกอย่างออกไปจากชีวิตเราจนหมดสิ้น
ก่อนอื่นเราต้องจัดระดับความรุนแรงปัญหาหนี้บัตรเครดิตของตัวเราเองก่อน จากนั้นเราถึงค่อยมาคิดว่าจะใช้วิธีใดในการเคลียร์หนี้บัตรเครดิตอย่างได้ผล ดังนั้นเราจะมาแบ่งระดับหนี้บัตรเครดิตตามความรุนแรงออกเป็น 3 ระดับด้วยกันค่ะ
1.ยอดหนี้ไม่มาก จ่ายได้มากกว่าขั้นต่ำ
หนี้บัตรเครดิตในระดับนี้ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ไม่รุนแรงมาก แม้ว่าจะไม่มีเงินพอที่จะจ่ายเต็มจำนวนหนี้ก็ตาม แต่เนื่องจากยอดหนี้ไม่สูงมาก ยังมีความสามารถในการจ่ายได้มากกว่าขั้นต่ำอยู่ วิธีการเคลียร์หนี้เพื่อไม่ให้หนี้ก้อนเล็กกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต ก็คือ ต้องรีบจ่ายคืนหนี้ให้เร็วที่สุด วิธีที่ทำแล้วได้ผลดีที่สุดก็คือให้รัดเข็มขัด ลดการใช้จ่ายลงทันที ด้วยการไม่รูดบัตรเครดิตในสิ่งที่ฟุ่มเฟือยหรือไม่จำเป็น พอเงินเดือนออกหรือมีรายได้ให้รีบนำมาจ่ายคืนหนี้บัตรเครดิตนี้ทันที เพราะเมื่อยอดหนี้ลดลงดอกเบี้ยก็จะลดลงตามไปด้วย ทำให้หนี้ไม่ทบต้นและสามารถจ่ายคืนหมดได้ในเวลาอันสั้นเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น หลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดอย่างเด็ดขาดว่าหนี้บัตรเครดิตของเรายังไม่รุนแรงอยู่ในระดับต่ำสุด แบบนี้ไม่ซีเรียส ยังคงใช้จ่ายได้ตามปกติ เลือกที่จะผ่อนจ่ายสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ เพราะหากคิดแบบนั้นรับรองว่าปัญหาหนี้ของคุณจะเพิ่มระดับความรุนแรงจนแก้ไขได้ยากขึ้นในไม่ช้าอย่างแน่นอน
2. จ่ายได้แค่ขั้นต่ำ
หนี้บัตรเครดิตที่เรามีความสามารถจ่ายได้แค่ขั้นต่ำเริ่มส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง เหมือนลมที่เริ่มพัดแรง ฟ้าที่เริ่มมืดครึ้ม เราพอจะเดาได้เลยว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น การไม่รีบวิ่งเข้าหาที่กำบังหรือเตรียมร่มและเสื้อกันฝนให้พร้อม ก็แน่นอนว่าเราต้องเปียกปอนจากฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เราสามารถจ่ายบัตรเครดิตได้เพียงแค่ขั้นต่ำ นั่นแปลว่าปัญหาหนี้ของเราเริ่มรุนแรงแล้ว เพราะเป็นสถานะสุดท้ายที่ถ้าไม่ไหวอีกก็จะเป็นปัญหากลายเป็นหนี้เสียได้ไม่ยาก สำหรับวิธีจัดการหนี้บัตรเครดิตในขั้นที่เราจ่ายเพียงแค่ขั้นต่ำได้ไหวเท่านั้น ก็คือให้จ่ายแค่ขั้นต่ำไปก่อน ในขณะเดียวกันต้องหาช่องทางในการหาเงินเพิ่มเพื่อมาจ่ายหนี้ให้ได้มากขึ้น หนี้จะได้หมดเร็วขึ้น เช่น ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น หาอาชีพเสริมทำเพื่อให้มีรายได้เพิ่ม นำข้าวของที่พอมีมูลค่าออกขายเพื่อให้ได้เงินสดมาจ่ายหนี้ ถ้าเป็นไปได้ลองหยิบยืมเงินจากคนในครอบครัวเพื่อจ่ายคืนหนี้ไปก่อน เพื่อไม่ได้ดอกเบี้ยทบต้นกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่ต้องจ่ายอีกนาน บางครั้งเป็นปีกว่าหนี้จะหมด สำคัญตรงที่ไม่ควรรูดบัตรเครดิตเพื่อก่อหนี้เพิ่มจนกว่าจะเคลียร์หนี้ก้อนเก่าให้หมดก่อน
ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพ ถ้าเราเป็นหนี้บัตรเครดิตที่ 100,000 บาท ขั้นต่ำที่ต้องจ่ายรายเดือนจะตกที่ 10,000 บาท โดยส่วนหนึ่งจะเป็นดอกเบี้ย ส่วนหนึ่งจะไปตัดเงินต้น ถ้าเราไม่รูดใหม่ จ่ายขั้นต่ำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ น่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งปีหนี้ก็จะหมดได้
3. ยอดหนี้เยอะ แม้ขั้นต่ำรายเดือนก็จ่ายไม่ไหว
หนี้บัตรเครดิตถ้าตราบใดที่ลูกหนี้สามารถจ่ายขั้นต่ำไปได้เรื่อย ๆ ธนาคารเขาก็ไม่มีปัญหาอะไร เขากลับยิ้มเสียอีกเพราะจะได้กินดอกเบี้ยจากเราไปเรื่อย ๆ แต่ธนาคารจะเริ่มมีปัญหากับเราเมื่อเราไม่สามารถจ่ายขั้นต่ำไหว หนี้ในระดับหนี้ถือว่ามีความรุนแรงมากแล้ว ถ้าไม่จ่ายหนี้บัตรเครดิต 90 วัน หรือ 3 งวด หนี้จะกลายเป็นหนี้เสีย ส่งผลต่อเครดิตของลูกหนี้ ธนาคารจะเริ่มติดตามหนี้ ถ้ายังไม่มีจ่ายก็จะเลยไปถึงขั้นตอนของการส่งฟ้องศาล อาจต้องมีการอายัดเงินเดือนเพื่อนำไปใช้หนี้เป็นเรื่องราวใหญ่โตเหมือนพายุลูกใหญ่ที่อาจพัดพาทุกสิ่งให้ออกไปจากชีวิตของเราได้เลย
ส่วนใหญ่หนี้บัตรเครดิตที่จ่ายขั้นต่ำไม่ไหวมักเกิดจากการมีบัตรเครดิตหลายใบ เพราะลำพังแค่วงเงินในบัตรเครดิตใบเดียวน่าจะไม่สร้างปัญหาให้ถึงขนาดจ่ายขั้นต่ำก็ยังไม่ไหวได้ แต่ถ้ามีบัตรเครดิตหลายใบ ทุกใบรูดเต็มวงเงิน หนี้ที่ตามมาจะเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่ลำพังเงินเดือนอันน้อยนิดจ่ายไม่ไหวแน่ ๆ
สำหรับวิธีในการแก้ปัญหาหนี้ที่มียอดเยอะ จ่ายขั้นต่ำก็ยังไม่ไหว มีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน
- วิธีแรกคือปล่อยให้เป็นหนี้เสียไปเลย ถึงเวลาธนาคารจะส่งฟ้อง เราก็ไปตามขั้นตอนของศาล ถึงเวลามีโอกาสลดยอดหนี้ลงได้ แต่ในระหว่างนั้นต้องเก็บเงินให้ได้มากที่สุด หรือหาช่องทางในการหาเงินสดมาเพิ่มเพื่อถึงเวลามีเงินก้อนปิดหนี้ได้ทันที เรื่องหนี้ก็จะเคลียร์จบได้ง่าย ๆ แต่วิธีนี้มีข้อเสียตรงที่ประวัติในเครดิตบูโรของเราจะไม่ดี ในอนาคต (ไม่เกิน 3 ปี) หากต้องกู้เงินเพื่อซื้อบ้านหรือขอสินเชื่ออย่างอื่นก็จะยากที่จะได้รับการอนุมัติ
- อีกวิธีเป็นการรวมหนี้บัตรเครดิตให้เป็นก้อนเดียว ทำเรื่องขอกู้รีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิตเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อนำไปปิดหนี้ เป็นการเปลี่ยนจากหนี้ที่จัดการไม่ได้ให้เป็นหนี้ที่จัดการได้ ในระยะยาวแม้ว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายสำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลจะสูงกว่าก็ตาม แต่การเลือกผ่อนจ่ายรายเดือนที่เหมาะสมกับรายได้ก็ทำให้ชีวิตเราผ่อนคลายมากขึ้น แต่ที่ท่องไว้ในใจให้แม่นก็คือเราต้องรับผิดชอบจ่ายคืนหนี้ก้อนหนี้ให้หมดอย่างมีวินัย ในระหว่างนั้นไม่ควรก่อหนี้ใหม่ขึ้นเด็ดขาด เพราะจะกลายเป็นปัญหาหนี้ใหม่ที่ไม่มีวันแก้ได้จบ
ปัญหาหนี้บัตรเครดิตเป็นเรื่องที่ใครเป็นคนก่อ ก็จะต้องเป็นคนรับผิดชอบ แต่ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะทำให้ชีวิตของเราจบลง หากวางแผนและจัดการให้ดี ไม่ว่าหนี้จะอยู่ในระดับรุนแรงแค่ไหนก็มีวิธีจัดการอย่างได้ผลแน่นอน ขอเพียงแค่มีความตั้งใจที่อยากจะเคลียร์หนี้จริง ๆ เท่านั้น