การทำบัญชีรายรับ – รายจ่ายในแต่ละวันนั้นนับว่าเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก นอกจากจะช่วยให้เรารู้จักการบริหารเงินได้มากขึ้น แล้วยังช่วยเป็นเครื่องมือในการควบคุมค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนของเราได้อีกด้วย เพราะในบางครั้งเราไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าเงินเราออกไปทางไหนบ้าง จนทำให้หลาย ๆ ครั้งมักจะมีปัญหาเรื่องเงินขาดมือหรือเงินติดลบบ้างในแต่ละเดือน ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการทำงบประมาณรายวันหรือจัดทำบัญชีครัวเรือน (รายรับ-รายจ่าย) ในแต่ละวัน
การทำบัญชีรายรับ – รายจ่ายนั้น ถือว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวของเรามากที่สุด ซึ่งเราสามารถทำได้ทันที ขั้นตอนการบันทึกก็ไม่มีความยุ่งยากเลยแม้แต่น้อย และในปัจจุบันการทำบัญชีบันทึกรายรับ – รายจ่ายนั้นมีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก เพราะมีโปรแกรมให้คุณสามารถโหลดได้ฟรีที่ http://k-expert.askkbank.com หรือหากใครที่ไม่สะดวกในการโหลดก็อาจจะทำเป็นตารางง่าย ๆ แบบที่ผู้เขียนได้นำเสนอไว้ สำหรับการแบ่งแยกตารางมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้
- การจดบันทึกเป็นตัวเงิน เช่น เงินเดือน เงินที่ได้จากการขายสินค้า เงินที่ได้จากงานเขียน
- การจดบันทึกค่าใช้จ่ายรายวัน เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าห้อง ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ ค่าของใช้เบ็ดเตล็ดต่าง ๆ
นอกจากการทำบัญชีบันทึกรายรับรายจ่ายแล้ว บางคนอาจจะใช้วิธีการทำงบประมาณรายวัน ซึ่งก็คือการกำหนดค่าใช้จ่ายในแต่ละวันและเราจะต้องใช้จ่ายไม่ให้เกินวงเงินที่กำหนด ยกตัวอย่างเช่น เรากำหนดให้ค่าใช้จ่ายรวมกันแล้วใน 1 เดือน ไม่เกิน 9,000 บาท นั่นหมายความว่าต่อวันเราสามารถใช้ได้เพียงแค่ 300 บาท นั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม : แนะนำ+รีวิว พอเพียง แอพบันทึกรายรับ – รายจ่าย
หลาย ๆ คนมองว่าแล้วทำไมเราต้องทำงบประมาณรายรับ-รายจ่ายด้วยล่ะ ทำแล้วได้ผลจริงหรือเปล่า สาเหตุที่เราต้องทำงบประมาณรายรับ-รายจ่าย ก็เพราะว่ารายได้และรายจ่ายของแต่ละคนในแต่ละเดือนนั้นมีความแตกต่างกันออกไปบางคนอาจจะมีรายได้เพิ่มเข้ามาแต่กลับบางคนอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มเข้ามา อย่างเช่น การผ่อนชำระค่าบัตรเครดิต การชำระหนี้กองทุนเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นมา หากเราไม่มีการวางแผนไว้ก่อน ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจจะหมดไปได้โดยง่าย
ดังนั้นการจัดทำงบรายรับ-รายจ่าย จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีรายได้ไม่ประจำ อย่างเช่น อาชีพฟรีแลนซ์และคนที่ทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีรายได้ที่ไม่แน่นอนแต่รายจ่ายกลับเท่าเดิมหรืออาจจะเพิ่มเข้ามาได้ ซึ่งหากใครที่อยู่ในกลุ่มนี้ เชื่อได้เลยค่ะว่า เราไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าเงินที่หามาได้นั้นจะเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนหรือไม่ สำหรับการจัดทำงบประมาณของผู้ที่มีรายได้ไม่ประจำนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
1.จัดทำงบประมาณค่าใช้จ่ายเป็นอันดับแรก โดยทั่วไปแล้วค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนนั้นมีความแน่นอนค่อนข้างสูงและมีการกำหนดตัวเลขที่แน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งในแต่ละเดือนเราพอที่รู้อยู่แล้วว่าเรามีภาระค่าใช้จ่ายในส่วนไหนบ้าง
2.ประมาณรายรับขั้นต่ำที่เข้ามาในแต่ละเดือน เพราะส่วนใหญ่ทั้งสองอาชีพนั้นรายได้ขึ้นอยู่กับปริมาณงานที่รับและสินค้าที่ขายได้ในแต่ละเดือน บางเดือนได้เยอะบางเดือนได้น้อย ดังนั้นการประมาณรายรับขั้นต่ำที่ได้มากนั้นจะช่วยให้เราสามารถวางแผนและบริหารเงินได้อย่างเหมาะสม
3.ช่วงเวลาที่ได้รับรายได้ เมื่อเราทราบช่วงเวลาที่ชัดเจนจะช่วยป้องกันปัญหาเงินขาดมือได้
4.จัดทำงบสำรองฉุกเฉิน 3 เดือนเป็นอย่างน้อย เผื่อไว้ใช้ในกรณีที่รายได้ของเรามีไม่เพียงพอ ต่อค่าใช้จ่ายของเดือนนั้น ๆ เมื่อทำการหยิบยืมในส่วนนี้ไปก็ต้องเติมเงินในส่วนที่ยืมลงไปด้วย วิธีนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องไปหยิบยืมเงินของครอบครัว
5.แยกค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้ชัดเจน การเริ่มจัดงบประมาณรายรับ – รายจ่ายหลักสำคัญที่สุด ก็คือ เงินค่าใช้จ่ายส่วนตัวกับเงินส่วนของการลงทุนในการค้าขายจะต้องแบ่งแยกกันให้ชัดเจน ไม่ควรนำมาปะปนไว้ในกระเป๋าเดียวกัน ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ได้แก่ ค่าอาหาร ค่ารถ ค่าเช่าบ้าน ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ ค่าของใช้เบ็ดเตล็ด เป็นต้น
การบันทึกรายรับ – รายจ่ายในแต่ละวัน นับว่าเป็นประโยชน์อย่างมากที่จะช่วยทำให้เรารู้ถึงข้อบกพร่องทางการเงินที่ดี ว่ามีส่วนไหนบ้างที่เราต้องลดและเลิก พฤติกรรมที่ฟุ่มเฟือยรู้จักการใช้เงินอย่างระมัดระวังและรัดกุมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เรารู้จักการวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างถูกวิธี และช่วยให้เรานั้นมีระเบียบวินัยในการใช้เงินเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ฝันอยากจะเป็นคนที่ร่ำรวย เป็นเศรษฐี ก็ต้องรู้จักการทำงบประมาณรายรับ-รายจ่ายให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรู้จักควบคุมค่าใช้จ่ายในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม หากใครได้ทำตามนี้รับรองได้เลยว่ามีเงินเหลือเก็บอย่างแน่นอน