หนึ่งในความทุกข์ของชีวิตหนุ่มสาวในยุคปัจจุบันที่บางคนอาจจะมีการหลงระเริงไปกับการใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุหร่าย เพราะในปัจจุบันนี้ธนาคารต่างๆ มีกลยุทธ์ที่น่ายั่วยวนใจมากมาย ทำให้พนักงานออฟฟิศที่เพิ่งจบออกมาจากรั้วมหาลัยหมาดๆ นั้นได้ลิ้มรสกับการใช้บัตรเครดิตที่เปรียบได้ดั่งบัตรวิเศษ สามารถบันดาลให้ทุกสิ่งที่ต้องการได้ด้วยการรูดแค่ครั้งเดียว การใช้บัตรเครดิตนั้นเหมือนนำเงินในอนาคตออกมาใช้ และถ้าคุณใช้อย่างผิดวิธีไม่รู้จักวางแผนแล้วล่ะก็ ผลที่ตามมานั้นใหญ่หลวงนัก คุณจะเป็นหนี้ธนาคารที่คิดดอกเบี้ยถึงร้อยละยี่สิบเลยทีเดียว และนี่คือประสบการณ์จริงที่อยากมาเตือนไว้ให้เป็นอุธาหรณ์กับคนรุ่นใหม่ที่ใช้จ่ายอย่างไม่คิดหน้าระวังหลังในการใช้บัตรเครดิตและการเป็นหนี้สินเชื่อบ้าน
- หนี้ครั้งแรกในชีวิตนั้นย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เป็นหนี้ของธนาคารไทยพานิชย์โดยมีวงเงิน บัตรเครดิต 1 หมื่นบาท โดยใช้จ่ายบัตรเกือบเต็มวงเงิน แล้วหนีหนี้ไม่ยอมจ่าย แต่ด้วยเมื่อสมัยก่อนนั้นยังไม่มีเครดิตบุโร ทำให้ไม่ต้องขึ้นบัญชีดำแต่อย่างสมัยนี้คงจะหนีไม่พ้นเป็นแน่
- หลังจากเป็นหนี้บัตรเครคิตของธนาคารสีม่วงแล้ว ต่อมาเป็นหนี้กับธนาคารซิตี้แบงค์จากบัตรกดเงินสดและบัตรเครดิต มีการขอ re finance แบบชำระเงินให้ ธนาคารเลยไม่ฟ้องแต่ได้โดยขึ้นบัญชีดำไว้
- ต่อมาทางธนาคารซิตี้แบงค์ขอปรับปรุงโดยเป็นหนี้เพิ่มกับธนาคารยูโอบี เพื่อทำให้เรื่องจบ มีความจำเป็นต้องพยายามปิดทั้งสองบัญชีทั้งบัตรเครติดและบัตรเงินสด โดยตัดสินใจว่าจะกู้เงินจากธนาคารไทยทนุแทน ดังนั้นตอนนี้ไม่เป็นหนี้กับธนาคารซิตี้แบงค์แล้ว แต่มาเป็นหนี้ธนาคารไทยทนุแทน สุดท้ายได้เข้าไปขอประนอมหนี้เพื่อปิดยอดเงิน โดยธนาคารตกลงที่จะลดให้มากถึง 60% แม้จะใช้เวลานานแต่สุดท้ายก็สามารถปิดบัญชีได้
- ต่อมาได้เป็นหนี้กับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์ตเตอร์โดยเป็นหนี้กับบัตร 2 ใบด้วยกันได้แก่ บัตรเงินสดและ บัตรเครดิต สุดท้ายก็สามารถปิดไปได้ 1 บัญชี ในปี 2010 บริษัทฯ Acon โทรมาแจ้งว่าเป็นหนี้กับเค้าแทนธนาคารสแตนดาร์ดชาร์ตเตอร์เพราะบริษัท Acon ได้ซื้อหนี้มา โดยเอายอดปิดมารวมกันเป็นจำนวนหลายหมื่น บริษัท Aconโทรมาตามที่ทำงาน ทำให้เกิดความอับอาย มีการแจ้งความกันหลายรอบ
- ต่อมาเป็นหนี้กับธนาคารฮ่องกงแบงค์ โดยได้มีการชำระขั้นต่ำไป แต่จ่ายขาดแค่เศษสตางค์เดียว แบงค์เลยระงับบัตร ยังมีวงเงินเหลือค้าง เลยตัดสินใจที่จะเจรจาเพื่อปิดยอดเงิน ได้ยอดเงินลดไปอีก 60% ธนาคารตกลงประนอมหนี้และสุดท้ายสามารถปิดบัญชีได้
- หลังจากนั้นก็ทำบัตรกับธนาคารเอเชีย บัตรนี้ให้วงเงินเยอะสุด
- หลังจากนั้นเป็นหนี้กับธนาคารกรุงไทย โดยทั้งโดนฟ้อง โดยอายัติเงินเดือน แต่หนีลาออกมาก่อน แล้วค่อยขอเจรจาเพื่อปิดยอดเงินลด ธนาคารตกลงและปิดบัญชีได้
- หลังจากนั้นเป็นหนี้ทั้งบัตร First Choice และบัตร Central ทั้งสองบัตร ปิดจบได้หมด แต่โดนตามหนี้
จากทุกธนาคารที่เป็นหนี้นั้นวงเงินไม่ได้สูง ประมาณหนึ่งหมื่นห้าถึงสี่หมื่นบาท ตอนแรกไม่คิดจะปล่อยให้เป็นหนี้ขนาดนี้โดยจะยอมจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อยๆ แต่เงินไม่เคยเหลือใช้ในมือ ต้องไปกดออกมาใหม่วนๆ ไปเป็นแบบนี้ตลอด จนมีอยู่ช่วงนึงต้องไปทำงานไกลมาก ต้องลางาน 1 วันเพื่อวิ่งจ่ายขั้นต่ำให้ครบทุกธนาคาร เพราะยังไม่มีการจ่ายทางอื่น นอกจากจ่ายผ่านเคาน์เตอร์ของธนาคาร แล้วต้องขับรถไปกลับ 20 กว่ากิโล ตอนหลังเลยไม่ไหว เลยตัดสินใจปล่อยทิ้งหมดทุกบัญชี
สิ่งที่เรียนรู้จากเรื่องราวนี้
ถ้ากลับไปแก้ไขได้ ก็คงปล่อยทุกธนาคารแต่ต้องเหลือไว้ 1 ใบเพื่อให้มีใช้บ้าง เพราะเวลาเดินทางแล้วเค้าถามหาบัตรเครดิต หรือเช่ารถ จะมีปัญหามาก ทำให้เราพลาดโอกาสหลายอย่าง หลังจากนั้นก็ระงับใจแล้วไม่มีบัตรเครดิตเลยตลอด25 ปี เพราะกว่าจะปิดจบลบเครดิตบุโรใช้เวลานานมาก มีช่วงที่ต้องกู้นอกระบบโดยโดนคิดดอกร้อยละ 20 ร้อยละ 10 ร้อยละ 5 เอารถเข้าไฟแนนซ์ไม่รู้กี่รอบ ต้องเร่ร่อนหางานใหม่เรื่อยๆ เพราะโดนตามทวงหนี้ ไม่เคยได้โบนัสกับเค้า เพราะอยู่ไม่ถึงปี ยิ่งทำให้ใช้หนี้ได้ยากขึ้น เอาแค่พยุงชีวิตไปเรื่อย ถ้าตามเจอก็ต้องหนี หางานใหม่ ดีที่งานที่ได้เงินดีขึ้นเรื่อยๆ หางานง่ายกว่าคนอื่น เพราะเป็นคนมีความสามารถ ทำได้ทุกอย่าง หลังจากใช้หนี้หมดก็มีเรื่องเกินขึ้นอีก ดันไปใจดี ไปค้ำประกันเพื่อนที่ทำงาน เพราะอยากให้เพื่อนได้งาน แต่เพื่อนไปทะเลาะกับผู้จัดการ ลาออกไม่ดี ผู้จัดการเอาใบเบิกของตัวอย่างสินค้าทุกใบที่เพื่อนเซ็นต์ มาบวกเป็นความเสียหาย สองแสนกว่าบาท แต่ไม่ไปตามเพื่อนเรา แต่มาตามเราที่เป็นคนค้ำ ส่งหมายศาลมาหักเงินเดือน 30% อีก เราเลย ลาออก ทั้งๆที่เงินดีมาก เพื่อนก็ช่วยแต่ช่วยได้ไม่มาก เงินขนาดนั้น รวมหนี้อื่นๆของตัวเองก็แย่แล้ว สุดท้ายก็โดนฟ้องอีก เพราะเพื่อนคนเดิม ซื้อรถ เพื่อเอาไปทำงาน ให้เราค้ำอีก เราก็ค้ำ จนโดนยึดรถไปแล้วก็ไม่จบ เพราะขายทอดตลาดแล้วไฟแนนท์ขาดทุนก็มาลงที่คนค้ำประกัน สุดท้ายก็ผ่านมาได้ แต่ก็ยังมีหนี้อยู่ แต่หนี้ เพื่อน หนี้ญาติ
ดังนั้นขอแนะนำที่อยากฝากไว้คือ
1.ควรเก็บไว้อย่างน้อยที่สุด 1 บัตรเครดิตเพื่อไว้ใช้จ่ายยามจำเป็นหรือเพื่อการเดินทางไปต่างประเทศ
2.พยายามประนอมหนี้ให้ได้ ควรเข้าไปเจอกับธนาคารและทำข้อตกลงกัน
3.กล้าเผชิญหน้ากับความจริง ทุกเรื่องมีทางออกเสมอ