มีข้อมูลจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ออกมาว่า ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ที่มีอายุอยู่ในช่วง 16-35 ปี เป็นหนี้ 5.24 ล้านคน มูลค่าหนี้รวมกันประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท และพบว่ามีการผิดชำระหนี้ ประมาณ 1.1 ล้านคน และยังพบหนี้เสียอีกประมาณ 20% ถือเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ และไม่แน่ใจว่า ในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับคนกลุ่มนี้ จะมีปัญหาทางการเงินที่เรื้อรังเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากไม่มีการให้ความรู้ทางเงินกับคนกลุ่มนี้ ไม่แน่ว่าจะส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตตอนแก่ ที่ต้องมานั่งแบกรับภาระหนี้สินอันอ่วมอรทัย
จากสถิติของทางการชี้ให้เห็นว่า กระแสอายุน้อยร้อยล้านนั้น เกิดขึ้นกับคนกลุ่มเล็กๆเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ในความเป็นจริง คนอายุน้อยตอนนี้มีหนี้เป็นล้าน คนเป็นหนี้กันเร็วขึ้น และถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป หนี้เสียจะทำให้คนในวัยเกษียณยังมีหนี้อยู่บานเบอะ เพราะภาระดอกเบี้ยที่เดินตลอดเวลา ยิ่งแก่ก็ยิ่งทำงานหารายได้ได้น้อยลงและยากขึ้น จนอาจจะเกิดภาวะแก่ไม่มีกินขึ้นมาก็ได้ เชื่อว่าหลายคนอาจดูเป็นเรื่องตลกและคิดว่าตัวเองคงไม่เป็นอย่างนั้นหรอกมั้ง จึงเลือกที่จะเพิกเฉยและไม่ตระหนักถึงปัญหานี้อย่างจริง เมื่อไม่ตระหนักก็ไม่คิดว่าเป็นปัญหา เมื่อไม่คิดว่าเป็นปัญหา ก็จะไม่คิดหาทางแก้ไข จนเวลาผ่านไปหลายปี ปัญหาเล็กๆสะสมจนเป็นปัญหาใหญ่ให้เห็นชัด ถึงตอนนั้นก็สายเกินแก้หรือแก้ยากเสียแล้ว
ลองมาดูสาเหตุที่ทำให้คนรุ่นใหม่เป็นหนี้กันมากขึ้นและเร็วขึ้น
นั้นเป็นเพราะคนกลุ่มนี้เกิดในช่วงของกระแสบริโภคนิยม เรียกว่าพ่อแม่ได้ผ่านยุคยากลำบากกัดก้อนเกลือกินมาแล้ว รุ่นลูกจึงไม่ต้องลำบากทำงานเหนื่อยยากตั้งแต่เด็ก ทำให้ไม่รู้จักคุณค่าของเงิน มีการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เห็นคนอื่นมีอะไรก็อยากมีอย่างเขาบ้าง ตอนเด็กๆก็อยากได้ของเล่น โทรศัพท์มือถือ ที่ไม่ได้ใช้เงินทองมากมาย พอโตขึ้นสิ่งที่อยากได้ก็ใหญ่ขึ้นและแพงขึ้น และการอยู่ในสังคมคนวัยทำงานก็ต้องมีเรื่องหน้าตา เกียรติยศ ศักดิ์ศรีเพิ่มเข้ามาอีก ทำให้รายได้ไม่ตามไม่ทันรายจ่าย สุดท้ายลงเอยด้วยการเป็นหนี้ นอกจากนี้ช่องทางที่จะเข้าถึงแหล่งเงินกู้ก็สะดวกและมีมากมาย เพราะสถาบันการเงินทั้งหลายต่างก็ออกโฆษณามาจูงใจ ทำให้การเป็นหนี้ทำได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น เหนืออื่นคนเป็นหนี้ก็ยังขาดความรู้ทางการเงิน ไม่มีการวางแผนการเงินที่ดี เมื่อเวลาผ่านไป ปัญหาก็ค่อยๆใหญ่ขึ้น หนี้ก้อนโตขึ้น ยิ่งถึงวัยมีครอบครัว ภาระก็เพิ่มขึ้น กลายเป็นหนี้เก่าก็ยังชดใช้ไม่หมด หนี้ใหม่ก็ต้องกู้เข้ามาเพิ่ม สุดท้ายที่ผ่อนชำระไปกลายเป็นส่งดอกเบี้ยให้เขาฟรีๆ
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาทางการเงิน
คงต้องเริ่มที่การมีความรู้ทางการเงิน การมีความรู้เกี่ยวกับหลักปรัชญาดำเนินชีวิตที่พอเพียงและพอดี การมีความรู้ทางการเงินจะทำให้เรารู้จักวางแผนการใช้เงิน ออมเงิน เมื่อทำแผนออกมาแล้วเราจะเห็นภาพว่าในอนาคตโอกาสในการกาเงินของเรามีมากน้อยแค่ไหน จะได้วางแผนออมเงินและลงทุนเผื่อเอาไว้ นอกจากนี้การวางแผนทางการเงินยังช่วยให้เรานำผลิตภัณฑ์ทางการเงินมาใช้อย่างเหมาะสมและตรงตามวัตถุประสงค์อีกด้วย การมีความรู้ความเข้าเกี่ยวกับหลักปรัชญาในการดำรงชีวิต จะช่วยทำให้เราเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ชีวิตส่วนไหนที่สำคัญ ส่วนไหนที่ฟุ้งเฟ้อ สอนให้เรารู้จักและเข้าใจธรรมชาติของตนเองและคนอื่น ทำให้ไม่ตกเป็นเหยื่อของกระแสสังคม และตกเป็นเหยื่อของระบบทุนนิยม การมีความรู้ทั้งสองแขนงนี้จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตและจัดการเรื่องเงินได้อย่างเหมาะสม ทั้งสองสิ่งนี้เกื้อกูลกัน
กล่าวโดยสรุป การเป็นหนี้ไม่ใช่สิ่งต้องห้าม แต่ต้องทำด้วยความรู้ความเข้าใจและทำอย่างเป็นประโยชน์ คุ้มค่า ไม่ใช่เป็นหนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง หรือเห่อตามกระแสสังคม การเป็นหนี้นั้น เดี๋ยวนี้เป็นกันง่ายๆ แต่การจะหมดหนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะธรรมชาติของมนาญืนั้น ไม่รู้จักพอ หากไม่รู้จักข่มใจ ก็จะมีเรื่องให้เราได้ใช้จ่ายได้อย่างไม่มีวันหมด หลักการง่ายๆจำไว้ให้ขึ้นใจ หากยังไม่พร้อม ต้องไม่สร้างหนี้