กระแสข่าวการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ Vat 7% มีให้ได้ยินกันอยู่เป็นระยะ ๆ ว่า ภาครัฐควรขึ้นเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม แต่ต้องไม่กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน เพราะการขึ้นแวตก็เท่ากับว่า ประชาชนต้องแบกรับภาระในการจับจ่ายหรือการใช้บริการต่าง ๆ มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งอาจทำให้การใช้จ่ายในแต่ละครั้งต้องมีการประเมินความคุ้มค่า หรือจ่ายน้อยลง ซึ่งย่อมส่งผลต่อความคล่องตัวทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างแน่นอน
ประเด็นนี้สร้างความชัดเจนให้กับประชาชน เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 60 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 646) พ.ศ.2560 มีรายละเอียดระบุว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ.2534 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวล รัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 646) พ.ศ. 2560”
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2560 เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 65/2559 เรื่อง การลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2559
มาตรา 4 ให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร และคงจัดเก็บในอัตรา ดังต่อไปนี้
- (1) ร้อยละหกจุดสาม สําหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนําเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิด ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561
- (2) ร้อยละเก้า สําหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนําเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิด ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป
มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
สำหรับประเด็นตามมาตรา 4 (1) ที่ให้คงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 6.3 นั้น นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ได้ออกมาชี้แจงเพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจว่า การประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น ยังไม่ได้รวมภาษีท้องถิ่นอีก 10% ของ 7% เมื่อคำนวณออกมาแล้วก็จะเท่ากับ 0.7% และเมื่อนำมารวมกับภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้ประกาศไว้อีก 6.3% ก็จะเท่ากับ 7% พอดี จึงไม่อยากให้ประชาชนตีความหมายผิด เพราะเป็นภาษาทางกฎหมาย และให้เข้าใจว่าในการเก็บภาษีมูลเพิ่มทุกครั้ง จะมีการรวมภาษีท้องถิ่นอีก 10% เข้าไปด้วย
สำหรับการคงแวตที่ 7% นี้ จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 60 – 30 ก.ย. 61 ส่วนหลังจากนั้นแวตจะขึ้นเป็น 9% อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนรอฟังประกาศจากรัฐบาลอีกครั้ง เพราะหลายสิบปีที่ผ่านมาภาษีมูลค่าเพิ่มในไทยก็ยังคงอยู่ที่ 7% และทุกรัฐบาลก็ขอต่ออายุแวตมาโดยตลอด
ถือเป็นข่าวดีที่ยังคงสร้างรอยยิ้มให้กับประชาชนได้ต่อไป เพราะหากมีการขึ้นแวต ก็เท่ากับประชาชนก็ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากขึ้นเป็นเงาตามตัวอย่างปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน