ผ่านพ้นไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย สำหรับพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ หรือในหลวงของปวงชน ซึ่งบรรยากาศที่ผ่านมาก็เป็นไปด้วยความโศกเศร้าอย่างเหลือคณานับ
โดยภายหลังจากที่พระราชพิธีดังกล่าวได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทางรัฐบาล ก็มีนโยบายจัดงานนิทรรศการ “พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”ที่พระเมรุมาศให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชมกัน ซึ่งนิทรรศการดังกล่าวได้เปิดอย่างเป็นทางการไปแล้วในวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เมื่อเวลา 07.00 น. โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์ประธานในพิธีเปิด และได้เสด็จพระราชดำเนินชมนิทรรศการภายในพระเมรุมาศ กับภายในอาคารประกอบอื่นๆ พร้อมทั้งทรงพอพระราชหฤทัยกับนิทรรศการเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นจึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ แล้วจึงได้เริ่มต้นเปิดนิทรรศการให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมกัน
ก่อนนิทรรศการภายในพระเมรุมาศร.9 จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับกฎระเบียบต่างๆ ที่ประชาชนผู้อยากเข้าชมนิทรรศการต้องปฏิบัติตาม อันมีดังต่อไปนี้
- ผู้เข้าชมต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพ ไม่สวมกางเกงยีนส์ เสื้อที่ไม่มีแขน เสื้อรัดรูป รวมทั้งชุดที่มีสีอันไม่สุภาพ ในส่วนของสุภาพสตรี ต้องสวมกระโปรงที่สุภาพเท่านั้น อย่าใส่กางเกง
- สามารถนำกล้องทุกชนิดเข้างานนิทรรศการได้ โดยต้องถ่ายภาพในจุดที่กำหนดให้เท่านั้น
- ห้ามถ่ายรูปในลักษณะที่ไม่สำรวม เช่น เซลฟี่ การถ่ายรูปชูสองนิ้ว กระโดด เป็นต้น
- ระหว่างการชมนิทรรศการ ห้ามถ่ายทอดสดในทุกแอพพลิเคชั่น
- ห้ามเข้าไปในจุดที่ไม่ได้เปิดให้เข้าชมโดยพลการ
หากผู้เข้าชมนิทรรศการฝ่าฝืนกฎข้อใดข้อหนึ่ง เจ้าหน้าที่จะเชิญตัวออกจากนิทรรศการทันที
ก่อนการเข้าชม ผู้เข้าชมทุกท่านจะต้องเข้าแถวเพื่อลงทะเบียนยืนยันตัวตน พร้อมทั้งรับบัตรสีสำหรับติดตัว น้ำดื่ม และแผ่นพับที่ระลึกงานพระราชพิธีฯ บัตรสีดังกล่าวถือเป็นของสำคัญ เนื่องจากจะเป็นตัวใช้กำหนดว่าเวลาไหนจะต้องออก ยกตัวอย่างเช่น หากเราได้รับบัตรสีเขียวติดตัว เราก็จะสามารถเข้าชมนิทรรศการได้พักหนึ่ง หากครบกำหนดเวลา เจ้าหน้าที่จะประกาศให้ผู้มีบัตรสีเขียวออกจากพื้นที่ทันที และผู้ที่ได้บัตรสีน้ำเงิน ก็จะเข้าชมนิทรรศการต่อจากเรา เป็นต้น ในส่วนนี้ผู้เขียนคิดว่าเป็นการจัดการที่ดี เพราะผู้ที่มาทีหลัง จะไม่มีสิทธิลักไก่มาแซงคิวคนมาก่อนได้เลยไม่ว่ากรณีใดๆ ซึ่งระยะเวลาเข้าชมนิทรรศการภายในพระเมรุมาศนี้จะอยู่ที่ 1 ชั่วโมงต่อรอบ แต่ละรอบจะเปิดให้ผู้คนเข้าชมได้รอบละ 5,000 คน
เมื่อเรารับของที่จุดลงทะเบียนเสร็จแล้ว ก็จะต้องเข้าแถวเพื่อไปยังเต้นท์ที่ถูกจัดไว้ หลังจากนี้จะต้องนั่งรอที่เต้นท์พักหนึ่ง จนกว่าเจ้าหน้าที่จะประกาศว่าให้ตั้งแถวเพื่อไปยังพระเมรุมาศได้ เราจึงจะลุกขึ้นยืน ตั้งแถวให้เป็นระเบียบ แล้วค่อยๆ เดินไปที่ลานด้านหน้าพระเมรุมาศ หากผ่านขั้นตอนนี้ไปได้ ทีนี้เวลาทั้งหมดจะเป็นของเรา เราสามารถเดินชมพระเมรุมาศ และนิทรรศการที่จัดภายในอาคารประกอบได้ โดยต้องอยู่ในที่ๆ ได้รับอนุญาตด้วย ซึ่งจุดที่ไม่ได้มีการอนุญาตให้เข้าชม ได้แก่ ชั้น 1, ชั้น 2 ของพระเมรุมาศ และพระที่นั่งทรงธรรม เพราะฉะนั้นหากต้องการถ่ายรูปเก็บรายละเอียดบริเวณพระเมรุมาศ อาจจะต้องใช้วิธีซูมกล้องถ่ายเอา
ที่พระเมรุมาศ ซึ่งเป็นอาคารทรงบุษบกนั้น รายล้อมด้วยเมรุทิศทั้งหมด 8 หลัง เมื่อรวมกับอาคารประธานก็จะเป็น 9 ยอดด้วยกัน บริเวณรอบๆ มีการประดับประติมากรรมเทวดา นาค สัตว์ในตำนาน และจตุโลกบาล รวมถึงมีการจำลองป่าหิมพานต์มาไว้ที่ฐานล่างสุดด้วย พระเมรุมาศทั้งองค์ประดับสีทอง หากถ่ายรูปในจุดที่แสงอาทิตย์สาดพอดี จะแลเห็นพระเมรุมาศเป็นสีทองอร่ามทั้งองค์ นับว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามวิจิตรอย่างสูง
อีกสิ่งหนึ่งที่นับว่าเป็นงานศิลปกรรมที่วิจิตร ก็คือ ฉากบังเพลิง ซึ่งมีการเขียนเป็นภาพอวตารของพระวิษณุทั้งหมด 8 ปางด้วยกัน ด้านล่างของฉากเขียนเป็นภาพสิ่งที่ในหลวงทรงสร้างไว้ หากมีโอกาส ขอแนะนำให้ผู้เยี่ยมชมลองสังเกตจุดนี้ด้วย
ส่วนที่อาคารประกอบทั้ง 4 มุมของพระเมรุมาศ ก็ได้มีการจัดนิทรรศการที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระบวนการสร้างพระเมรุมาศ เช่น งานประติมากรรม งานจิตรกรรม งานสถาปัตยกรรม และงานประดับอื่นๆ ในวันที่ผู้เขียนได้เข้าชมนั้น ได้มีโอกาสเข้าไปเพียงในซุ้มประติมากรรมและซุ้มงานประดับเท่านั้น หลังจากนั้นเวลาก็หมดลง จึงจำเป็นต้องออกจากงานก่อน นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ซึ่งหากท่านใดมีโอกาสได้ไปนิทรรศการนี้ ขอแนะนำว่าให้เข้าชมนิทรรศการทั้ง 4 ก่อน แล้วค่อยมาชมพระเมรุมาศ เพราะไม่เช่นนั้นท่านอาจเผลอดื่มด่ำกับความงามของพระเมรุมาศ จนเวลาหมดเหมือนกับผู้เขียนก็เป็นได้
ในส่วนของพระที่นั่งทรงธรรมนั้น ไม่ได้มีการเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม สิ่งที่สามารถชมได้ที่พระที่นั่งนี้ คือ ประติมากรรมสุนัขทรงเลี้ยงของในหลวง ได้แก่ คุณทองแดง และคุณโจโฉ ซึ่งถือเป็นประติมากรรมที่มีสุนทรียะสูง ดูมีชีวิตจิตใจอย่างยิ่ง ไม่ควรพลาดการเยี่ยมชม
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็คือ รีวิวฉบับย่นย่อ ของการเข้าชมนิทรรศการพระเมรุมาศร.9 จากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน และจากกระทู้พันทิป “มาเล่าประสบการณ์ การเข้าชมนิทรรศการพระเมรุมาศครับ” https://pantip.com/topic/37044171 หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการเข้าชมนิทรรศการดังกล่าวบ้าง ไม่มากก็น้อย