แทบจะทุกครัวเรือนเราจะเห็นว่าบ้านและรถยนต์เป็นหนี้สินอันดับต้น ๆ ที่คนส่วนใหญ่ยอมเป็นหนี้ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความจำเป็นต้องซื้อ แต่อย่างไรก็ตามก่อนจะซื้อบ้านหรือรถยนต์ควรมีหลักคิดในการประกอบการตัดสินใจที่ดี
หนี้บ้าน
- ความสามารถในการผ่อนชำระ
ค่าใช้จ่ายที่เราต้องเสียไปเพื่อการเป็นเจ้าของบ้านสักหลังนั้น ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ หากคุณคิดที่จะเป็นเจ้าของบ้านสักหลัง สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือความสามารถในการผ่อนชำระ เพราะสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อจะพิจารณาความสามารถของผู้กู้เป็นหลัก ในการนี้จะรวมถึงความสามารถของผู้กู้ รวมตั้งแต่ค่าผ่อนบ้าน รายได้ประจำเดือน ประวัติการผ่อนชำระหนี้สินอื่น ๆ จะถูกบันทึกไว้ในเครดิตบูโร เงินสดในมือที่จะต้องจ่ายเพื่อการดาวน์บ้าน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าคุณมีความสามารถในการผ่อนบ้านได้หรือไม่
- รายได้ในอนาคต
นอกจากจะพิจารณาเรื่องความสามารถในการชำระเงินในปัจจุบันแล้ว เรายังควรต้องพิจารณาถึงรายได้ที่จะเกิดมีในอนาคตด้วย ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณเท่าไร เพื่อคาดการณ์ได้ถูกว่าคุณจะสามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในอนาคตได้มากน้อยเพียงใด อย่าลืมคิดถึงอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้นด้วย รวมถึงภาษีบ้านที่ต้องจ่ายทุกปี และค่าใช้จ่ายปลีกย่อย อื่น เช่น ค่าประกันภัยที่เกี่ยวกับบ้าน ตามหลักแล้วรายจ่ายสำหรับการมีบ้านไม่ควรจะมีภาระมากเกินกว่า 28% ของรายได้ทั้งหมดที่เรามีหรือคิดว่าจะมีในอนาคต ถ้าเรามองการณ์ไกลไปถึงค่าใช้จ่ายจากหนี้สินประเภทอื่นเข้าไปด้วย เช่น ค่าผ่อนรถ ค่าใช้จ่ายของลูกและครอบครัว ค่าผ่อนบัตรเครดิต เงินกู้เพื่อการศึกษาต่อ รวมถึงค่าภาษีเงินได้ส่วนบุคคลที่ต้องจ่ายทุกปี ซึ่งถ้ารวมแล้วค่าใช้จ่ายเหล่านี้ต้องไม่เกิน 36% ของรายได้
- อัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อบ้านมีหลายประเภท โดยทั่วไปจะเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก 5 ปีแรก ที่ได้รับความนิยม เพราะระยะเวลาการผ่อนบ้านที่ยาวนานตั้งแต่ 15-30 ปี ผู้กู้มักหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้นที่ยากเกิดคาดการณ์ แต่มีข้อเสียคือถ้าดอกเบี้ยมีการปรับตัวลดลง ผู้กู้ยังคงต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยซึ่งแพงกว่าผู้ที่มากู้ภายหลัง
ในการผ่อนบ้านคุณอาจเลือกผ่อนนาน 30 ปี เหมาะสำหรับคนที่ต้องการกู้เช่าซื้อบ้านเพื่อการลงทุนมากกว่าที่จะซื้อเพื่อที่อยู่อาศัย แถมยังสามารถนำดอกเบี้ยผ่อนบ้านมาคำนวณเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
หนี้รถ
ในการซื้อรถสักคันหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นรถหรูหรือรถราคาธรรมดาราคาไม่แพง คุณก็ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ตามมา เช่น ค่าประกันภัย ค่าน้ำมันรถ และค่าบำรุงรักษา ในการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ควรมีเหตุผลของความต้องการ
- ปัจจัยในการพิจารณาซื้อรถหรือต้องเป็นหนี้สินเพื่อการมีรถ
การจะมีรถสักคันคุณพร้อมที่จะกันเงินประมาณ 20% เป็นค่าใช้จ่ายของการมีรถหรือเปล่า? ลองตรวจสอบรายรับรายจ่ายของครอบครัวหรือเช็คงบประมาณย้อนหลังว่ามีเงินเหลือพอสำหรับรถหรือไม่ คุณต้องอย่าลืมว่ารถเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่มีวันได้ผลกำไร เพราะรถจะเสื่อมค่าลงเรื่อย ๆ นับตั้งแต่วันที่คุณถอยรถออกมา
- ความจำเป็นในการใช้รถ
คุณมีความจำเป็นในการใช้รถมากน้อยแค่ไหน? ลองคำนวณดูว่าคุณมีความจำเป็นต้องใช้รถมากกว่า 25,000 กิโลเมตรต่อปีหรือไม่ ถ้ามากกว่าก็ควรมีรถเป็นของตนเอง เพราะคำนวณค่าใช้จ่ายจากการซื้อรถแล้วจะถูกกว่า ควรซื้อรถที่เหมาะสมกับความต้องการของตัวเอง มากกว่าซื้อตามความนิยม
- พิจารณาความเหมาะสม
ความเหมาะสมระหว่างวิถีการดำเนินชีวิตกับประเภทของรถ ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาคุณมีวิถีการดำเนินชีวิตที่ต้องใช้รถอยู่เสมอหรือเปล่า เช่น ต้องแต่งงานมีเจ้าตัวเล็กที่ต้องพาไปไหนมาไหนอยู่เสมอ แต่ถ้าจะมีรถเพื่อการนี้ก็ต้องเหมาะกับการใช้งาน อาจจะเป็นรถที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับทุกคนได้มากกว่ารถแต่งแต่ไม่เหมาะกับการใช้งานของครอบครัว
- อัตราสินเชื่อ
เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อรถสักคัน เพราะสถาบันการเงินต่าง ๆ มักยื่นข้อเสนอให้คุณได้เลือกอย่างหลากหลายในระหว่างที่คุณยังไม่ได้ทำข้อตกลงกับผู้จำหน่ายรถยนต์รายใด เพื่อคุณจะได้เปรียบเทียบก่อนถูกผู้ขายบับคับให้ต้องเลือกสินเชื่อกับดีลเลอร์เจ้าใดเจ้าหนึ่ง คุณควรต่อรองกับผู้ให้สินเชื่อในรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทั้งหมด ระหว่างการผ่อนชำระ ค่าธรรมเนียมการขอสินเชื่อ ระยะเวลาในการปล่อยสินเชื่อ หากนานเกินไปนั่นหมายถือดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่ายเพิ่ม และควรดูเงื่อนไขการรับประกันภัยที่ไม่ซ้ำซ้อนกับผู้ขายรถที่มีมาให้พร้อมกับรถ ควรตรวจสอบตัวเลขดังกล่าวรวมถึงอัตราดอกเบี้ยหรือควรเอะใจกับเงื่อนไขพิเศษ เช่น ดอกเบี้ย 0% ในปีแรก ว่ามาพร้อมกับภาระอื่นแอบแฝงหรือไม่ เช่นต้องจ่ายค่าดาวน์เพิ่มเป็น 25% เป็นต้น