ประสบการณ์ลงทุนง่าย ๆ ได้ผลกำไรงาม ฉบับมนุษย์เงินเดือนรายได้ 15,0000
มนุษย์เงินเดือน 15,000 บาท ส่วนใหญ่มักจะมีความคิดว่าว่ามีรายได้น้อยแทบจะไม่พอใช้อยู่แล้ว จะนำเงินจากไปลงทุน หากยังนึกไม่ออกว่าจะแบ่งเงินลงทุนอย่างไรให้ได้กำไร มาลองดูประสบการณ์ของเราและนำไปปรับใช้ได้เลย เพราะเงินเดือนเท่านี้ก็สามารถลงทุนได้เพียงใช้เงินไม่กี่พันที่มีอยู่ โดยส่วนตัวเราแบ่งเงินเดือนที่ได้ออกเป็น 3 ส่วนก่อนที่จะเอาไปลงทุน เพื่อไม่ให้กระทบกับค่าใช่จ่ายประจำในแต่ละเดือน ในสัดส่วน 60 : 30 : 10 คือ
- ค่าใช้จ่ายรายเดือน 60 % = 9,000 บาท
- เงินสำหรับลงทุน 30 % = 4,500 บาท
- เงินเก็บเอาไว้ใช้สำรอง 10 % = 1,500 บาท
สัดส่วนในการแบ่งเงินเดือน 3 ส่วนนั้นไม่ตายตัว โดยจะแบ่งยังไงก็ได้ไม่ว่ากัน เพราะในบางเดือนเราก็แบ่งเป็น 70 : 20 : 10 บ้าง บางเดือน 50 : 40 : 10 แต่ไม่ว่าจะแบ่งยังไงก็ตาม เงินเก็บสำรองจะต้องเป็น 10 % เสมอ เผื่อเอาไว้ใช้ในตอนจำเป็นหรือใช้ในยามฉุกเฉิน
ซึ่งหลังจากที่เราแบ่งเงินเป็นสัดส่วนเรียบร้อยแล้ว เรานำเงินเก็บสำรอง 1,500 ไปฝากเป็นเงินออมทุกเดือนสะสมไว้เพื่อกินดอกเบี้ยและทุกเดือนเราใช้เงิน 2,000 บาท ในการซื้อกองทุนสะสมรวมไว้ 1 กองทุน เป็นกองทุนแบบระยะสั้นผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี โดยเงินตอบแทนคือ 21.7% เป็นกองทุนประเภท ETF ที่มีการแบ่งจ่ายปันผลให้เป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ 3 เดือนแรก 6 เดือน และ 1 ปี ที่สำคัญกองทุนนี้ไม่กำหนดเงินขึ้นต่ำในการซื้อกองทุนและมีค่าธรรมเนียมในการซื้อ-ขายต่ำ โดยมีค่าธรรมเนียมในการซื้อ-ขายที่ 0.10 การเลือกซื้อกองทุนให้เลือกค่าธรรมเนียมซื้อ-ขายให้ต่ำที่สุด เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมในการซื้อ-ขายเยอะนั่นเอง เงินที่ได้ก็เพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนที่เหลือในการลงทุนอีก 2,500 บาท เราใช้สมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายรับสบู่และครีมบำรุงผิวยี่ห้อหนึ่งมาขาย จากการแนะนำและชักชวนจากคนรู้จัก เราโพสต์ขายทั้งในเฟซบุ๊ก ไลน์และไอจี ผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งเพราะเป็นยี่ห้อที่ดังและมีชื่อเสียงอยู่แล้ว จึงได้รับความนิยม ทำให้เราขายหมดได้เร็ว ได้กำไรจากการขายดีมาก ทีแรกก็ยังไม่แน่ใจว่าจะได้จริงไหม เพราะอ่านจากกระทู้หลาย ๆ กระทู้ก็มีทั้งเสียงที่ลงทุนแล้วขายไม่ได้ ท้อและทำให้เงินทุนจม แต่ก็ยังมีอีกเสียงที่บอกว่าทำแล้วประสบความสำเร็จขายได้ผลตอบแทนดี เลยคิดว่ายังไงการลงทุนก็คือความเสี่ยงอยู่แล้ว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ในการลงทุนของแต่ละคนด้วย อย่างตัวเราเองแรก ๆ ยังไม่มั่นใจเลยลองทำดูก่อน ลงทุนครั้งแรก 1,600 บาทในการซื้อครีมบำรุงผิวและสบู่หน้าใส
- ครีมบำรุงผิว : ลงทุน 600 บาท ได้ครีมบำรุงผิว 20 ซอง ขายซองละ 50 บาท ได้เงิน 1,000 บาท กำไรจากการขาย 1,000 – 600 = 400 บาท
- สบู่หน้าใส : ลงทุน 1,000 บาท ได้สบู่ 10 ก้อน ขายก้อนละ 150 บาท ได้เงิน 1,500 บาท กำไรจาการขาย 1,500 – 1,000 = 500 บาท
การขายสบู่และครีมบำรุงผิวเราขายได้เรื่อย ๆ และได้กำไรดีเลยสต็อกของเพิ่ม ยิ่งเราสต็อกของมากขึ้นต้นทุนก็ยิ่งต่ำลงทำให้เรามีกำไรจากการขายมากขึ้น จากยอดสั่งซื้อประจำจากลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ที่สอบถามเข้ามาทางเพจเฟซบุ๊ก ทำให้มีรายได้รวมต่อเดือน 3,000 – 5,000 บาท พอดีรายได้เข้ามาประจำแบบนี้ เราเลยทำบัญชีแยกไว้ต่างหากและนำเงินที่ได้มาซื้อของสต็อกขายต่อ จึงไม่ต้องใช้เงินทุนที่ได้จากเงินเดือน 2,000 บาท
สำหรับข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการเป็นตัวแทนขายคือหากเรามีลูกทีมหรือเป็นตัวแทนขายให้ทีม เราก็จะได้ส่วนต่างจากสินค้าอีก 10 – 20 % จากสินค้าโดยที่เราไม่ต้องทำอะไร ซึ่งหลังจากเริ่มขายสบู่และครีมบำรุงผิวได้ 3 เดือนก็ทำให้มีกำไรจากการขาย 12,600 บาท บวกกับเงินส่วนที่ใช้ลงทุนที่เหลือจากการซื้อกองทุน อีก 6,000 บาท ทำให้มีเงินลงทุนทำอย่างอื่นเพิ่มอีก
ความสนุกทำให้เราอยากแบ่งเงินลงทุนอย่างอื่นเพิ่ม จึงตัดสินใจซื้อเสื้อยืด ซึ่งขอแนะนำเลยเพราะเป็นการลงทุนอีกอย่างหนึ่งที่คนรายได้ปานกลางทำได้ ส่วนตัวเราใช้เงินเพื่อลงทุนขายเสื้อยืด 10,000 บาท โดยซื้อเสื้อยืดสีพื้นขนาดต่าง ๆ คละไซส์กันมาขายในราคา 120 บาทต่อตัว ซึ่งสีพื้นส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว เทา ดำ สีกรมท่า เพราะเป็นสีที่คนทั่วไปนิยมใส่กันและขายได้ง่ายไม่ตกเทรนด์ ในแต่ละวันสามารถขายได้ทั้งจากการขายออนไลน์และออฟไลน์(ซึ่งก็เริ่มขายให้เพื่อนร่วมงานด้วยกันแล้วมีการบอกต่อ) 50 – 60 ตัว รายได้ประมาณ 6,000 – 7,200 บาท หักค่าต้นทุนค่าใช้จ่ายอื่นและค่าเช่าที่ในการขายเสื้อผ้าประมาณ 4,500 บาท ทำให้ได้กำไรประมาณ 1,500 – 2,700 บาท