จากกระแสชวนกัน #ย้ายประเทศ ในโลกออนไลน์ เพื่อทำให้ได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ทำให้คนไทยหลายคนเริ่มหันมาจริงจังกับการมองหาประเทศที่อยากไปอยู่กันมากขึ้น ซึ่งก็มีตั้งแต่โซนเอเชีย อย่างสิงคโปร์ ญี่ปุ่น หรือโซนยุโรป อย่างสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา เป็นต้น
แน่นอนว่าเมื่อเราได้ประเทศที่อยากไปกันเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือวิธีการหาเงินก้นถุง เพื่อเป็นเครื่องยื่นยืนยันว่าเราจะมีชีวิตรอดเมื่ออาศัยในต่างแดน ซึ่งอย่างน้อยๆ ก็ควรมีติดบัญชีไว้ไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท
อย่างไรก็ตามตัวเลขเงินก้อนจำนวนดังกล่าว ก็สามารถถือได้ว่าเป็นก้อนใหญ่สำหรับมนุษย์เงินเดือนจำนวนมาก เพราะด้วยรายรับ หักรายจ่ายแล้ว เราก็จะพบความจริงที่ว่าเงินเหลือเก็บนั้น มีเพียงน้อยนิดซะเหลือเกิน จนอาจทำให้ลายคนท้อใจได้ง่ายๆ และล้มเลิกความหวังที่จะย้ายประเทศไป ทั้งที่จริงแล้วเราอาจสามารถเริ่มต้นวางแผนอย่างเก็บเงินหรือลงทุนอย่างมีเป้าหมายได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อทำให้ความปราภานาดังกล่าวเป็นจริงได้ในเร็ววัน โดยจะมีเคล็ดไม่ลับในการเก็บเงินและลงทุนอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย!
เริ่มจากฝึกวินัยในการเก็บเงินกันก่อน
หลายคนมักเลือกเก็บเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์แบบธรรมดา ซึ่งแม้จะง่ายต่อการเรียกใช้ แต่อาจทำให้เราลืมออมได้ง่ายๆ รวมทั้งพลาดอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า โดยหากเรามีเป้าหมายการออมที่ชัดเจนอย่างการย้ายประเทศแล้ว สิ่งที่เราควรทำเป็นอันดับแรกก็คือการฝึกวินัยการออมที่ดี และเลือกตัวช่วยที่ดีที่ทำให้เราได้รับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม อย่างเช่น การออมเงินแบบฝากประจำปลอดภาษี ซึ่งเราสามารถเลือกเปิดบัญชีกับธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงๆ รวมทั้งควรออมให้ได้อย่างน้อย 20% ของรายรับ เพื่อทำให้เป้าหมายเป็นจริงได้รวดเร็วมากขึ้น
ลองลงทุนในรูปแบบที่ตัวเองยอมรับได้
แน่นอนว่าการต่อยอดเงินที่ดีที่สุด ก็คือการลงทุน ซึ่งมีหลากหลายระดับความเสี่ยงให้เลือกสรร ตั้งแต่ความเสี่ยงน้อยอย่างการลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เฉลี่ยที่ 2-5% หรือความเสี่ยงระดับกลางอย่างกองทุนรวม ซึ่งมีผู้จัดการกองทุนช่วยบริหารจัดการให้เรา รวมทั้งมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งกองที่ลงทุนในตราสารหนี้ หุ้นทั้งในและต่างประเทศ อสังหาริมทรัพย์ หรือทองคำ เป็นต้น หรือเราอาจเลือกความเสี่ยงระดับสูงอย่างการลงทุนในหุ้น ซึ่งแม้จะความอ่อนไหวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ก็สามารถทำกำไรจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้เราอาจเลือกลงทุนด้วยการค้าขายสินค้าออนไลน์ก็ได้ เพราะในช่วงที่เศรฐกิจไม่เป็นใจแบบนี้ และมนุษย์เงินเดือนจำนวนมากต้องทำงานที่บ้าน สินค้าและบริการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ยิ่งได้รับความนิยม เช่น อาหารเสริม/วิตามิน ของกิน หรือผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เป็นต้น