เคล็ดลับของความมั่งคั่งและความสำเร็จย่อมอาศัยความเพียรพยายามและความตั้งใจ ไม่ใช่แค่ความอยากได้อยากมี เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ดังนั้นแล้ว คนเรามีความทะยานอยากได้ ไม่ผิดครับ แต่ให้อยู่ในกรอบของความพอดี สำหรับใครที่กำลังตั้งตัว ตั้งหน้าตั้งตาทำงานใดๆหรือทำธุรกิจอยู่แล้วอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต หรือกำลังคิดอยู่ว่า ทำอย่างไรให้รวย ในบทความนี้กระผมจึงขอโอกาสน้อมนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ในหลวงท่านได้ทรงมีพระราชดำรัสแก่ปวงชนชาวไทย มาเป็นเวลายาวนานนับกว่า 40 ปีแล้ว ตามหัวข้อเลยนะครับ
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนครับว่า 3 ห่วง 2 เงื่อนไข นั้นคืออะไร ? 3 ห่วงตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแล้วนั้น ก็หมายถึง
- ห่วงแรก ความพอประมาณ
- ห่วงที่สอง ความมีเหตุมีผล
- ห่วงที่สาม การมีภูมิคุ้มกันที่ดี
แล้ว 2 เงื่อนไขที่ว่านั้นคืออะไรบ้าง ก็คือ ต้องมีความรู้ควบคู่ไปกับการมีคุณธรรมนั่นเองครับ
บางท่านก็เกิดคำถามว่า แล้วจะนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อเรายังมีความจำเป็นมากมายในชีวิตประจำวัน แล้วจะรวยได้อย่างไร ง่ายๆเลยครับ ในที่นี้ผมจะขออธิบายไปทีละขั้นตอนเลยนะครับ
1. ความพอประมาณ
เป็นข้อพื้นฐานสำคัญเลยครับ ความพอดีทำให้คนเรานั้นมีความสุข อยู่กับสิ่งที่ตนเองมี รู้จักประเมินศักยภาพและความสามารถของตนเองว่ามีมากน้อยแค่ไหน ในการทำธุรกิจนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้และประมาณตน หากตนเองยังมีเงินทุนไม่มากพอ ก็อย่าเพิ่งทำการใหญ่ อาจจะเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ พอเริ่มลงตัว สะสมทุนได้มากขึ้นเรื่อยๆ จึงค่อยๆขยับขยายกิจการกันต่อไป
หลายท่านขาดห่วงข้อนี้ไม่มีทุนแต่ใจร้อน อยากรวย อยากทำกำไรเร็วๆ ก็เลยไปกู้เงินมาทำบ้าง สร้างกิจการให้ใหญ่โต แต่เงินหมุนเวียนไม่มี พอถึงช่วงที่วิกฤตก็เดือดร้อนกันถ้วนหน้า บางรายขาดทุนล้มละลายและปิดกิจการไป นั่นก็เป็นสาเหตุมาจากการไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมีนั่นเองครับ
2. ความมีเหตุมีผล
สอดคล้องกับห่วงความพอประมาณครับ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ความมีเหตุมีผลก็หมายถึง การมีสติ นั่นเองครับ ในการที่จะทำงานอะไรก็ตามแต่ต้องมีสติเป็นตัวที่ช่วยควบคุมอยู่เสมอ หากเราเป็นลูกจ้างเราอาจจะทำแค่ในส่วนของหน้าที่ที่เราได้รับมอบหมาย แต่ถ้าเราเป็นเจ้านายนั้น เราก็ต้องดูแลทั้งตัวเองและกิจการของเรา ฉะนั้นแล้วเราต้องใช้หลักการแหละเหตุผลมากมายมาวิเคราะห์ว่าเราควรจะเดินไปทางไหน เราจะบริหารงานนั้นอย่างไร ตลาดภายนอกนั้นตอนนี้เป็นอย่างไร แล้วเราจะมีวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง และอีกมากมายหลากหลายคำถาม นั่นคือสิ่งที่เราต้องหาคำตอบและให้เหตุผลในการกระทำของเราให้ได้ครับ
3. การมีภูมิคุ้มกันที่ดี
มีภูมิคุ้มกันที่ดีก็เหมือนเราได้ทำประกันภัยหรือหาทางออกไว้เพื่อเซฟตัวเราเอง ทำอย่างไรกิจการเราถึงจะไปได้รอด ไม่เจ้งไปซะก่อน ห่วงที่สามนี้ก็เลยเป็นห่วงที่ต่อเนื่องจากสองห่วงแรกนั่นเองครับ การมีภูมิที่ดีก็คือ เราต้องมีการเตรียมพร้อมต่อความเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้เสมอ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ตาม เราสามารถรับมือและแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ในการดำเนินธุรกิจเงินทุนสำรองนั้นเป็นสิ่งจำเป็น ที่จะช่วยปรับสภาพคล่องทางการเงินแม้ในยามที่ฉุกเฉิน และควรรู้จักสร้างมิตรไมตรีที่ดีกับคนรอบข้างด้วยครับ แบ่งปันน้ำใจให้คนอื่นบ้าง เพราะเมื่อเวลาเราปัญหาคนที่เราเคยช่วยเหลือนั้นพวกเขาอาจจะกลับมาช่วยเราเป็นการตอบแทนได้ในอนาคต นี่ก็เป็นภูมิคุ้มกันที่ดีอีกอย่างหนึ่งครับ
นอกจากห่วงทั้งสามที่จะสามารถนำพาให้เราใช้ชีวิตอย่างมีสติแล้ว เราก็ยังต้องขับเคลื่อนตัวเองและกิจการให้ก้าวหน้าด้วย 2 เงื่อนไขดังต่อไปนี้ครับ
เงื่อนไขความรู้
จงฝึกตนให้หมั่นศึกษาแสวงหาความรู้อยู่เสมอครับ เพราะความรู้นั้นไม่ได้มีอยู่แค่ในห้องเรียน,ในโรงเรียนหรือในมหาวิทยาลัยเท่านั้นนะครับ แต่ความรู้นั้นมีอยู่ทุกที ความรู้เป็นตัวจุดประกายความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ทำให้คนเรามีความคิดต่อยอดจากเดิมเพิ่มมากขึ้น ถ้าเราทำธุรกิจอยู่ก็ให้หมั่นศึกษาทั้งเรื่องของการลงทุน เรื่องการทำการตลาด ทำอย่างไรสินค้าของเราจะขายได้เยอะๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ใช่ให้ใช้ความรู้ไปทางที่ผิดหรือเบียดเบียนคนอื่นนะครับแต่เป็นการใช้ทำสิ่งที่ถูกต้องและดีงามจะได้สอดคล้องกับเงื่อนไขข้อต่อไปครับ
เงื่อนไขคุณธรรม
คุณธรรมในทีนี้จะเป็นการทำมาหากินอย่างซื่อสัตย์ สุจริต ไม่เบียดเบียนผู้อื่นหรือคู่แข่ง ไม่ประกอบกิจการงานที่ผิดกฎหมายอย่าง ค้าอาวุธเถื่อน ค้ายาเสพติด นำเข้าของหนีภาษีไปขาย เป็นต้นครับ และที่สำคัญคือ ผู้ประกอบการต้องไม่เอาเปรียบผู้บริโภคครับ แบบที่เห็นในข่าวกันบ่อยๆก็จะมี ที่ขายครีมหน้าขาวใส ยาลดน้ำหนัก มีส่วนผสมของสมุนไพรธรรมชาติ อวดอ้างสรพคุณต่างๆนานา แต่แท้ที่จริงแล้ววัตถุดิบที่ใช้เป็นสารอันตรายทั้งนั้น ผู้บริโภคซื้อไปใช้ก็เสี่ยงทำให้เกิดโรคต่างๆ นอกจากนั้นในกรณีที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม ก็ให้ช่วยกันรับผิดชอบในเรื่องของมลภาวะต่างๆที่เกิดขึ้นต่อชุมชนข้างเคียง ในเมื่ออยู่ร่วมกันแล้วต้องนึกถึงใจเขาใจเรา ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยครับ
มนุษย์เราต้องมีความพอเพียงและความพอดีเป็นที่ตั้งครับ ไม่โลภมากและไม่สุดโต่งจนเกินไป เริ่มต้นที่หนึ่งอาจจะยังไม่เห็นผลยังต้องล้มลุกคลุกคลานอีกหลายครั้งกว่าจะถึงฝั่งฝัน แต่เมื่อได้มันมาแล้วคุณจะเข้าใจเลยว่า ความอดทนนั้นขมขื่นแต่ผลของมันช่างหอมหวานเพียงใด