วิธีรับมือหนี้บัตรเครดิตในเบื้องต้น
บัตรเครดิต และ บัตรสินเชื่อ เป็นบริการที่สถาบันทางการเงินต่าง ๆ ออกให้แก่ลูกค้า เพื่อใช้จ่ายแทนเงินสดสามารถใช้ได้ตามจำนวนวงเงินบัตรที่อนุมัติหักออกด้วยค่าสินค้า และบริการที่ใช้จ่ายผ่านบัตร แต่อย่างไรก็ดีการเลือกบัตรเครดิตให้ตอบโจทย์กับตัวเราถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจาก ถ้าเราสามารถเลือกบัตรเครดิตที่ทำให้เราได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่เรามองว่ามันคุ้มค่า และอย่างน้อยหากเรามีบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์การใช้จ่ายของเราแล้วนั้น เราก็จะสามารถควบคุมการใช้จ่ายรายเดือนได้ ที่หากคุณไม่มีแผนในการการใช้อาจส่งผลทำให้คุณเป็นหนี้บัตรเครดิตได้โดยไม่รู้ตัว ด้วยความสะดวกอาจทำให้คุณขาดการระมัดระวังในการใช้เงิน ทำให้บัตรเครดิตอาจทำให้คุณเป็นหนี้ได้โดยที่คุณไม่รู้ตัว ในวันนี้เราจะได้รวบรวมวิธีการจัดการกับหนี้บัตรเครดิต หากจะเปรียบหนี้สินจากบัตรเครดิตเป็น “บาดแผล” เลือดที่ไหลออกจากแผลก็เหมือนกับ “ดอกเบี้ย” ที่ไหลออกจากชีวิตเรา ดังนั้นเราจะต้องหยุดเลือดที่ไหลออกโดยเร็ว และปิดปากแผลให้สนิท ป้องกันเลือดให้หยุดไหล วันนี้เรารวมวิธีการจัดการกับหนี้บัตรเครดิต แบบเห็นผลมาฝากกัน ซึ่งวิธีรับมือ หนี้บัตรเครดิต ในเบื้องต้น จะมีด้วยกันดังนี้
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
โดยการทำวิธีประนอมหนี้บัตรเครดิต คือการที่เรารวมหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดจากหลาย ๆ แหล่งเพื่อนำไปหาสถาบันการเงินแห่งใหม่หรือธนาคารใหม่เพื่อขอทำการผ่อนชำระ โดยขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเริ่มทำได้ ดังนี้
- รวมยอดหนี้บัตรเครดิตทุกใบที่มีอย่างละเอียด
- ดูความสามารถในการชำระหนี้ของเรา
- ติดต่อธนาคารเดิมเพื่อต่อรองและแจ้งปิดหนี้เก่า
- มองหาธนาคารใหม่เพื่อติดต่อขอรีไฟแนนซ์ โดยพิจารณาหลาย ๆ ธนาคารหาธนาคารที่ดอกเบี้ยคุ้มค่าที่สุด
รวมหนี้
รวมหนี้หรือทำความเข้าใจง่าย ๆ คือ การที่เรานำหนี้ดอกเบี้ยสูงอย่างเช่น หนี้บัตรเครดิต, หนี้บ้าน หรือสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น ๆ ที่เราเป็นหนี้อยู่หลายธนาคารมารวมไว้ที่เดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการและการผ่อนชำระหนี้ โดยวิธีนี้จะทำให้เราสามารถเลือกผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ตามกำลังที่เราไหว แถมยังช่วยลดภาระในเรื่องดอกเบี้ยลงได้ ซึ่งจะส่งผลให้เราปิดหนี้ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น สำหรับคนที่อยากจะรวมหนี้บัตรเครดิตก็สามารถทำได้ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ
1.การรวมหนี้บัตรเครดิตหลายใบ รวมหนี้บัตรเครดิตที่เรามีอยู่กับหลาย ๆ ธนาคารมาเป็นสินเชื่อบุคคลกับธนาคารเดียวเพื่อให้ดอกเบี้ยลดลง และบริหารจัดการหนี้ได้ง่ายขึ้นด้วยการผ่อนจ่ายหนี้เพียงก้อนเดียว โดยระยะเวลาสินเชื่อยืดหยุ่นได้สูงสุดถึง 5 ปี ตรงนี้มีหลายธนาคารให้บริการอยู่ ส่วนใหญ่จะให้วงเงินได้สูงสุด 5 เท่าของรายได้กรณีไม่มีหลักประกัน
2.การรวมหนี้บัตรเครดิตเข้าไว้กับหนี้สินเชื่อบ้าน รวมหนี้บัตรเครดิตไว้กับสินเชื่อบ้านที่เรามีอยู่ให้กลายเป็นหนี้ก้อนเดียวกับธนาคารเดียวกัน เพื่อช่วยลดภาระเรื่องดอกเบี้ยและการผ่อนค่างวด โดยจะได้วงเงินไม่เกินมูลค่าของหลักประกัน
เปลี่ยนหนี้บัตรเครดิตให้กลายเป็นสินเชื่อระยะยาว
หากเราติดหนี้บัตรเครดิตอยู่ เราอาจจะเลือกวิธีนี้ในการแก้หนี้บัตรเครดิต โดยการเปลี่ยนเป็นหนี้สินเชื่อระยะยาวที่จะสามารถช่วยลดค่างวด พร้อมทั้งจะทำให้เราสามารถขยายระยะเวลาชำระหนี้ เมื่อเปลี่ยนเป็นสินเชื่อระยะยาวแล้วจะทำให้เราได้รับดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตเดิมของเราได้
หยุดจ่ายขั้นต่ำ
การจ่ายขั้นต่ำนั้นถือเป็นการพอกดอกเบี้ยโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นควรพยายามโปะจ่ายให้หมดโดยเร็ว เมื่อเราได้เริ่มต้นด้วยการหยุดจ่ายขั้นต่ำแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือ เราต้องทยอยชำระหนี้สินคงค้างให้หมด ด้วยการพยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และนำเงินที่เราไม่ได้ใช้จ่ายกับสิ่งที่เกินจำเป็นมาชำระหนี้ ทยอยชำระให้หมดโดยเร็ว และต้องอดทนอย่าก่อหนี้ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก