เปรียบเทียบ บัตรเครดิต vs บัตรกดเงินสด แบบไหนดีกว่ากัน
ในยุคที่การใช้จ่ายผ่านระบบดิจิทัลมากขึ้น แค่เพียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็สามารถทำธุรกรรมผ่านทางการเงินได้แทบทุกรูปแบบและนอกจากการใช้จ่ายผ่านออนไลน์แล้ว ก็ยังมีบัตรเสริมไม่ว่าจะเป็นบัตรกดเงิน บัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด ให้รูดใช้งาน ทั้งช้อป จ่ายเงินร้านค้า ๆ ต่างได้ง่ายมากขึ้น ในวันนี้เราก็จะขอหยิบยกผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด เปรียบเทียบ ข้อดี/ข้อเสียอันไหนดีกว่ากัน เพื่อช่วยให้คุณผู้อ่านเข้าใจมากขึ้น และตัดสินใจเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม
รู้จักบัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด คืออะไร ?
เริ่มต้นกันที่การทำความเข้าใจรูปแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดซึ่งแต่ละใบใช้สำหรับอะไร โดยขอเริ่มที่ บัตรเครดิต (Credit Card) จะเป็นบัตรที่ใช้ในการจ่ายค่าสินค้า หรือบริการล่วงหน้าให้แก่ผู้ถือบัตร แต่ต้องชำระในระยะเวลาที่สถาบันทางการเงินกำหนดเพราะหากเลยระยะเวลาจะมีค่าปรับพร้อมดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ ส่วน บัตรกดเงินสด (Cash Card) จะเป็นอีกหนึ่งสินเชื่อทางการเงินที่นิยมนำไปใช้งานสองรูปแบบ ได้แก่ การใช้เพื่อกดเป็นเงินสด หรือใช้ในการซื้อสินค้าเพื่อผ่อนชำระแบ่งเป็นรายงวดตามเงื่อนไข
เลือกใช้งานบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด เปรียบเทียบ ข้อดี/ข้อเสีย
ต่อมาจะขอแบ่งออกเงื่อนไขในการพิจารณาเพื่อเทียบความแตกต่างหมัดต่อหมัดว่าการเลือกใช้งานบัตรเครดิต Vs บัตรกดเงินสดอย่างไรให้เหมาะสม
กรณีที่ 1 : ต้องการใช้เงินเร่งด่วน
หากคุณต้องการใช้เงินแบบเร่งด่วน หรือไม่สามารถใช้จ่ายสินค้าบางรายการผ่านบัตรเครดิตได้ การเลือกใช้บัตรกดเงินสดจะค่อนข้างตอบโจทย์คนที่ต้องการใช้เงินเร่งด่วนได้ดีกว่า
กรณีที่ 2 : คำนึงถึงดอกเบี้ย
เรื่องดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่หลายคนกังวลหากมีการใช้จ่ายซึ่งหากต้องผ่อนสินค้าที่มีระยะเวลาหลาย ๆ เดือน หรือต้องการเงินก้อน 0% ออกมาใช้งาน บัตรเครดิตค่อนข้างที่จะตอบโจทย์ในส่วนนี้ได้ค่อนข้างดีกว่าเพราะบัตรกดเงินสดส่วนใหญ่เมื่อกดออกมาจะคิดดอกเบี้ยทันที แต่บัตรเครดิตหากซื้อสินค้าในร้านที่ร่วมรายการอาจจะปลอดดอกเบี้ย 0% นานถึง 10 เดือน
กรณีที่ 3 : การผ่อนชำระสินค้า
ส่วนใครที่ชื่นชอบการผ่อนสินค้า หรือบริการต่าง ๆ บัตรเครดิตผ่อน 0% ระยะเวลา 10 เดือนอาจจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเนื่องจากคุณไม่ชำระค่าสินค้าทั้งหมดได้คราวเดียว แต่สามารถแบ่งจ่ายเป็นรายเดือนตามระยะเวลาที่กำหนด ทำให้มีอิสระในการนำเงินไปหมุนเป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แต่ทั้งนี้ บัตรกดเงินสดก็มีให้ผ่อนจ่าย 0% นานถึง 48 เดือนแต่ร้านค้าที่เปิดให้ผ่อนเข้าร่วมน้อยและยังผ่อนสินค้าได้บางประเภทเท่านั้นจึงไม่มีความหลากหลายหหากเทียบกับบัตรเครดิต
กรณีที่ 4 : ขั้นตอนการสมัคร
แม้บัตรเครดิตเปิดโอกาสให้แทบทุกกลุ่มอาชีพสมัครได้แล้วในปัจจุบัน แแต่ก็ยังคงมีเงื่อนไขของทางสถาบันที่ต้องรอคอยระยะเวลาในการพิจารณา รวมถึงการตรวจสอบเอกสารทำให้ใช้ระยะเวลานานกว่าบัตรกดเงินสดที่รู้ผลอนุมัติไวแค่ภายในหนึ่ง หรือครึ่งวันก็รู้ผลซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการใช้เงินและสามารถหาเงินคืนกลับได้ภายในระยะเวลาไม่กี่วันจะช่วยตอบโจทย์ได้ดีกว่าการใช้บัตรเครดิต แต่ถ้าหากมีระยะเวลารอคอยนาน เน้นใช้ซื้อของระยะยาว การรอขั้นตอนการอนุมัติจากบัตรเครดิตจะคุ้มค่ากว่า
กรณีที่ 5 : เอกสารและใช้บุคคลค้ำประกัน
ในส่วนของบุคคลค้ำประกันทั้งในส่วนของบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดทั้งคู่ไม่ต้องมีคนค้ำประกันในการสมัครจึงทำให้อนุมัติได้ง่ายทั้งคู่ แต่ก็ต้องมีการพิจารณาเรื่องเอกสาร การประกอบอาชีพและรายได้ร่วมด้วยซึ่งทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร
โดยหากสังเกตจากข้างต้นจะค่อนข้างเห็นได้ชัดว่าบัตรเครดิตและบัตรกดเงินจะมีความแตกต่างกันตามเงื่อนและระยะเวลาการนำไปใช้ ส่วนการค้ำ หรือเอกสารจะเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ส่วนวงเงิน ดอกเบี้ยต่าง ๆ รวมถึงระยะเวลาการผ่อน หากต้องการซื้อสินค้าที่มีระยะเวลาการผ่อนนาน ปลอดดอกเบี้ย บัตรเครดิตจะค่อนข้างคุ้มกว่า ส่วนใครที่ต้องการใช้เงินด่วน อนมุัติไว ไม่ต้องรอนาน บัตรกดเงินสดจะค่อนข้างตอบโจทย์
แต่ทั้งนี้ สิ่งที่อยากระมัดระมัดระวัง คือ วินัยทางการเงินเนื่องจากเงินที่กด หารสั่งซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ไปเป็นค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่เราจะต้องหามาคืนตามระยะเวลาที่ธนาคารกำหนดซึ่งถ้าผิดนัดชำระอาจจะมีในส่วนของอัตราดอกเบี้ยตามมาและถ้าหากมีหลายใบอาจจะมีทำให้เกิดหนี้สะสม หาเงินมาใช้คืนไม่ทันกลายเป็นการฟ้องร้องเกิดเป็นคดีความ ก่อนทุกการใช้จ่ายจึงควรวางแผนทางการเงินให้ถี่ถ้วนว่าสามารถหามาใช้คืนได้จริง ทันตามระยะเวลาที่กำหนด
คงจะพอเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียด บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด กันมากขึ้น หากพิจารณาเลือกบัตรที่เหมาะสมกับความต้องการ และไลฟ์สไตล์เราแล้ว ก็เพียงแค่เตรียมเอกสารให้พร้อมแล้วนำไปยื่นสมัครกับธนาคารได้เลย