วางแผนสู่ อิสรภาพ ทางการเงิน ท่ามกลางโลกทุนนิยม
ปัจจุบันโลกของเรานั้นเป็นสังคมทุนนิยมแบบเต็มรูปแบบที่ไม่ว่าอะไรก็ตามต่างต้องแลกมาด้วยเงินทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ที่อยู่อาศัย หรือแม้แต่การดูแลสุขภาพร่างกายก็ตาม เงินจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก และเราทุกคนต่างก็ทำงานเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายให้ชีวิตสามารถดำรงต่อไปได้ในแต่ละวัน แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งแน่นอนว่าการทำงานย่อมเกิดความอิ่มตัวขึ้นมา สิ่งที่หลายคนใฝ่หาจึงเป็นอิสรภาพทางการเงินที่ช่วยให้เราหลุดพ้นจากวงจรการทำงาน และสามารถใช้ชีวิตได้ตามความต้องการนั่นเอง
หรืออย่างน้อยก็ขอให้มีอิสรภาพทางการเงินโดยที่ไม่เป็น หนี้สิน ก็ยังดี เพราะเงินที่เราสามารถหามาได้นั้นก็สามารถใช้หรือเก็บได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย มีเงินเพียงพอในการใช้ชีวิตได้โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป จะจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันหรือออกไปเดินทางท่องเที่ยวก็สามารถทำได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องเงินอีกต่อไปแล้ว หลายคนอาจมองว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากแต่ความจริงแล้วมันเกิดขึ้นได้ขอเพียงแค่เรามีการวางแผนสู่ อิสรภาพทางการเงินที่ดี และเราจะพาทุกคนไปดูกันว่ามีแผนอะไรบ้างที่คุณควรทำหากต้องการมีอิสรภาพทางการเงิน
เปิดวิธีการวางแผนสู่ อิสรภาพทางการเงิน
อิสรภาพทางการเงินฟังดูเป็นคำที่ค่อนข้างน่าขนลุกเนื่องจากบริษัทขายตรงทั้งหลายมักนิยมใช้ บางคนก็มองว่ามันคือ PASSIVE INCOME ที่มักจะเกิดขึ้นได้จากการทำงานหนักในช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วนำเอาเงินไปลงทุนและประสบความสำเร็จซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ความจริงแล้วเราสามารถวางแผน สู่อิสรภาพทางการเงินได้ง่ายกว่านั้นด้วยวิธีการเหล่านี้
การประเมินค่าใช้จ่ายและการปิดหนี้
สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถมีอิสรภาพทางการเงินได้ก็คือการที่คุณรู้ว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ในแต่ละเดือนและมีหนี้สินที่ต้องปิดอีกเท่าไหร่บ้าง เมื่อไหร่ก็ตามที่นี่เสร็จหมดลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วมันก็ไม่แตกต่างอะไรจากการได้ยกภูเขาออกจากอกเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งเราจะปิดหนี้ได้ก็ต้องผ่านการวางแผนทางการเงินให้ดีซึ่งเริ่มต้นจากการประเมินค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนนั่นเอง ให้เราสำรวจดูว่าในแต่ละเดือนเราจะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง อย่างเช่นค่าใช้จ่ายประจำทุกเดือนไม่ว่าจะเป็นค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวันอย่างเช่นค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแบบเบ็ดเตล็ดอย่างเช่นค่าเครื่องสำอาง ค่าเครื่องแต่งกาย
เมื่อเรารู้แล้วว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายของเราในแต่ละเดือนเป็นอย่างไรเราก็จะทราบว่าค่าใช้จ่ายอะไรที่มีความจำเป็นและไม่จำเป็น การเห็นรอยรั่วในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจะช่วยให้เราสามารถวางแผนเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่มีความจำเป็นได้และช่วยให้เรามีเงินเก็บมากขึ้นกว่าเดิม
และค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้หมายถึงเงินที่เราจ่ายไปเพื่อซื้ออะไรมาในแต่ละเดือนเพียงแค่อย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงหนี้สินอีกด้วยเพราะมันเป็นสิ่งที่เราต้องจ่ายเป็นประจำทุกเดือนเช่นเดียวกัน การจะจัดการกับปัญหาหนี้สินได้นั้นเราต้องมาไล่เรียงกันก่อนว่าเรามีหนี้สินกี่ก้อน หนี้สินแต่ละก้อนมีเงินต้นเท่าไหร่ ดอกเบี้ยเท่าไหร่ แล้วตอนนี้ผ่อนไปแล้วเท่าไหร่ วิธีการปิดหนี้ที่ง่ายที่สุดและรวดเร็วมากที่สุดก็คือการปลดหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นหนี้ก้อนเล็กแต่มันก็จะช่วยให้คุณมีอิสรภาพจากหนี้สินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
หรือหากคุณไม่สามารถชำระหนี้สินได้เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับสภาพคล่องทางการเงินก็ยังมีวิธีจัดการหนี้สินอีกมากมายอย่างเช่นการเจรจาต่อรองขอลดดอกเบี้ย การขอคิดอัตราดอกเบี้ยปกติในกรณีที่ไม่ผิดนัดแม้ว่าเราจะผิดนัดไปแล้วก็ตาม การขยายเวลาชำระหนี้ การพักชำระเงินต้น หรือแม้แต่การเปลี่ยนประเภท นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่าการรีไฟแนนซ์หรือการรวมหนี้ที่ช่วยได้เยอะอีกด้วย
การเตรียมเงินสำรองและการป้องกันความเสี่ยง
เงินเป็นสิ่งที่ไม่เข้าใครออกใครแถมสถานการณ์ชีวิตของเราทุกคนล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่คาดฝันทั้งนั้น ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำเพื่อช่วยเพิ่มอิสรภาพทางการเงินก็คือการมีเงินสำรองฉุกเฉินนั่นเอง หลายคนใช้วิธีการเก็บเงินผิดจนทำให้เก็บเงินไม่อยู่นั่นก็คือเงินเดือนออกเท่าไหร่ใช้ไปก่อน เหลือเท่าไหร่เก็บเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเราควรแบ่งเงินเก็บในทันทีหลังจากที่ได้รับเงินเดือนเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยกาวางแผนว่าในแต่ละเดือนจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ก็กันส่วนที่ใช้จ่ายออกไปและเก็บส่วนที่เหลือไว้เลย
เงินสำรองนั้นควรมีปริมาณตั้งแต่ 3 เท่าถึง 6 เท่าของเงินเดือนเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินไม่ว่าจะเป็นตกงาน เจ็บป่วยไม่ว่าจะเป็นตนเองหรือญาติพี่น้อง ต้องจ่ายค่าเทอมกะทันหัน มีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เงินดังกล่าวเป็นเงินที่เราไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ในกรณีไม่มีเหตุฉุกเฉิน หากต้องการเพิ่มความปลอดภัยสำหรับเงินก้อนนี้มากขึ้นกว่าเดิมจะลองฝากเป็นเงินฝากประจำก็ได้เช่นเดียวกัน
และอีกหนึ่งสิ่งที่ทุกคนควรทำก็คือการป้องกันความเสี่ยงนั่นก็คือการทำประกันนั่นเอง เพราะไม่รู้ว่าวันไหนเราจะเจ็บป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุจนเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลขึ้นมา ถึงแม้ว่าคนไทยทุกคนจะมีสิทธิ์ประกันถ้วนหน้าที่สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลพื้นที่แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรืออาจจะเสียค่าใช้จ่ายส่วนเกินเพียงเล็กน้อย แต่การมีประกันสุขภาพเอาไว้ก็จะช่วยให้คุณสามารถเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนที่รวดเร็วและสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิมได้
ไม่เพียงเท่านั้นมันยังมีประกันบำนาญสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นข้าราชการอีกด้วย ประกันตัวนี้จะจ่ายเบี้ยประกันในช่วงที่เรากำลังทำงานอยู่เพื่อที่ประกันจะได้จ่ายบำนาญให้กับเราหลังจากที่เราจะเกษียณอายุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเกษียณอายุแล้วเราจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีชีวิตอยู่ต่ออย่างไรเมื่อไม่มีรายได้จากการทำงานประจำตามเดิม
การหารายได้ และการลงทุน
แม้ว่าสิ่งที่ผู้คนต่างพร่ำบอกเมื่อมีคนอยากจะมีอิสรภาพทางการเงินก็คือการมีรายได้มากกว่า 1 ทาง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องยากอยู่ดีเพราะแค่การทำงานประจำในแต่ละวันก็ทำให้เรารู้สึกเหน็ดเหนื่อยอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังคงยืนยันอยากได้ทุกคนมีรายได้มากกว่า 1 ทางอยู่ดีเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับชีวิตและเพิ่มรายได้อีกทาง สำหรับรายได้อีกทางนั้นอาจจะไม่ต้องเป็นเงินก้อนใหญ่แต่ขอแค่เราได้รับกำไรจากสิ่งที่ทำไปบ้างก็จะช่วยให้เรามีเงินใช้มีเงินเก็บมากขึ้นกว่าเดิม
อีกหนึ่งวิธีการสำหรับคนที่ไม่อยากจะทำงานหารายได้เพิ่มก็คือการลงทุนนั่นเอง ในแต่ละเดือนเราอยากจะแนะนำให้ทุกคนมีเงินลงทุนขั้นต่ำ 10% เพื่อให้มันทำงานด้วยตัวเองและงอกเงยเป็นกำไรให้กับเราโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย แต่สิ่งสำคัญสำหรับการลงทุนก็คือต้องศึกษาให้ดีไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงหรือแม้แต่วิธีการลงทุนก็ตาม ซึ่งการลงทุนก็มีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่แบบง่ายๆ อย่างเช่นสลากออมทรัพย์ ไปจนถึงหุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล กองทุนรวม หรือหุ้นในตลาดหุ้น
สรุปแล้วหากคุณอยากมี อิสรภาพทางการเงิน การวางแผน สู่อิสรภาพทางการเงินที่เรามาแนะนำในวันนี้จะช่วยให้คุณมีอิสรภาพได้บ้างไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน ซึ่งจะประกอบไปด้วยการประเมินค่าใช้จ่ายของเราในแต่ละเดือน และการปิดหนี้ให้เร็วที่สุด การเตรียมเงินฉุกเฉินและป้องกันความเสี่ยงด้วยการซื้อประกันภัย และสุดท้ายก็คือการหารายได้เสริมหรือการลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงยโดยที่เราไม่ต้องทำงาน หากใครทำได้รับรองว่าคุณจะรู้สึกถึงอิสรภาพทางการเงินมากขึ้นอย่างแน่นอน