ลงทุน ความเสี่ยงต่ำ อะไรดี ในปี 2566 พร้อมข้อควรรู้ก่อนลงทุน
ในปัจจุบัน การลงทุนเป็นเรื่องใกล้ตัว อยากลงทุนแต่กังวลเรื่องความเสี่ยง แต่ถ้าคุณไม่ลงทุนเลยอาจจะเสี่ยงมากกว่า เพราะว่าเงินเฟ้อจะทำให้มูลค่าเงินในมือของคุณลดลงในทุกๆ ปี แล้วควรลงทุนอะไรดีที่ความเสี่ยงน้อยแต่ได้มาก ลองมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลย
ระดับความเสี่ยงในการลงทุน
ปกติการลงทุนจะมาพร้อมกับความเสี่ยง นักลงทุนก็ควรทำความเข้าใจกับตนเองว่าสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับใด ซึ่งโดยทั่วไปความเสี่ยงและผลตอบแทนก็จะแปรผันตรงกัน นั่นคือ ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนต่ำ ซึ่งหลัก ๆ ความเสี่ยงในการลงทุนสินทรัพย์จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่
1.สินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ที่เน้นรักษาเงินต้น ราคาผันผวนน้อย เช่น ตั๋วเงินคลัง ตราสารหนี้ หุ้นกู้ กองทุนรวมบางประเภท เป็นต้น
2.สินทรัพย์เสี่ยงปานกลาง ที่คาดหวังผลตอบแทนสูงขึ้น ราคาผันผวนได้บ้าง แต่ไม่สุดโต่ง เช่น กองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงปานกลาง หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง ทองคำ เป็นต้น
3.สินทรัพย์ความเสี่ยงสูง ที่เน้นสร้างผลตอบแทนสูง ราคาอ่อนไหวและผันผวนได้มาก เช่น คริปโต ตราสารอนุพันธ์ ฟิวเจอร์ส หุ้ต่างประเทศ เป็นต้น
ลงทุน ความเสี่ยงต่ำ อะไรดีในปี 2566
เมื่อสถานการณ์ในปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นและมีโอกาสลากยาว รวมถึงราคาพลังงานอาจสูงขึ้นต่อเนื่อง จึงเป็นปัจจัยลบต่อราคาหุ้น ดังนั้น การลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยหรือสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ เพื่อกระจายความเสี่ยงถือเป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งวันนี้เราจะพามาแนะนำ 5 สินทรัพย์การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ดังนี้
1.ตราสารหนี้ ( Bond) คือ ตราสารหนี้ของรัฐบาล ออกโดยหน่วยงานของรัฐโดยผู้ซื้อมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ของหน่วยงานของรัฐ จึงทำให้เราสามารถพูดได้ว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำมาก โดยผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีอยู่ที่ เฉลี่ย 0.46% ต่อปี เมื่อเราถือจนครบอายุการถือครองของพันธบัตร ก็จะได้ดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอและได้เงิินต้นคืนเมื่อครบกำหนดไถ่ถอน
2.หุ้นกู้ (Debenture) คือ ตราสารหนี้ประเภทหนึ่ง แตกต่างกันที่ออกโดยภาคเอกชน เพื่อระดมทุนสำหรับใช้ในกิจการต่าง ๆ ของบริษัท ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาล มีกำหนดเวลาจ่ายดอกเบี้ยและกำหนดไถ่ถอนเงินต้นชัดเจน ความเสี่ยงเดียวที่มีคือการผิดนัดชำระหนี้จากบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง หรือหากเกิดขึ้น นักลงทุนจะมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้คอยดูแลการเร่งรัดชำระหนี้ให้อยู่
3.กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market) คือ กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี ซึ่งผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี ของกองทุนรวมตลาดเงินประเภทนี้นั้นอยู่ที่ 1.1 % ต่อปี (อ้างอิงจากผลตอบแทน 5 ปีย้อนหลังของ K-CASH)
4.กองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed Income Fund) คือ กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้รูปแบบต่างๆ เป็นอีกหนึ่งรูปแบบการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ มักมีการกำหนดดอกเบี้ยที่แน่นอน และมีผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากประจำข้อดีอีกประการของกองทุนรวมตราสารหนี้คือมีความมั่นคง และมีการบอกระดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของบริษัทต่างๆ ชัดเจน
5.กองทุนรวมหุ้น (Stocks Fund) คือ กองทุนที่ลงทุนในตราสารทุน หรือหุ้นของบริษัทต่างๆ ซึ่งจะมีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ แต่ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่าเช่นกัน นักลงทุนจำนวนไม่น้อยจึงนิยมลงทุนในกองทุนทั้งสองประเภทเพื่อกระจายความเสี่ยง มีข้อดีที่ความหลากหลายตามนโยบายของผู้จัดการกองทุน และสินทรัพย์ที่ลงทุน
ข้อควรรู้ก่อนการลงทุน
สำหรับผู้ที่ไม่เคยลงทุนมาก่อน หรือเพิ่งจะลงทุนไปได้ไม่นาน เราขอแนะนำข้อควรรู้ก่อนที่จะเริ่มลงทุนเพื่อให้การลงทุนของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงในการขาดทุน โดยมีหลัก 3 ประการดังนี้
- ประเมินความเสี่ยงที่รับได้ โดยคุณสามารถประเมินความเสี่ยงด้านการลงทุนสำหรับตัวเองได้ง่ายๆ ที่แบบประเมินความเสี่ยงจากธนาคารกรุงศรีเพื่อค้นหาสไตล์การลงทุนที่เหมาะกับตัวคุณเองมากที่สุด
- ศึกษานโยบายการลงทุนให้ ตรวจสอบนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุนอย่างถี่ถ้วนผ่านการอ่านหนังสือชี้ชวน และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของกองทุนนั้นๆ ด้วยช่องทางต่างๆ เช่น Fund Fact Sheet อินเทอร์เน็ต เพื่อทำให้คุณมั่นใจยิ่งขึ้นก่อน ตัดสินใจเลือกซื้อกองทุน
- ศึกษาเงื่อนไขการซื้อ – ขาย นอกจากนโยบายการลงทุนแล้ว อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการศึกษาเงื่อนไขการซื้อขาย เพราะแต่ละสินทรัพย์ที่เฃือกลงทุน มักมีวิธี – เงื่อนไขในการซื้อขายแตกต่างกันออกไป เช่น ระบบซื้อ – ขาย แบบรอระยะเวลา T+2 หรือ T+3 ถ้าหากคุณศึกษาไม่ถี่ถ้วนก็อาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของเราได้
สำหรับใครที่มองหาไอเดียลงทุนความเสี่ยงต่ำ อะไรดี ทั้งหมดนี้ คือ 5 การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ที่น่าสนใจในปี 2566 ที่เรานำมาแนะนำให้กับทุกคนกัน เหมาะกับทั้งมือใหม่ เพิ่งเริ่มต้นลงทุนยังไม่พร้อมรับความเสี่ยงสูงหรือมีเงินทุนไม่สูงมาก หรือมือโปรที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตการลงทุน ลองนำสินทรัพย์เหล่านี้ไปพิจารณาดูว่าแบบไหนที่เหมาะกับทั้งความเสี่ยงที่เรารับได้และผลตอบแทนคาดหวังที่เราต้องการ ทั้งนี้ การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ แนะนำให้ศึกษาหาข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนหรือ Fund Fact Sheet ให้ดีก่อนเลือกลงทุนกันด้วย