ปลดหนี้ บัตรเครดิต 2567 รวมวิธีแก้หนี้ พร้อมเพิ่มสภาพคล่อง
ค่าครองชีพที่ขึ้นสูงในปัจจุบัน บวกกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่มีความต้องการสูง จึงทำให้หลายคนที่เป็นพนักงานเงินเดือน นักศึกษา ฟรีแลนซ์ หรือมีกิจการเป็นของตัวเอง มักเผชิญกับปัญหาทางการเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะใครที่ใช้บัตรเครดิตวงเงินสูงกว่าที่รายรับที่ตนเองได้ในแต่ละเดือน เมื่อค่าใช้จ่ายมากกว่ารายรับ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาหมุนเงินไม่ทัน ก่อให้เกิดภาระหนี้สินจากบัตรเครดิต จนถึงติดหนี้เครดิตบูโรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินบัตรเครดิต เราจึงรวบรวมความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการ ปลดหนี้บัตรเครดิต 2567 ช่วยให้คุณปรับโครงสร้างหนี้ และจัดการหนี้สินได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
หนี้บัตรเครดิต ปัญหาใกล้ตัวคุณ
ปัญหาหนี้ที่เกิดจากบัตรเครดิต เกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน ยิ่งในปัจจุบัน สถาบันทางการเงินหลายแห่งมีนโยบายดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้บัตรเครดิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิต, การสะสมคะแนนเพื่อรับของรางวัล, ผ่อนบัตรเครดิต 0%, จ่ายก่อนผ่อนที่หลัง, และอื่น ๆ อีกมากมาย สิ่งนี้ล้วนทำให้ผู้ใช้บัตรเครดิตมีวินัยทางการเงินไม่ดี ขาดความยับยั้งชั่งใจในการชำระสินค้าผ่านบัตรเครดิต จนทำให้ไม่สามารถผ่อนชำระได้ตรงตามกำหนดได้ ซึ่งเมื่อสะสมหนี้บัตรเครดิตเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็ทำให้บางคนเลือกที่จะเปิดบัตรเครดิตใหม่ เพื่อนำเงินมาหมุน และสะสมจนกลายเป็นหนี้เสีย ที่ไม่สามารถแก้ไขได้
ดังนั้น เราจึงควรใช้จ่ายอย่างมีสติ หรือถ้าหากมีภาระหนี้สินจำนวนมาก ควรเรียนรู้วิธีในการ ปลดหนี้บัตรเครดิต เพื่อให้สถานภาพทางการเงินให้มั่นคง และไม่เกิดปัญหาทางการจัดการหนี้สินในอนาคตได้
เหตุผลที่เราควรปลดหนี้บัตรเครดิต
การจัดการและแก้ไขปัญหาบัตรเครดิต ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากการมีหนี้บัตรเครดิตจำนวนมากอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงิน รวมถึงส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจและอารมณ์ ทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ และโรคซึมเศร้าตามมา ยิ่งถ้าใครวางแผนอยากซื้อบ้านหรือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงในอนาคต หากติดหนี้เครดิตบูโร หรือไม่ได้ ก็อาจทำให้การยื่นกู้กับสถาบันทางการเงินเป็นไปได้ยากขึ้น เนื่องจากเสียประวัติทางการเงินแล้วนั่นเอง ดังนั้น การจัดการและการทำงานอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขหนี้บัตรเครดิตส่วนบุคคล จะช่วยลดความเครียดทางการเงินและปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยรวมได้
ปลดหนี้บัตรเครดิต มีขั้นตอนอย่างไร?
-
ประเมินหนี้บัตรเครดิตและปิดบัตรที่ไม่จำเป็น
อันดับแรก เราต้องคำนวณก่อนว่าหนี้บัตรเครดิตที่มีในปัจจุบัน มีทั้งหมดเท่าไหร่? โดยเริ่มจากการทำรายการบัตรเครดิตทั้งหมดของคุณ ไม่ว่าจะเป็นยอดคงค้าง อัตราดอกเบี้ย และยอดชำระขั้นต่ำต่อเดือน เมื่อรับรู้ยอดหนี้ทั้งหมดแล้ว ให้เราปิดบัตรเครดิตที่ไม่ได้ใช้หรือไม่มีความจำเป็นทิ้ง เนื่องจากการมีบัตรเครดิตหลายบัตร อาจทำให้เราไม่สามารถควบคุมรายจ่ายได้ดี รวมถึงดอกเบี้ยของแต่บัตรจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย เราควรใช้บัตรเครดิตไม่เกิน 1-2 ใบ เพื่อรักษาสภาพทางการเงิน
-
รีไฟแนนซ์ เพื่อรวมหนี้เป็นก้อนเดียว
ขั้นตอนที่สอง เมื่อรับรู้ยอดหนี้จากบัตรเครดิตทั้งหมดแล้ว ให้เรามองหาสถาบันทางการเงินที่น่าเชื่อถือ หรือให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลอย่างการ “รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต” โดยวิธีนี้จะเป็นการยื่นขอสินเชื่อส่วนบุคคลกับสถาบันทางการเงินเดิม หรือรายใหม่ เพื่อรวมหนี้เป็นก้อนเดียว ช่วยให้เราสามารถ ปลดหนี้ ได้ไวยิ่งขึ้น ดอกเบี้ยถูกลง ช่วยยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ก้อนเดียวกัน ทำให้เราสามารถหมุนเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินจ่ายทันตามกำหนด
-
ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และมองหารายได้เสริม
นอกจากเราจะต้องมองหาสถาบันทางการเงิน เพื่อรวมหนี้เป็นก้อนเดียวแล้ว สิ่งสำคัญที่เราต้องคำนึงถึงในช่วงการจัดการหนี้สิน คือการปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้เงิน รวมถึงมีวินัยทางการเงินที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ไม่เพิ่มภาระหนี้สินผ่านบัตรเครดิตเพิ่ม ควบคุมความต้องการในการใช้เงิน ทำรายรับ-รายจ่าย รวมถึงมองหารายได้เสริม เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการชำระหนี้บัตรเครดิต และมีเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้
-
ชำระสินค้า และบริการด้วยเงินสด
ในช่วงที่เรามีภาระหนี้บัตรเครดิตจำนวนมาก หากไม่อยากให้เกิดปัญหาการมี “หนี้เสีย” หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ เช่น การซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น การรูดบัตรเครดิตเพื่อท่องเที่ยว หรือใช้จ่ายล่วงหน้า หรือการซื้อของที่มีราคาเกินรายรับ เป็นต้น โดยเราควรเริ่มต้นใช้จ่ายด้วยเงินสด เพื่อลดโอกาสในการเป็นหนี้บัตรเครดิต รวมถึงลดอัตราดอกเบี้ยจากสถาบันทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น
-
เปรียบเทียบสถาบันทางการเงิน เน้นการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว
ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน จะมีสถาบันทางการเงินหลายแห่งที่ให้บริการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล แต่ก่อนที่เราจะตกลงใช้บริการเพื่อ ปลดหนี้ บัตรเครดิต เราควรเปรียบเทียบเงื่อนไข อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาในการชำระเงิน รวมถึงค่าใช้จ่ายแฝงที่มากับบริการของแต่ละที่ด้วย นอกจากนี้ เราควรเน้นไปที่การรวมหนี้เป็นก้อนเดียว มากกว่าการชำระหนี้หลายก้อน เพื่อให้เราสามารถจัดการหนี้สิน และสามารถรักษาสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
ปลดหนี้แล้ว อย่าลืมออมเงิน
ข้อสุดท้าย หลังจากที่เราทำตามขั้นตอนการจัดการหนี้สินและรวมหนี้เป็นก้อนเดียว เราควรออมเงินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน โดยแบ่งเป็นการออมเงินสำหรับฉุกเฉิน 6-12 เดือน ของรายรับที่ได้แต่ละเดือน, เงินออมสำหรับการเกษียณ, และเงินสำหรับการลงทุนในระยะยาว โดยวิธีนี้จะช่วยป้องกันปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน รวมถึงช่วยสร้างความมั่นคงได้
จบไปแล้วกับความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับการ ปลดหนี้ บัตรเครดิตที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหาแหล่งความรู้ทางการเงิน อย่าลืมติดตามหัวข้อที่น่าสนใจในเว็บไซต์ MoneyHub รับรองว่าเราจะมีความรู้ในการจัดการหนี้สิน และมีความมั่นคงทางการเงินได้อย่างไม่ยาก