ผ่อนบัตรสินเชื่อไม่ไหว ทำไงดี แนะนำวิธีแก้หนี้ที่นำไปใช้ได้จริง
บัตรสินเชื่อ เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้เรานั้นสามารถผ่านพ้นวิกฤตทางการเงินในช่วงเวลาหนึ่งไปได้ แต่ปัญหาก็คือวิกฤตทางการเงินเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็มักจะมีปัญหาทางการเงินลูกโซ่ตามมาอีกเป็นขบวน หากไม่สามารถจัดการหนี้ และวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบได้ สำหรับใครกำลังเผชิญปัญหาเรื่องนี้ ไม่ต้องกังวลใจไป เราจะพาทุกคนมาดูกันว่า ผ่อนบัตรสินเชื่อไม่ไหว ทำไงดี ให้ได้ไปเป็นไอเดียในการปลดหนี้กัน
วิธีปลดหนี้ ผ่อนบัตรสินเชื่อไม่ไหว ทำไงดี
กรณีไม่ผิดนัดชำระหนี้แต่รู้ว่าไม่สามารถผ่อนได้ตามปกติ
- หยุดใช้บัตรสินเชื่อที่มี
หากคุณมีหนี้บัตรสินเชื่ออยู่ในมือแล้วและเริ่มรู้สึกว่าตนเองกำลังจะผ่อนไม่ไหวหรือถึงวิกฤตที่ผ่อนไม่ไหวแล้ว สิ่งที่ต้องรีบทำโดยด่วนเลยก็คือการหยุดใช้บัตรสินเชื่อทั้งหมดที่คุณมี การกดเงินจากบัตรกดเงินสดไปโปะบัตรเครดิตหรือกดเงินสดนั้น เป็นการสร้างหนี้สินอย่างไม่รู้จบ คุณอาจจะต้องเสียดอกเบี้ยมากขึ้นกว่าเดิมจากที่เป็นอยู่ก็ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น เราจึงต้องตั้งสติก่อนและวางแผนทางการเงินโดยเริ่มต้นจากการบันทึกรายรับ – รายจ่าย จากนั้นให้เราคำนวณรายได้และค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนเพื่อทำการแบ่งสัดส่วนสำหรับชำระหนี้สินและใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
- ปิดหนี้ด้วยเงินก้อน
เป็นวิธีการที่คุณอาจจะเจ็บตัวแต่มันก็เจ็บตัวน้อยที่สุดเช่นเดียวกัน ในกรณีที่คุณนั้นมีทรัพย์สินที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินก้อนได้อย่างเช่นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่ดิน ที่อยู่อาศัย ของมีค่า เช่น เครื่องเพชร ทองคำ หรือบางทีแม้แต่เสื้อผ้าของใช้ในบ้านก็ยังสามารถนำมาขายเพื่อเปลี่ยนให้กลายเป็นเงินแล้วนำเอาไปชำระหนี้ได้
การปิดหนี้ทั้งหมดด้วยเงินก้อนนั้นจะทำให้เราไม่ต้องแบกรับภาระหนี้สินอีกต่อไป นอกจากนี้สำหรับหนี้บัตรสินเชื่อการปลดหนี้ไปเลยทั้งก้อนยังทำให้ดอกเบี้ยไม่ไปต่ออีกต่างหาก หรือหากคุณมีสวัสดิการกู้ยืมเงินดอกเบี้ยต่ำจะกู้เงินสวัสดิการมาปิดหนี้ก็ได้เช่นกัน เป็นหนึ่งในวิธีการรวมที่ที่จะทำให้คุณนั้นไม่ต้องเสียประวัติ
- การประนอมหนี้
หากคุณพบว่าตนเองไม่สามารถผ่อนบัตรสินเชื่อได้อีกต่อไป เราขอแนะนำให้ไปเจรจากับเจ้าหนี้สถาบันทางการเงินอย่างตรงไปตรงมาเพื่อขอประนอมหนี้ เมื่อธนาคารพิจารณาแล้วพบว่าคุณไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระตามเดิมได้อีกต่อไปก็จะมีการพิจารณาขยายเวลาในการชำระหนี้ต่อไปให้ยาวขึ้นกว่าเดิม วิธีการดังกล่าวจะทำให้ยอดผ่อนชำระของเราในแต่ละเดือนนั้นมีจำนวนที่ลดน้อยลงไป และยังอาจมีการปรับดอกเบี้ยให้เหมาะกับสภาพการเงินของลูกหนี้อีกด้วย เราสามารถแจ้งได้ว่าเรานั้นมีความสามารถในการผ่อนชำระเท่าไหร่ต่อเดือนเพื่อให้ธนาคารใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณา
- การรวมหนี้
ลักษณะจะใกล้เคียงกับการรีไฟแนนซ์ นั่นก็คือหากคุณมีหนี้สินบัตรสินเชื่อหลายใบกับหลายธนาคาร หลายใบกับธนาคารเดียว หรือใบเดียวกับธนาคารเดียว สามารถไปหาสินเชื่อกับสถาบันทางการเงินใหม่ที่มีข้อเสนอดีกว่า อย่างเช่นมีการปรับยอดชำระลดลงในแต่ละเดือน ดอกเบี้ยต่ำกว่า ให้เราไปขอสินเชื่อกับสถาบันทางการเงินแห่งใหม่เพื่อนำเอาเงินที่ได้มาปิดหนี้สินกับสถาบันทางการเงินผู้เป็นเจ้าหนี้เดิม จะช่วยให้เราสามารถจัดการหนี้สินได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
กรณีที่มียอดค้างชำระและไม่สามารถผ่อนได้ตามปกติ
- ปรึกษาเจ้าหนี้
ในกรณีที่คุณนั้นมียอดค้างชำระเป็นที่เรียบร้อยแล้วและสภาพทางการเงินตอนนี้ไม่สามารถผ่อนชำระได้ตามปกติอีกต่อไป ให้เข้าไปคุยกับเจ้าหนี้อย่างตรงไปตรงมาเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ เพราะการผิดนัดชำระหนี้นั้นจะทำให้เราอาจถูกคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้นกว่าเดิมและยังทำให้มีประวัติบนเครดิตบูโรอีกด้วย ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้เราสามารถเจรจาได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการลดจำนวนเงินค่างวดให้น้อยลงด้วยการขยายจำนวนงวดให้มากขึ้นกว่าเดิม การปรับลดดอกเบี้ยในช่วงที่กำลังได้รับผลกระทบ หรือการขอผ่อนชำระหนี้เฉพาะในส่วนของดอกเบี้ยไปก่อนก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
- เข้าโครงการคลินิกแก้หนี้
โครงการดังกล่าวนั้นเป็นโครงการของหน่วยงานคลินิกแก้หนี้ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางคอยดำเนินการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้กับเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันทางการเงินของลูกหนี้แบบครบวงจร และยังช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีสถานะหนี้เสียในกลุ่มสินเชื่อทั้งบัตรสินเชื่อและสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและเกณฑ์ในมาตรฐานเดียวกัน ลักษณะจะใกล้เคียงกับการรวมหนี้ เป็นวิธีการที่เหมาะสำหรับคนที่มีประวัติชำระหนี้ไม่ดีและไม่สามารถผ่อนชำระได้ตามเดิมอีกต่อไป
สรุปแล้วผ่อนบัตรสินเชื่อไม่ไหว ทำไงดีมีวิธีการมากมายให้คุณได้เลือกใช้ วิธีการเหล่านี้จะช่วยคุณนั้นสามารถก้าวข้ามผ่านปัญหาหนี้สินในชีวิตไปได้ไม่มากก็น้อย การเป็นหนี้หากชำระต่อไม่ไหวจริง ๆ เราต้องมีการพูดคุยกับเจ้าหนี้อย่างตรงไปตรงมาและจริงใจ เพราะสถาบันทางการเงินส่วนใหญ่จะมีโครงการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาทางการเงินอยู่แล้ว ดีกว่าไม่มี ไม่หนี ไม่จ่ายแล้วเจอหมายศาลมาที่บ้านในภายหลัง ก็จะทำให้ยุ่งยากและเสียประวัติมากขึ้น