เป็นหนี้บัตรเครดิต เท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง หากถูกฟ้องต้องจัดการอย่างไร?
หนี้บัตรเครดิต หากไม่ชำระจะเกิดอะไรบ้าง? หากเราติดหนี้บัตรเครดิตเป็นระยะเวลานานจากการรูดใช้บัตรเครดิตจนเกินตัว แต่ไม่ยอมชำระจนหนี้บัตรเครดิตกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ถ้าเราไม่ยอมชำระหนี้เมื่อถึงกำหนด อาจทำให้ถูกฟ้องจากธนาคารที่เป็นเจ้าของหนี้ได้ ใครสงสัยว่าแล้ว เป็นหนี้บัตรเครดิตเท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง และหากถูกฟ้องแล้วต้องดำเนินการอย่างไร? อ่านบทความนี้ เพื่อให้คุณสามารถจัดการหนี้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายแบบไร้กังวล
หนี้บัตรเครดิต เกิดจากอะไร
บัตรเครดิต เป็นบริการจากสถาบันทางการเงิน ที่ต้องการให้ลูกค้าสามารถใช้เงินล่วงหน้า ตามวงเงินที่ธนาคารกำหนดได้ ซึ่งเราในฐานะผู้ใช้งาน จะต้องใช้ภายในวงเงิน และจ่ายชำระหนี้ให้ตรงตามกำหนด แต่ถ้าใครบริหาารจัดการหนี้ไม่ดี จนทำให้ค้างชำระหนี้บัตรเครดิตจำนวนมาก เราจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารในจำนวนเงินที่สูงขึ้น นอกจากธนาคารจะมีค่าปรับสำหรับการจ่ายล่าช้าแล้ว หากใครปล่อยหนี้บัตรเครดิต โดยไม่ได้ชำระนานหลายเดือน ธนาคารมีสิทธิฟ้องลูกหนี้เงินได้
เป็นหนี้บัตรเครดิตเท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง
เป็นหนี้บัตรเครดิตเท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง? ติดหนี้บัตรเครดิต อายุความกี่ปี? ตามที่กฎหมายระบุ หากเรามีการค้างชำระหนี้จากธนาคาร จะถือว่าเป็นหนี้เสีย โดยขั้นต่ำของยอดหนี้ที่สามารถฟ้องร้องได้ กฎหมายกำหนดไว้ 2,000 บาทขึ้นไป ซึ่งการฟ้องร้องถูกสร้างด้วยจุดประสงค์ที่ต้องกดดันให้ลูกค้า นำเงินมาจ่ายชำระหนี้ที่ติดค้างกับธนาคาร โดยกฎหมายที่เกี่ยวกับฟ้องร้องหนี้บัตรเครดิต จะอยู่ในมาตรา 193/34 (7) รวมถึงมีอายุความ 2 ปี หากเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลหรือหนี้ที่มีการผ่อนชำระเป็นงวดจะมีอายุความ 5 ปี เราจึงควรศึกษาข้อกฎหมาย และโทษปรับอย่างระมัดระวัง
หากไม่จ่ายหนี้ จะถูกฟ้องล้มละลายหรือไม่?
ตามปกติแล้ว หากถูกฟ้อง เจ้าหนี้จะส่งจดหมายไปยังที่อยู่ของลูกหนี้ภายใน 30 วัน แต่หากลูกหนี้เพิกเฉย ไม่ยอมไปศาลหรือดำเนินการ เจ้าหนี้อย่างธนาคาร มีสิทธิยึดทรัพย์สินเป็นถึง 10 ปี และถ้ามีการตรวจแล้วพบว่า จำนวนหนี้รวมกันมากกว่ามูลค่าของทรัพย์สินที่สามารถยึดได้ ศาลมีสิทธิแจ้งให้ลูกหนี้กลายเป็นบุคคลล้มละลายได้ เนื่องจากไม่มีความสามารถในการต่อรองหรือชำระหนี้นั่นเอง
ขั้นตอนดำเนินการเมื่อถูกฟ้องหนี้บัตรเครดิต
- ประเมินสถานการณ์ และจำนวนหนี้ก่อน ว่าเราเป็นผู้ก่อหนี้หรือมีบุคคลอื่นสวมสิทธิ นอกจากนี้ เราควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าหนี้ที่ค้างชำระจนถูกฟ้องนั้น เป็นหนี้ประเภทไหน มีการดำเนินการที่ศาลใด หากเป็นการก่อหนี้ร่วมกันกับบุคคลอื่น เราสามารถแจ้งให้บุคคลนั้นรับผิดชอบหนี้ และจ่ายค่าปรับร่วมกันได้
- ประเมินความจำเป็นการใช้ทนายสู้คดี หากเป็นหนี้ก้อนใหญ่ และมีมูลค่ามหาศาล เราควรตั้งทนายเพื่อช่วยสู้คดีในศาล แต่หากจำนวนหนี้น้อย การจ้างทนายอาจไม่มีความจำเป็น
- เจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอผ่อนผันการชำระ หรือยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ให้นานขึ้น ซึ่งเราสามารถติดต่อกับธนาคารได้โดยตรง เช่น ยืดระยะเวลาการผ่อนนาน 10 ปี ขอปรับดอกเบี้ยให้ต่ำลง เป็นต้น
- ตรวจสอบจำนวนหนี้ให้ถูกต้อง หากไม่ตรงตามยอดหนี้ที่เจ้าหนี้กล่าว หรือมีอายุความเกินกำหนด เรามีสิทธิต่อสู้ในศาลเพื่อขอปฏิเสธการชำระหนี้เครดิตทั้งหมดได้
- ปรับวินัยทางการเงิน หลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ใหม่ หรือค้ำประกันหนี้สินให้ผู้อื่น เพื่อไม่ให้เราเผชิญกับปัญหาทางการเงินที่หนักขึ้น รวมถึงควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน เพื่อหาทางออกร่วมกัน
สำหรับใครทีกำลังมีปัญหากับการชำระหนี้บัตรเครดิตอยู่ อาจจะต้องเริ่มปรับพฤติกรรมทางการใช้เงิน หลีกเลี่ยงการใช้เงินที่ไม่จำเป็น หรือก่อหนี้เสียก้อนใหม่ เพราะการแก้ปัญหาหนี้เป็นเรื่องยาก แต่ทุกปัญหามีทางออกเสมอ เราขอเป็นกำลังใจให้คนมีหนี้ทุกคน