ต่อใบขับขี่ ออนไลน์ ยังไง ใช้เอกสารอะไรบ้าง?
เชื่อว่ายุคนี้ ใคร ๆ ก็มีรถยนต์ส่วนตัว เพื่อความคล่องตัว ซึ่งสิ่งที่ต้องทำคู่กับการขับขี่อย่างระมัดระวังก็คือ ต้องมีใบขับขี่ ซึ่งเป็นเอกสารที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่ควรปล่อยให้หมดอายุหากไม่เกิดเหตุสุดวิสัยหรับใครที่ใบขับขี่ใกล้จะหมดอายุ วันนี้เราจะพาไปรู้จักวิธีต่อใบขับขี่ว่า ต่อใบขับขี่ อนไลน์ ใช้เอกสารอะไรบ้าง หรืออบรมผ่าน e-learning ต้องทำอย่างไร ไปดูกัน
ต่อใบขับขี่ ออนไลน์ ใช้เอกสารอะไรบ้าง?
ปัจจุบันใบขับขี่มีอยู่ 2 ประเภท ประกอบไปด้วยใบขับขี่ชั่วคราว 2 ปีและใบขับขี่ชั่วคราว 5 ปี ซึ่งการเตรียมเอกสารเพื่อต่อใบขับขี่แต่ละประเภทก็จะแตกต่างกันออกไป ดังนี้
1.เอกสารที่ใช้ในการต่อใบขับขี่ชั่วคราว 2 ปี เป็นใบขับขี่ชั่วคราว 5 ปี
- ใบขับขี่ชั่วคราว 2 ปี
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง
- ใบรับรองแพทย์ เพื่อแสดงว่าผู้ขอใบขับขี่เป็นผู้ไม่มีโรคประจำตัวที่อาจก่อให้เกิดอันตรายขณะขับขี่ยานพาหนะได้ ไม่เป็นผู้จิตฟั่นเฟือนไม่เป็นพูดจิตฟั่นเฟือนหรือวิกลจริต ใบรับรองแพทย์มีอายุที่สามารถใช้ได้ตามที่แพทย์ผู้ออกใบรับรองกำหนด แต่จะต้องออกก่อนวันที่เรายื่นคำขอเป็นเวลาไม่เกิน 1 เดือน
2.เอกสารที่ใช้ในการต่อใบขับขี่ชั่วคราว 5 ปี
- ใบขับขี่ตัวจริงฉบับเดิม
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง
- ใบรับรองแพทย์ เพื่อแสดงว่าผู้ขอใบขับขี่เป็นผู้ไม่มีโรคประจำตัวที่อาจก่อให้เกิดอันตรายขณะขับขี่ยานพาหนะได้ ไม่เป็นผู้จิตฟั่นเฟือนไม่เป็นพูดจิตฟั่นเฟือนหรือวิกลจริต ใบรับรองแพทย์มีอายุที่สามารถใช้ได้ตามที่แพทย์ผู้ออกใบรับรองกำหนด แต่จะต้องออกก่อนวันที่เรายื่นคำขอเป็นเวลาไม่เกิน 1 เดือน
ขั้นตอนการ ต่อใบขับขี่
เช่นเดียวกับเอกสารในการต่อใบขับขี่ ขั้นตอนการต่อใบขับขี่จากประเภทชั่วคราว 2 ปีเป็นใบขับขี่ชั่วคราว 5 ปี และการต่อใบขับขี่ชั่วคราว 5 ปีก็จะแตกต่างกันออกไป ดังนี้
- ขั้นตอนการต่อใบขับขี่ชั่วคราว 2 ปีเป็นชั่วคราว 5 ปี
เราสามารถต่ออายุใบขับขี่ได้ก่อนล่วงหน้าหลังจากถือใบอนุญาตขับขี่เป็นเวลา 1 ปีเรียบร้อยแล้ว หากคุณขาดการต่ออายุเกิน 1 ปีขึ้นไป จะต้องผ่านการอบรม 5 ชั่วโมงและมีการทดสอบข้อเขียนใหม่ แต่หากคุณขาดการต่ออายุเกิน 3 ปีขึ้นไป จะต้องผ่านการอบรม 5 ชั่วโมง ทดสอบข้อเขียน และทดสอบขับขี่รถใหม่ทั้งหมด
- จองคิวผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue
- ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ได้แก่ การมองเห็นสี สายตาทางกว้าง สายตาทางลึก ปฏิกิริยาเท้าในการเหยียบเบรกหลังจากเห็นไฟสัญญาณ
- ออกใบอนุญาตขับรถ
- ขั้นตอนการต่อใบขับขี่ชั่วคราว 5 ปี
เราสามารถต่อใบขับขี่ชั่วคราว 5 ปีได้ล่วงหน้าถึง 90 วัน หากขาดการต่ออายุเกิน 1 ปี จะต้องเข้าร่วมการอบรม 2 ชั่วโมงและมีการทดสอบข้อเขียนใหม่ แต่หากขาดการต่ออายุเกิน 3 ปีขึ้นไป จะต้องผ่านการอบรม 2 ชั่วโมง ทดสอบข้อเขียน และทดสอบขับขี่รถยนต์ใหม่ทั้งหมด
- อบรมผ่าน e-learning บนเว็บไซต์dlt-elearning.com
- จองคิวผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือติดต่อสำนักงานขนส่งในพื้นที่
- ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ได้แก่ การมองเห็นสี สายตาทางกว้าง สายตาทางลึก ปฏิกิริยาเท้าในการเหยียบเบรกหลังจากเห็นไฟสัญญาณ
- ออกใบอนุญาตขับรถ
การอบรมผ่าน e-learning ต่อใบขับขี่ ออนไลน์
โดยปกติแล้วการต่อใบขับขี่ในยุคก่อน ผู้ต่อใบขับขี่จะต้องเดินทางไปยังสำนักงานขนส่ง รับบัตรคิว จากนั้นก็เข้าร่วมการอบรมเป็นระยะเวลายาวนานหลายชั่วโมง แต่ด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ทำให้สำนักงานขนส่งมีการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการต่อใบขับขี่ให้สะดวก ประหยัดเวลา และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการอบรมออนไลน์ผ่าน e-learning
สิ่งที่ต้องเตรียม
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อใช้ในการอบรมต่อใบขับขี่ สามารถใช้ได้ทั้งคอมพิวเตอร์ โน้ตบุค แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน จากนั้นเข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com/ เพื่ออบรมออนไลน์ผ่านระบบของกรมขนส่งทางบก
- ข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน เบอร์โทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด เอาไว้ใช้สำหรับการกรอกข้อมูลออนไลน์เพื่อยืนยันตัวตน
- เวลา ประเทศใบขับขี่แต่ละประเภทก็จะมีเวลาที่ใช้ในการอบรมแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมเวลาโดยอบรมในวันที่เราสะดวก ไม่มีธุระเร่งรีบต้องไปทำ
ขั้นตอน
- เข้าไปยังเว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com/ จากนั้นกดที่เมนูลงทะเบียนเข้ารับการอบรมต่อใบขับขี่
- กรอกรายละเอียดส่วนตัวให้ครบถ้วน
- เลือกการอบรม โดยดูจากใบขับขี่ที่เราต้องการต่ออายุ
- รับชมคลิปวีดีโออบรมสำหรับการต่อใบขับขี่แบบออนไลน์จนจบ ห้ามปิดหน้าต่างทิ้งหรือกดข้าม เนื่องจากหลังจากคลิปวีดีโอจบเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะมีคำถามให้เราตอบด้วย
สรุปแล้ว ต่อใบขับขี่ใช้เอกสารอะไรบ้าง หรืออบรมผ่าน e-learning ต้องทำอย่างไร เอกสารที่ใช้ก็จะเป็นพวกเอกสารส่วนและใบรับรองแพทย์ สำหรับการอบรมผ่าน e-learning ก็สามารถทำง่ายๆ ได้ด้วยตัวเองเพียงแค่เข้าไปยังเว็บไซต์ของกรมขนส่งทางบกเท่านั้น เพียงเท่านี้คุณก็สามารถต่อใบขับขี่ได้ง่ายๆ ประหยัดเวลา ไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักงานขนส่งหรือกรมขนส่งทางบกให้เสียเวลาอีกต่อไป