ประกันรถ ชั้นไหนดี เปิดจุดเด่นแต่ละแบบที่คนมีรถควรรู้
อุบัติเหตุผลท้องถนน เป็นสิ่งที่ยากจะเลี่ยง เพราะในทุกวันเราต้องมีการเดินทางไปทำงาน หรือไปธุระต่าง ๆ รวมถึงท่องเที่ยว ดังนั้นทุกการเดินทางคือความเสี่ยง ใครจะรู้ว่าเราขับรถออกบ้านไป ต่อให้เราไม่ขับไปชนใคร แต่ก็อาจจะมีใครขับมาชนเราได้เหมือนกัน ประกันรถยนต์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คนมีรถอยากซื้อเอาไว้ เพราะช่วยให้เราอุ่นใจขึ้น แต่ปัญหาก็คือประกันรถ ชั้นไหนดี? เพราะประกันรถยนต์ดันมีหลายชั้น หลานเจ้าจนเราเลือกไม่ถูก สำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าประกันแต่ละชั้นเป็นยังไง และมีของเจ้าไหนน่าสนใจบ้าง
ประกันรถ ชั้นไหนดี จุดเด่นเป็นยังไง
คำถามชวนปวดหัวสำหรับคนมีรถอย่างซื้อ ประกันรถ ชั้นไหนดี ความจริงแล้วต้องยอมรับว่ามันขึ้นอยู่กับความต้องการ และงบประมาณของแต่ละคน แต่ถ้าจะให้เราแนะนำ แน่นอนว่าเราต้องแนะนำให้ซื้อประกันชั้น 1 เพราะการคุ้มครองค่อนข้างครอบคลุม วงเงินคุ้มครองสูง เวลาเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา ก็ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เพราะหากไม่ได้เกิดอุบัติเหตุใหญ่โตอะไรมากมาย ปกติวงเงินจะครอบคลุมอยู่แล้ว จะมีเจ้าไหนที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย
Asia Direct Broker
ประกันจากบริษัทน้องใหม่มาแรงที่หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว มาพร้อมกับสิทธิพิเศษมากมาย เพิ่มความสะดวกสบาย และความอุ่นใจขณะขับขี่ได้มากขึ้นกว่าเดิม เลือกซื้อง่าย สามารถซื้อความคุ้มครอง หรือเพิ่มวงเงินได้ตามใจ
จุดเด่น
- ประกันชั้น 1 คุ้มครองราคาเต็มที่หลังจ่ายเบี้ยประกัน
- จัดส่งกรมธรรม์ถึงมืออย่างรวดเร็ว ภายใน 7 วันทำการ
- สามารถต่อประกันรถยนต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- อู่คุณภาพในเครือพร้อมให้บริการมากกว่า 1,000 แห่ง
- สามารถผ่อนชำระค่าเบี้ยประกันด้วยดอกเบี้ยพิเศษ 0% ยาวนานสูงสุด 10 เดือน แบบไม่มีการกันวงเงิน
- มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ไม่มีค่าบริการ
- รับบัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุดกว่า 1,000 บาท จำนวนจำกัด
Sunday
ประกันรถยนต์จากบริษัทประกันน้องใหม่ที่จัดหนักจัดเต็ม มาพร้อมโปรโมชันมากมายที่ช่วยให้การซื้อประกันของเราคุ้มค่าขึ้นกว่าเดิม ทั้งบัตรเซ็นทรัล อีวอชเชอร์มูลค่า 2,000 บาท สามารถผ่อนเบี้ยประกันแบบสบายกระเป๋ายาวนานสูงสุด 10 เดือน ด้วยดอกเบี้ยพิเศษ 0% ลุ้นรับ iPhone 15 Pro ทุกเดือน สามารถเลือกโปรโมชันได้ด้วยตัวเอง
จุดเด่น
- คุ้มครองค่าเสียหาย รวมถึงค่ารักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี หรือไม่มีคู่กรณี
- คุ้มครองสินทรัพย์ และค่ารักษาพยาบาลของคู่กรณี เกิดเหตุฉุกเฉินไม่ต้องจ่ายเงินเอง
- แจ้งเหตุสะดวกสบาย มี Call Center สามารถติดต่อได้ 24 ชั่วโมง
- แจ้งเคลมง่าย มีอู่ในเครือคุณภาพที่ไว้ใจได้ทั่วทั้งประเทศ
MSIG
เป็นประกันชั้น 1 ของบริษัท MSIG ภายใต้โครงการ Regulatory Sandbox มีการนำเอานวัตกรรมใหม่มาช่วยประเมินพฤติกรรมการขับขี่รถยนต์บนท้องถนนของผู้ทำประกัน บริษัทจึงสามารถคำนวณเบี้ยประกันจากพฤติกรรมการขับขี่ของเราได้เลย แถมยังตรวจสอบเบี้ยประกันผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้อีกต่างหาก
จุดเด่น
- เบี้ยประกันเป็นแบบรายเดือน คิดตามการขับขี่จริงของเรา พิจารณาจากระยะทาง ความเร็วโดยเฉลี่ย ความเร็วสูงสุด ระยะเวลาการขับขี่ ช่วงเวลาที่ขับขี่ พื้นที่ในการขับขี่
- คิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน แต่สามารถจ่ายเป็นรายเดือนได้
- สามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการขับขี่ และเบี้ยประกันได้ผ่านทางแอปพลิเคชันประกันขับดีบนโทรศัพท์มือถือ ตลอด 24 ชั่วโมง
- ให้ความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมง
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ทั่วทั้งประเทศ
- ไม่หักค่าเสื่อม กรณีเกิดความเสียหายจากการชนยานพาหนะทางบก สำหรับของเหลวทั้งหลาย อย่างเช่น สารหล่อเย็น สารหล่อลื่น หรือน้ำมันเครื่อง
TIP Insure
ประกันรถยนต์จากบริษัทดังอย่างทิพยประกันภัย ขึ้นชื่อเรื่องความง่ายดายในการเคลม ช่วยให้เราอุ่นใจเวลาเกิดอุบัติเหตุมากขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญ เดี๋ยวนี้มีโค้ดส่วนลด กรอกแล้วรับส่วนลดไปเลยถึง 10%
จุดเด่น
- สามารถผ่อนชำระเบี้ยประกันได้ยาวนานสูงสุดถึง 10 เดือน ด้วยดอกเบี้ยพิเศษ 0%
- มีแผนประกันให้เลือกมากมาย แต่ละแผนประกันมีความคุ้มครอง เบี้ยประกัน แล้ววงเงินคุ้มครองแตกต่างกันออกไป
- มีเลขาส่วนตัวในการเคลม ช่วยดูแลตั้งแต่ต้นจนจบ
- ทีมสำรวจภัย พร้อมช่วยเหลือเหตุบนท้องถนน มารวดเร็วทันใจ ไม่เรื่องมาก
- ดูรายงานซ่อมด้วยอู่มาตรฐานในเครือ ศูนย์บริการรถยนต์ รวมถึงอู่อื่นๆ แล้วแต่ความต้องการของทุกคน
รู้ใจ.com
สำหรับใครที่ไม่อยากปวดหัว นั่งศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประกันแต่ละบริษัทด้วยตัวเอง เราขอแนะนำรู้ใจ.com แพลต์ฟอร์มที่ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประกันรถยนต์เอาไว้ในที่เดียวเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่เราบอกรายละเอียดของรถเรา ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อ รุ่น ปีที่ผลิต และประเภท จากนั้นก็มาเลือกว่ารถของเราติดกล้องหน้ารถหรือเปล่า ถ้าติดจะได้รับส่วนลดไปอีก 10% เลยทีเดียว
จากนั้นก็ระบุเลขไมล์รถปัจจุบันว่าอยู่ที่เท่าไหร่ เป็นรถยนต์ที่ใช้ส่วนตัว หรือใช้ในการทำงาน ใช้สำหรับไปทำงานบ่อยแค่ไหน ตั้งแต่ 12 เดือนที่ผ่านมา ผ่านการเคลมไปแล้วกี่ครั้ง อยู่ในระหว่างการผ่อนไฟแนนซ์หรือไม่ สถานภาพสมรสของเราเป็นยังไง จากนั้นแจ้งวันเกิด ทำใบขับขี่มาแล้วกี่ปี พักอาศัยอยู่ที่ไหนด้วยการกรอกรหัสไปรษณีย์ ระบุกรมธรรม์ปัจจุบันที่ได้รับส่วนลดประวัติดี เป็นส่วนลดที่เราจะได้รับหากขับขี่ดี ไม่เคยมีอุบัติเหตุเลย อยากให้กรมธรรม์เริ่มคุ้มครองตั้งแต่วันไหน จากนั้นเราก็สามารถกดดูราคาได้เลย
ข้อมูลที่ออกมาจะระบุค่าใช้จ่ายรายเดือน และรายปี เราสามารถเลือกได้เลยว่าสะดวกจ่ายแบบไหน จะเอาประกันชั้นที่เท่าไหร่ มีให้เลือกตั้งแต่ประกันชั้น 1 2+ 3+ 2 และ 3 ประกันแต่ละชั้นก็จะมีทุนประกันที่แตกต่างกันออกไป จำนวนเงินสูงสุดถึง 450,000 บาทเลยทีเดียว
บอกรายละเอียดครบถ้วนว่าทุนประกันจำนวนนี้คุ้มครองอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการคุ้มครองความเสียหายของรถเรา ความเสียหายของทรัพย์สิน และอาการบาดเจ็บของบุคคลภายนอก เลือกได้ว่าจะซ่อมในอู่ หรือซ่อมในศูนย์ หากเราเป็นฝ่ายผิดสามารถรับผิดชอบเองได้มากน้อยแค่ไหน ใครขับรถของเราบ้าง แถมยังซื้อแผนคุ้มครองเสริมได้อีกต่างหาก เรียกได้ว่าครบจบในที่เดียว
ความแตกต่างของประกันรถแต่ละชั้น คุ้มครองอะไรบ้าง
สำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้อประกันชั้นไหนดี เพราะไม่แน่ใจว่าแต่ละชั้นให้ความคุ้มครองแตกต่างกันยังไง เราจะพาทุกคนมาดูกันว่าประกันแต่ละชั้นจะมีความคุ้มครองอะไรบ้าง เพื่อให้ทุกคนสามารถเลือกประกันตามความเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้ดีขึ้นกว่าเดิม
- ประกันชั้น 1 คุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุทุกกรณีที่เกิดจากการชน น้ำท่วม ไฟไหม พายุลูกเห็บ หรือรถหาย
- ประกันชั้น 2+ คุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนกันกับรถที่มีทะเบียนรถ สามารถระบุตัวของคู่กรณีได้ คุ้มครองกรณีน้ำท่วม ไฟไหม้ และรถหายเฉพาะบางบริษัท
- ประกันชั้น 3+ คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุชนกันของรถเรา และคู่กรณี สามารถซื้อแผนประกันเสริมความคุ้มครองน้ำท่วมได้
- ประกันชั้น 3 คุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุชนกันของรถเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น
สรุปแล้ว ซื้อ ประกันรถ ชั้นไหนดี คำตอบก็คือขึ้นอยู่กับว่าการใช้รถใช้ถนนของเราเป็นยังไง ถ้าเราเป็นมือใหม่หัดขับ แต่ต้องขับรถ เราขอแนะนำว่าซื้อชั้น 1 ไปเลยดีกว่า หากเป็นคนที่มีความชำนาญแล้ว ประกันชั้น 2+ ก็คุ้มครองตอบโจทย์ไม่น้อย สำหรับรถยนต์ที่ขับในเส้นทางที่คุ้นเคย ผู้ขับขี่มีความชำนาญสูง สามารถซื้อประกันชั้น 3+ ได้ แต่สำหรับชั้น 3 ธรรมดาเราขอแนะนำให้ทำกับรถยนต์ที่ไม่ค่อยได้ใช้จะดีกว่า