สินเชื่อเงินสดเพื่อคนมีรถ โอนเล่ม vs ไม่โอนเล่ม ต่างกันยังไง เหมาะกับใคร?
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับ สินเชื่อรถแลกเงิน หรือที่เรียกกันว่า สินเชื่อเงินสดเพื่อคนมีรถ ไม่ว่าจะมีรถยนต์ หรือไม่มีก็ตาม ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสินเชื่อเงินสดเพื่อคนมีรถกันให้มากขึ้น รวมถึงสรุปให้ว่า แบบโอนเล่ม vs ไม่โอนเล่ม ต่างกันยังไง เหมาะกับใคร? ไปดูกันเลยค่ะ
รู้จักสินเชื่อเงินสดเพื่อคนมีรถ หรือสินเชื่อรถแลกเงิน คืออะไร
สินเชื่อเพื่อคนมีรถ หรือสินเชื่อรถแลกเงิน เป็นสินเชื่อประเภทหนึ่ง ที่ผู้ขอสินเชื่อจากธนาคาร หรือสถาบันการเงิน โดยผู้ขอสินเชื่อต้องนำรถมาใช้เป็นประกันเวลาขอสินเชื่อ และสามารถนำรถกลับไปใช้ได้ตามปกติเหมือนเดิม แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบโอนเล่ม และ แบบไม่โอนเล่ม
- แบบโอนเล่ม คือ การขอสินเชื่อกับธนาคาร หรือสถาบันการเงิน โดยมีการเปลี่ยนชื่อเป็นเจ้าของในเล่มทะเบียนรถแทน แล้วจะโอนชื่อกลับมาเป็นของเจ้าของ หรือผู้กู้อีกครั้งก็ต่อเมื่อได้ปิดหนี้ หรือสัญญากู้สิ้นสุดลงแล้วนั่นเอง ข้อดีของสินเชื่อเงินสดเพื่อคนมีรถแบบโอนเล่ม จะได้รับวงเงินที่สูงกว่าแบบไม่โอนเล่ม และคิดดอกเบี้ยแบบคงที่
- แบบไม่โอนเล่ม คือ การขอสินเชื่อกับธนาคาร หรือสถาบันการเงิน แบบไม่ต้องโอนเล่ม หรือเปลี่ยนชื่อเจ้าของในทะเบียนรถนั่นเอง และคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เป็นการฝากเล่มทะเบียนรถไว้กับธนาคาร หรือสถาบันการเงินที่ให้กู้เงิน เพื่อใช้เป็นหลักประกันการขอสินเชื่อ หรือการกู้ยืมเงินแทนนั่นเอง และเมื่อได้ปิดหนี้ตามสัญญาเงินกู้หมดแล้ว ผู้กู้ก็จะได้รับเล่มทะเบียนรถกลับคืน
สินเชื่อรถยนต์ มีกี่แบบแบบ เหมาะกับใคร
การมองหาสินเชื่อรถแลกเงินที่หลายคนกำลังสนใจ แต่อาจยังตัดสินใจไม่ได้ว่า เราจะเลือกแบบไหนที่เหมาะกับตัวเองที่สุด วันนี้ เราได้แบ่งปันข้อมูลสินเชื่อเงินสดเพื่อคนมีรถมาให้คุณ ว่ามีอะไรบ้าง มาเริ่มกันเลยค่ะ
- สินเชื่อเช่าซื้อแบบโอนเล่ม
เป็นสินเชื่อประเภทที่ผู้กู้ต้องทำการโอนเล่มทะเบียนรถ หรือเปลี่ยนชื่อทะเบียนรถให้ธนาคาร หรือสถาบันการเงินที่ให้บริการสินเชื่อ โดยวิธีคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ คือ การคิดดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมดแบ่งออกเป็นงวด ๆ เท่ากัน จนกว่าจะชำระหนี้หมด หรือปิดหนี้แล้วทางธนาคาร หรือสถาบันการเงินจึงจะโอนทะเบียนรถให้กลับเป็นกรรมสิทธิ์คืนเจ้าของเดิม หรือผู้กู้สินเชื่อนั่นเอง วิธีนี้หากแม้ผู้กู้จะจ่ายหนี้เป็นก้อน หรือจะจ่ายค่างวดเพิ่มขึ้นในบางเดือน การคิดอัตราดอกเบี้ยก็ยังคงเดิม ดังนั้น สินเชื่อเช่าซื้อแบบโอนเล่มสำหรับผู้เป็นเจ้าของรถจึงเหมาะกับผู้ที่มี่รายได้ไม่แน่นอน หรือประกอบอาชีพอิสระ เพราะต้องชำระค่างวดเท่าเดิมไปจนหมดสัญญานั่นเองค่ะ
- สินเชื่อจำนำทะเบียนแบบไม่โอนเล่ม
สินเชื่อประเภทนี้ ผู้กู้ต้องใช้ทะเบียนรถเป็นประกัน โดยไม่ต้องโอนเล่มทะเบียนรถ การคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก คือ การคิดดอกเบี้ยตามเงินต้นที่ค้างอยู่ในแต่ละงวด ข้อดีคือ หากผู้กู้จะจ่ายหนี้เป็นก้อน หรือจะจ่ายหนี้เพิ่มจะทำให้เงินต้น และดอกเบี้ยลดลงตามไปด้วย ดังนั้น สินเชื่อจำนำทะเบียนแบบไม่โอนเล่ม จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการจ่ายค่างวดลดลง หรือปิดหนี้ได้เร็วขึ้น หากอนาคตมีรายได้เพิ่มขึ้น หรือมีเงินก้อนเพื่อปิดหนี้ได้ไวขึ้นนั่นเอง
- สินเชื่อจำนำทะเบียนแบบวงเงินพร้อมใช้
สินเชื่อประเภทนี้ เป็นการขอสินเชื่อจำนำทะเบียนรถทั่วไป แต่จะมีวงเงินพร้อมใช้ ผู้กู้สามารถเบิกถอนได้เพิ่มเติมเมื่อมีการผ่อนชำระหนี้ไปแล้ว ซึ่งวงเงินคงเหลือจะสามารถเบิกถอนได้ตามสัญญาที่ได้กำหนดไว้
ดังนั้น สินเชื่อจำนำทะเบียนแบบวงเงินพร้อมใช้ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการมีเงินไว้ใช้หมุนเวียนในยามฉุกเฉินนั่นเอง
สรุปสินเชื่อเพื่อคนมีรถ เหมาะกับใครบ้าง
สำหรับใครที่อาจยังไม่เข้าใจในวัตถุประสงค์ของสินเชื่อเงินสดเพื่อคนมีรถ หรือสินเชื่อรถแลกเงินนั้น เหมาะกับตัวเราไหม มาดูข้อสรุปหลัก ๆ กันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
- ผู้ที่ต้องการเงินด่วน คือ สินเชื่อเงินสดเพื่อคนมีรถ หรือสินเชื่อรถแลกเงินเป็นสินเชื่อของคนที่ต้อง การใช้เงินก้อนฉุกเฉิน รีบใช้เงิน เพราะเป็นสินเชื่อที่อนุมัติง่าย จึงเหมาะกับคนที่ต้องการใช้เงินด่วน
- ผู้ที่เป็นมีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของรถ คือ คนที่เป็นเจ้าของรถ ผ่อนรถหมดแล้ว ไม่มีภาระหนี้ค้าง เพราะรถที่ต้องนำมาเป็นประกันต้องไม่ติดภาระหนี้ หรือต้องผ่อนชำระหมดแล้วนั่นเอง
- ผู้ไม่มีรายได้ประจำ หรือทำงานอิสระ รายได้ไม่แน่นอน ก็กู้ได้ สินเชื่อเงินสดเพื่อคนมีรถ หรือสินเชื่อรถแลกเงิน เหมาะสำหรับคนที่มีรถที่เป็นกรรมสิทธิ์ หรือรถที่ปลอดภาระ ไม่มีรายได้ก็กู้ได้ เพราะใช้รถเป็นประกันในการกู้เงินนั่นเอง
เห็นแล้วใช่ไหมว่า การมีรถ หรือเป็นเจ้าของรถมันมีข้อดีอย่างไรบ้าง สำหรับใครที่ต้องการใช้เงินด่วน หรือต้องการเงินก้อนฉุกเฉิน การมองหาสินเชื่อเงินสดเพื่อคนมีรถ หรือสินเชื่อรถแลกเงิน ก็ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยคุณได้ แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนขอสินเชื่อทุกครั้ง ต้องเปรียบเทียบข้อมูลสินเชื่อ และอัตราดอกเบี้ยให้ดีก่อน เพราะการขอสินเชื่อนั่นหมายถึงการมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นในอนาคตต่อไป